ลูทีน เป็นสารอาหารจากธรรมชาติ ที่มีคุณค่ามหาศาลต่อร่างกาย ซึ่งเป็นที่รู้จัก ในฐานะสาระสำคัญ ที่ช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา และสมองของมนุษย์ ในยุคปัจจุบัน ที่เรามีการใช้สายตาอย่างหนัก จากอุปกรณ์ดิจิทัล และการเรียนรู้ที่ท้าทายมากขึ้น ความสำคัญของลูทีน ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น ทั้งในการปกป้องดวงตา และในการเสริมสร้างสมรรถภาพ ทางสมองที่ดี
ลูทีนเป็นสารอาหารที่พบในพืช และเป็นส่วนหนึ่ง ของกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งประกอบด้วยสารธรรมชาติมากกว่า 600 ชนิด ลูทีนมีบทบาทสำคัญ ในการเสริมสุขภาพ โดยเฉพาะในเรื่องของดวงตา ซึ่งพบในความเข้มข้นสูงมาก ในดวงตาและสมอง
โดยลูทีนจะช่วยปกป้อง retina ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของดวงตา ที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็น การสูญเสีย retina จะส่งผลกระทบ ต่อการมองเห็นอย่างรุนแรง ร่างกายไม่สามารถผลิตลูทีนได้เอง ลูทีนต้องได้รับจากอาหาร หรือการเสริมเท่านั้น [1]
ลูทีนมีคุณสมบัติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบ ซึ่งมีประโยชน์ โดยเฉพาะในการปกป้องเซลล์รับแสง ที่ละเอียดอ่อน ในจอประสาทตา จากการถูกทำลายจากแสงสีฟ้า จึงเหมือนกับ “แว่นกันแดดจากธรรมชาติ”
และมีประโยชน์ ในการปรับปรุงการมองเห็น เช่นการแยกแยะรายละเอียด การฟื้นตัวจากแสงจ้า และลดความเครียด และความล้าของดวงตา จากการใช้เครื่องมือดิจิทัล เป็นเวลานาน [2]
แหล่งอาหารที่มีลูทีนตามธรรมชาติ ได้แก่ ผักใบเขียว เช่นคะน้า ผักโขม, บรอกโคลี, ข้าวโพด, ถั่วพิสตาชิโอ, Collard greens, Romaine lettuce นอกจากนี้ยังพบในพริกหลากสี การบริโภคลูทีน จะมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อทานร่วมกับไขมัน ดังนั้นการรับประทานถั่ว ที่มีไขมันดีอย่างถั่วพิสตาชิโอ และวอลนัทจึงเหมาะสม
ยังไม่มีการกำหนดปริมาณลูทีน ที่แนะนำต่อวัน อย่างเป็นทางการ แต่งานวิจัยส่วนใหญ่ แนะนำให้บริโภค 10-20 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ ไม่สามารถได้รับลูทีนเพียงพอ จากอาหารเพียงอย่างเดียว และการรับประทานลูทีน ร่วมกับไขมันดี จะช่วยเพิ่มการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เช่นเติมน้ำมันมะกอกลงในสลัด
วิธีการบริโภคลูทีน ในรูปแบบเครื่องดื่ม สามารถทำเครื่องดื่มผัก โดยใส่เคล แบล็กเบอร์รี และน้ำมะนาวลงไปแล้วปั่นให้ละเอียด พร้อมใส่น้ำมันมะพร้าว หรือผงน้ำผักลงไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการดูดซึม การเติมน้ำมันมะพร้าว จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมลูทีนได้ดีขึ้น เนื่องจากลูทีนเป็นสารละลายในไขมัน
การเสริมลูทีน ยังส่งผลดีต่อสมอง และช่วยลดฮอร์โมน cortisol ซึ่งสามารถช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และเสริมสุขภาพสมอง เช่นการเพิ่มความสามารถด้านความจำ การให้ความสนใจ และความเร็วในการประมวลผล นอกจากนี้ ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพ การนอนหลับตามผลการศึกษาจากปี 2017-2018
ลูทีนยังช่วยปกป้องสมอง โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม เช่นโรคอัลไซเมอร์ การขาดลูทีนสามารถเพิ่มความเสี่ยง ในการเกิดภาวะเหล่านี้ได้ ลูทีนยังช่วยลดการอักเสบ และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องสมอง ให้คงความแข็งแรง ทำให้ลูทีนมีประสิทธิภาพในการบำรุงสมอง
งานวิจัยล่าสุด ได้แสดงให้เห็นว่า การเสริมลูทีนในเด็ก ให้ผลดีไม่เพียงแค่สุขภาพดวงตาเท่านั้น แต่ยังส่งผลเชิงบวก ต่อการพัฒนาสมองด้วย การวิจัยนี้ นับเป็นก้าวสำคัญ เพราะที่ผ่านมา ยังไม่ค่อยมีการศึกษาเกี่ยวกับผลของลูทีน ต่อสุขภาพดวงตา และการพัฒนาสมอง ของเด็กโดยตรง โดยมีรายละเอียดดังนี้
รายงานจาก CDC ระบุว่า เด็กอายุ 8-18 ปี ใช้เวลาเฉลี่ย 7.5 ชั่วโมงต่อวัน ในการใช้อุปกรณ์ดิจิทัล ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่ง ของอาการเมื่อยล้าทางสายตา การวิจัยแสดงให้เห็นว่า การเสริมลูทีน สามารถช่วยลดความเมื่อยล้าทางสายตาได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วย ในเรื่องของสมาธิ และการพัฒนาสติปัญญา [3]
ลูทีนเป็นสารอาหารสำคัญ มีบทบาทหลากหลาย ในการดูแลสุขภาพดวงตา และสมอง ด้วยคุณสมบัติ ในการปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า ชะลอการเสื่อมจอประสาทตา และช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง การได้รับลูทีน จากอาหารที่มีประโยชน์ หรือจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นวิธีที่ดี ในการสนับสนุนสุขภาพโดยรวม ของร่างกาย