เทพทาโร ไม้หายากยืนต้น พันธุ์พื้นเมืองเก่าแก่ของไทย

เทพทาโร

เทพทาโร (อ่านออกเสียงว่า เทบ-พะ-ทา-โร) เป็นต้นไม้หายาก พื้นเมืองเก่าแก่ของไทย มีต้นขนาดใหญ่ อยู่ในวงศ์ Lauraceae พบในเอเชียใต้ ถึงตะวันออก บนเขาในป่าดงดิบ และเป็นพันธุ์ไม้มงคล พระราชทาน ประจำจังหวัดพังงา

เทพทาโร ลักษณะทั่วไป

เทพทาโร เป็นไม้ยืนต้น ขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุ่ม ใบมีสีเขียวเข้ม ลำต้นเรียบไม่มีพูพอน เปลือกต้นสีเทาอมเขียว หรืออมน้ำตาล ค่อนข้างเรียบ แตกเป็นร่องยาวตามลำต้น เมื่อถากเปลือกออก จะมีกลิ่นหอม จัดเป็น ต้นไม้หายาก ประเภทยืนต้น ขึ้นในป่าดงดิบ

ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Cinnarnomum Porrectum Kosterm
ชื่อสามัญ : จวง จวงหอม (ภาคใต้), จะไค้ต้น จะไค้หอม (ภาคเหนือ), ตะไคร้ต้น (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), เทพทาโร (ภาคกลาง จันทบุรี สุราษฎร์ธานี), พลูต้นขาว (เชียงใหม่), มือแดกะมางิง (มาเลเซีย ปัตตานี) [1]

ลักษณะเฉพาะของเทพทาโร

ใบ : ใบรูปรีแกมรูปไข่ หรือรูปไข่แกมรูปขอบขนาน เนื้อใบค่อนข้างหนา ผิวใบเกลี้ยง ท้องใบมีคราบขาว ปลายใบแหลม โคนใบแหลมและกลม ยาวประมาณ 7 – 20 ซม. ก้านใบเรียวเล็ก 2.5 – 3.5 ซม.
ดอก : ดอกออกเป็นช่อ สีขาวหรือเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอม ออกดอกตามปลายกิ่งเป็นกระจุกยาว 2.5 – 7.5 ซม. ก้านช่อดอกจะเรียวยาวและเล็กมาก
ผล : ผลมีขนาดเล็กและกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 7 มม. ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่มีสีม่วงดำ ก้านผลเรียว ยาวประมาณ 3 – 5 ซม.
เนื้อไม้ : ลักษณะเนื้อไม้ มีสีเทาแกมน้ำตาล มีกลุ่มหอมฉุน มีริ้วสีเขียวแกมเหลือง เนื้อไม้เป็นมันเลื่อม เสี้ยนตรง หรือสับสน เป็นคลื่นบ้างเล็กน้อย เหนียว แข็งพอประมาณ

จุดเด่น ไม้เทพทาโร

เทพทาโร

จุดเด่นคือ ชาวใต้เชื่อว่า หากมีไว้ประจำบ้าน จะช่วยให้ร่มเย็น ถือเป็นไม้มงคล เนื้อไม้สวยงามเรียบเนียน เหมาะกับการแกะสลัก เนื้อไม้มีกลิ่นหอม สดชื่น และกลิ่นของไม้นั้น ยังสามารถป้องกัน มอด ยุง ปลวกได้อีก และใช้เป็นยาสมุนไพร เปลือกเป็นยาบำรุงร่างกายอย่างดี โดยเฉพาะหญิงสาวรุ่น