วิตามินเอ สารอาหารสำคัญต่อดวงตา และภูมิคุ้มกัน

วิตามินเอ

วิตามินเอ เป็นสารอาหารสำคัญ ที่มีบทบาทหลากหลายต่อร่างกาย ทั้งในการเสริมสร้างสุขภาพตา บำรุงผิวพรรณ ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ วิตามินเอพบได้ในอาหารหลายชนิด เมื่อได้รับในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้ร่างกายทำงาน ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

วิตามินเอ Beta Ring และ Polyene Chain

โครงสร้างของวิตามินเอ ประกอบด้วยส่วนสำคัญสองส่วนคือ Beta Ring และ Polyene Chain เมื่อร่างกายรับวิตามินเอ จากแหล่งอาหาร เช่นแครอท วิตามินเอจะถูกเปลี่ยนรูป ภายในร่างกายเป็น Retinol และ Retinal ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงกันไปมาได้

นอกจากนี้ Retinal ยังสามารถเปลี่ยนไปเป็น Retinoic Acid ซึ่งเป็นโมเลกุลที่สำคัญ มีบทบาทในการส่งสัญญาณ ภายในเซลล์ เพื่อควบคุมการเจริญเติบโต การซ่อมแซม และการทำงานของเซลล์ผิวหนัง และเนื้อเยื่ออื่นๆในร่างกาย

วิตามินเอ บทบาทในด้านสายตา การมองเห็น

วิตามินเอมีบทบาทสำคัญ ในการปรับตัวของสายตา ในที่มีแสงน้อย เมื่อมีแสง วิตามินเอในจอประสาทตา จะทำงานร่วมกับเซลล์ และส่งสัญญาณไปยังสมอง ทำให้เราสามารถมองเห็น ในสภาพแสงน้อยได้ ช่วยสายตาปรับตัวจากที่สว่าง ไปสู่ที่มืดได้อย่างรวดเร็ว

หากขาดวิตามินเอ กระบวนการปรับตัวนี้จะช้าลง ทำให้การมองเห็นในที่มืดลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตาบอดกลางคืน และในกรณีรุนแรง อาจทำให้กระจกตาแห้ง และเกิดการติดเชื้อร้ายแรง ระดับวิตามินเอที่ต่ำกว่า 25 ไมโครกรัม อาจทำให้เกิดภาวะขาดวิตามินเอ และปัญหาสุขภาพอื่นๆ [1]

วิตามินเอ บทบาทระบบภูมิคุ้มกัน และผิวพรรณ

วิตามินเอมีส่วนสำคัญ ต่อระบบภูมิคุ้มกัน เนื่องจากผิวหนังภายนอก และภายใน ทำหน้าที่เป็นกำแพงป้องกันเชื้อโรค อีกทั้งยังส่งเสริมการทำงาน ของเซลล์ที่ควบคุมการตอบสนอง ของภูมิคุ้มกัน ซึ่งมีผลต่อความเสี่ยง ในการเกิดโรคภูมิต้านตนเอง เช่นโรคไทรอยด์บางชนิด

นอกจากนี้ วิตามินเอยังมีส่วนสำคัญ ในการบำรุงรักษาผิวพรรณ วิตามินเอช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ ลดความเสี่ยงของผิวแห้ง และแตกลาย ช่วยในกระบวนการซ่อมแซมผิวหนัง และการแบ่งตัวของเซลล์ รวมถึงปกป้องผิว จากการติดเชื้อ

วิตามินเอ และอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อตา

วิตามินเอ

การวิจัยพบว่า อาหารบางชนิด ช่วยป้องกันโรคต้อกระจก และป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตาตามวัยที่เป็นสาเหตุสำคัญ ของการสูญเสียการมองเห็น ในผู้สูงอายุ โดยอาหารที่มีประโยชน์ ในการดูแลสุขภาพดวงตา มีดังนี้

  • อาหารที่อุดมด้วยวิตามินเอ วิตามินเอมีบทบาทสำคัญ ในการปกป้องกระจกตา และช่วยลดความเสี่ยง ต่อการตาบอดกลางคืน และการสูญเสียการมองเห็น แครอทและมันหวาน เป็นแหล่งของวิตามินเอที่ดี โดยมันหวานให้ปริมาณวิตามินเอ มากกว่าแครอท นอกจากนี้ผลไม้เช่น Apricot ก็เป็นแหล่งที่ดีเช่นกัน
  • ผักใบเขียวเข้ม ผักใบเขียวเข้ม เช่นผักโขม และบรอกโคลี มีสาร Lutein ที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งช่วยกรองแสงสีฟ้า และปกป้องจอประสาทตา จากความเสียหาย
  • ผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินซี ผลไม้และผักสีส้ม และแดง เช่นพริกแดง Strawberry และ Kiwi เป็นแหล่งของวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดต้อกระจก ซึ่งเป็นภาวะที่เลนส์ตาขุ่นมัว และทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน การบริโภควิตามินซี ช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดต้อกระจกได้
  • ปลาที่อุดมด้วย Omega 3 เช่นปลาแซลมอน, herring และ Sardines เป็นแหล่งของ Omega 3 ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพ ของจอประสาทตา และลดความเสี่ยง ของโรคจอประสาทตาเสื่อม
  • วิตามินอีลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์ รวมถึงเซลล์ดวงตา จากการทำลายของอนุมูลอิสระ แหล่งของวิตามินอี รวมถึงเมล็ดทานตะวัน และอัลมอนด์ ซึ่งช่วยป้องกันความเครียด จากออกซิเดชัน ที่เป็นปัจจัย ในการเกิดโรคตาหลายชนิด
  • สังกะสีชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา สังกะสีมีบทบาท ในการชะลอการเสื่อม ของจอประสาทตาในผู้สูงอายุ แหล่งที่ดีของสังกะสีได้แก่ หอยนางรม ไก่งวง ไข่ ถั่วลิสง และธัญพืชเต็มเมล็ด

ที่มา: Doctor explains BEST FOODS FOR EYE HEALTH [2]

 

วิตามินเอ ผลกระทบการขาด และการได้รับเกิน

การขาดวิตามินเอ อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่นปัญหาการมองเห็นในที่มืด ดวงตาแห้ง ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ปัญหาผิวหนัง และปัญหาการพัฒนากระดูกในเด็ก นอกจากนี้ การขาดวิตามินเอ ยังอาจส่งผลต่อการดูดซึมไอโอดีน ที่จำเป็นต่อการทำงานของไทรอยด์

การขาดวิตามินเออาจเกิดขึ้น หากไม่บริโภคอาหาร ที่มีวิตามินเอเพียงพอ หรือหากมีปัญหาที่ตับ เช่นภาวะตับแข็ง หรือมีไขมันพอกตับ ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถ ในการเก็บและใช้วิตามินเอ นอกจากนี้ ผู้ที่ไม่มีถุงน้ำดี หรือต้องการน้ำดี เพื่อการดูดซึมวิตามินเอ อาจมีปัญหาในการรับวิตามินเอจากอาหาร

การได้รับวิตามินเอเกิน ก็อาจทำให้เกิดอาการ คล้ายกับการขาดวิตามินเอ เช่นผิวหนังแห้ง ริมฝีปากแห้ง อาการปวดหัว และความดันในกะโหลก รวมถึงการมีแคลเซียมในเลือดสูง การบริโภควิตามินเอเกิน จากแหล่งสังเคราะห์ หรือจากอาหารบางชนิด เช่นตับของสัตว์บางชนิด อาจทำให้เกิดความเป็นพิษได้ [3]

วิตามินเอ คำแนะนำ หลีกเลี่ยงแบบสังเคราะห์

วิตามินเอสังเคราะห์ โดยเฉพาะในรูปแบบเบต้าแคโรทีน อาจเพิ่มความเสี่ยง ในการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะในผู้ที่สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นควรเลือกรับวิตามินเอ จากอาหารธรรมชาติ เช่นไข่แดง ตับ และผักใบเขียว ซึ่งมีความปลอดภัย และลดความเสี่ยง ในการเกิดภาวะเป็นพิษ

วิตามินเอสามารถทานร่วมกับอาหารเสริม ลูทีน เพื่อช่วยบำรุงสายตา ลูทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยกรองแสงสีน้ำเงิน และลดความเสี่ยง ในการเกิดจอประสาทตาเสื่อมตามวัย หรือทานร่วมกับ ซีแซนทีน จะ ช่วยลดความเสื่อม ของจอประสาทตา และเพิ่มความคมชัดในการมองเห็น

สรุป วิตามินเอ สำคัญต่อตา ผิว และภูมิคุ้มกัน

วิตามินเอเป็นหนึ่งในวิตามิน ที่ร่างกายต้องการในปริมาณที่พอเหมาะ ทั้งนี้ควรได้รับจากแหล่งอาหารธรรมชาติเป็นหลัก เนื่องจากวิตามินเอมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการรักษาสุขภาพตา ผิวพรรณ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน การดูแลให้ได้รับวิตามินเออย่างเหมาะสม ในชีวิตประจำวัน จึงเป็นสิ่งสำคัญ ในการคงความแข็งแรง และสุขภาพที่ดี

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

91