การพัฒนา วัคซีนใหม่ ในสาขาการแพทย์

การพัฒนา วัคซีนใหม่

การพัฒนา วัคซีนใหม่ ในสาขาการแพทย์ โลกในปัจจุบันนี้นั้น มีไวรัสหลายชนิด ได้เพิ่มจำนวนขึ้น และการพัฒนาวัคซีน กลายเป็นปัจจัยสำคัญ ของนักวิทยาศาสตร์ เพื่อการช่วยเหลือ ประชากรโลกทั้งหมด และการพัฒนาของเทคโนโลยี จะสามารถช่วยเหลือ วงการวัคซีนได้อย่างไร

  • ช่วงเวลาการสร้างวัคซีนและจุดประสงค์ในการสร้าง
  • เงื่อนไขการพัฒนาและการสร้างวัคซีนจากเทคโนโลยี
  • ประเภทและวิธีการเก็บวัคซีน

ไทม์ไลน์วัคซีนยุคแรกเริ่ม ที่ได้รับการพัฒนา

ปี 1400-1700

  • ค.ศ. 1721: เป็นครั้งแรกที่ได้มีการ เผยแพร่วัคซีน ไข้ทรพิษในยุโรป
  • ค.ศ. 1774: บุคคลที่ชื่อว่า “เบนจามิน เจสตี้” ค้นพบสาเหตุ ของไข้ทรพิษ ว่ามาจากเนื้อวัว
  • ค.ศ. 1796: ได้มีการพัฒนาวัคซีน เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” และบุคคลแรกที่ได้ฉีดคือ “ฟิปส์”

ทศวรรษที่ 1800

  • พ.ศ. 2515: นักพัฒนาที่ชื่อว่า “หลุยส์ ปาสเตอร์” ได้ผลิตวัคซีนตัวใหม่ ที่ช่วยรักษาโรค อหิวาตกโรคในไก่
  • พ.ศ. 2428: นักพัฒนาคนเดิม สามารถผลิตวัคซีน ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้ แต่ยังคงไม่มีความเสถียร

ทศวรรษ 1900

  • ระหว่างปี 2461-2462: วัคซีนไข้หวัดใหญ่ กลายเป็นวัคซีนสำคัญ ในระดับต้นๆ เพราะในช่วงปีนั้น มีผู้ป่วยเสียชีวิต จากโรคระบาดนี้กว่า 20-50 ล้านคน
  • ช่วงปี 2480: ได้มีการสร้างวัคซีนใหม่ ที่ช่วยรักษาโรค ไข้ตัวเหลืองได้สำเร็จ
  • ช่วงปี 2514: ปีนี้เป็นปีที่ วัคซีนโรคหัด ที่ถูกพัฒนาเมื่อปี 2506 ถูกรวมเข้ากับ วัคซีนโรคคางทูม ที่สร้างเมื่อปี 2510
  • ช่วงปี 2563: จากการระบาด ของโรคโควิด -19 ทำให้มีการสร้างวัคซีน ป้องกันโรคนี้ขึ้น โดยมีการพัฒนาตัวยา เป็นจำนวนหลายครั้ง และตัวยาบางรุ่น ถูกสร้างจากเทคโนโลยี mRNA

ที่มา: Learn the story of these life-saving jabs (2025) [1]

จุดประสงค์หลัก ของการสร้างวัคซีนคืออะไร

จุดประสงค์หลัก ที่วงการวิทยาศาสตร์ เข้าร่วมกับการแพทย์ เพื่อพัฒนาวัคซีน เป็นเพราะต้องการ สร้างระบบภูมิค้นกัน ให้กับร่างกาย โดยการฉีดวัคซีนนั้น เป็นเหมือนการสร้าง สารกระตุ้นระบบ ภูมิคุ้มกันในตัวเอง และเมื่อระบบภูมิคุ้มกัน สร้างเกราะป้องกันแล้ว โรคนี้ในอนาคต จะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย

วัคซีนหลายชนิด ยังลดการแพร่เชื้อ ในส่วนของพื้นที่ สาธารณะได้อีกด้วย ทั้งนี้ประโยชน์ ในทางการแพทย์ ของการฉีดวัคซีน คือการแบ่งเบา ภาระทางการแพทย์ ในส่วนของการรักษา ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมี หุ่นยนต์ ช่วยเหลือ ทางการแพทย์ เข้ามาแล้วก็ตาม แต่การฉีดวัคซีน ก็ยังถือว่าสำคัญ

เงื่อนไขบางอย่าง ที่ยังทำให้เทคโนโลยีพัฒนาได้ไม่เต็มที่

สำหรับการพัฒนา เครื่องมืออย่าง “ LinearDesign” ที่มีการทำงาน อยู่ในระดับสมบูรณ์แล้วนั้น ในทางการแพทย์ เครื่องมือนี้ช่วยในเรื่อง การพัฒนาวัคซีน จากเทคโนโลยี และเป็นเครื่องมือสำหรับ การวางโครงสร้าง mRNA สิ่งที่น่ากังวล และยังเป็นข้อจำกัด ของการใช้งานคือ เรื่องการปรับระดับ

ความเหมาะสม ในการใช้สารกระตุ้น เพื่อเร่งปฏิกิริยา ของการสร้างระบบ ภูมิคุ้มกันในร่างกาย เพราะขั้นตอนการทำงาน จำเป็นต้องมี ความละเอียดสูง อีกทั้งยังต้อง ควบคุมการทำงาน อยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะมั่นใจว่า การทำงานของเครื่องมือนี้ มีประสิทธิภาพ เพียงพอหรือไม่ และการพัฒนา เป็นไปในทิศทางไหน

การพัฒนา วัคซีนใหม่ ในสาขาการแพทย์

การพัฒนา วัคซีนใหม่

จุดเริ่มต้นแนวคิด การพัฒนาเครื่องมือ ในการพัฒนาวัคซีน เริ่มเมื่อช่วงปี 2566 โดยมีการนำเสนอเครื่องมือ “LinearDesign AI” เป็นเครื่องมือใหม่ ที่ช่วยสร้างวัคซีน และการทำงานเพิ่ม ประสิทธิภาพการสร้าง ได้มากกว่าแบบเดิม 128 เท่า อีกทั้งเพิ่มทักษะ การทำงานให้กับ mRNA ได้ดีกว่าเดิม

โดยเครื่องมือเหล่านี้ มีประโยชน์สูงสุด ในการพัฒนาประสิทธิภาพ การทำงานของ mRNA เป็นการทำงาน ผ่านการคำนวณ ตามหลักภาษาศาสตร์ ที่ทำงานผ่าน อัลกอริทึม ที่ถูกฝังตัวไว้ โดนฟังก์ชันแรก จะเป็นในส่วนของ การปรับโครงสร้าง ทำให้การทำงาน มีความเสถียร เพิ่มมากยิ่งขึ้น

ฟังก์ชันถัดมา จะเป็นในส่วนของ การปรับโครงสร้าง ที่อยู่ในระดับ โมเลกุลโดยทำให้ mRNA วนกลับมาทำงาน ได้อีกครั้งหนึ่ง สิ่งนี้ช่วยยืด อายุการทำงานของวัคซีน และฟังก์ชันสุดท้าย จะเป็นความพิเศษ ในการเพิ่มทักษะ การถอดรหัส เมื่อวัคซีนอยู่ในส่วน เซลล์โฮสต์ สิ่งนี้ส่งผลหลัก ต่อระบบภูมิคุ้มกัน

ที่มา: Revolution in mRNA vaccine (2025) [2]

ประเภทของวัคซีน ที่หลายคนยังไม่เคยรู้

  • Toxoid: เป็นการใช้พิษ ของเชื้อแบคทีเรีย แต่ก่อนการใช้งาน ต้องทำให้พิษเหล่านี้ ไม่มีฤทธิ์แล้ว แต่การใช้งานของพิษนี้ ยังคงต้องสร้าง แรงกระตุ้นต่อระบบ ภูมิคุ้มกันของร่างกายได้
  • วัคซีนเนื้อตาย: แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ทำจากเชื้อแบคทีเรีย ที่ตายไปแล้ว เมื่อรับวัคซีนเข้าไป อาจจะมีอาการไข้ อยู่ในช่วงระยะเวลา 3-4 ชม. อีกกลุ่มคือ การใช้งานบางส่วน ของเชื้อ กลุ่มนี้จะมีอาการน้อยกว่า กลุ่มแรกเมื่อได้รับวัคซีน
  • วัคซีนแบบมีชีวิต: เป็นการนำเชื้อแบคทีเรีย ที่ยังมีชีวิต แต่มีพิษแบบอ่อนลง มาทำเป็นวัคซีน วัคซีนชนิดนี้ มักแสดงอาการข้างเคียง หลังจากฉีดไปแล้ว 5-7 วัน (2016-2023) [3]

วิธีการรักษาวัคซีน เพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด

การเก็บรักษาวัคซีน ถือเป็นส่วนสำคัญ ของการรักษา ประสิทธิภาพการทำงาน ของเชื้อภายใน โดยปกติแล้ว การเก็บวัคซีนต้องทำให้ ตัววัคซีนอยู่ใน อุณหภูมิประมาณ 2-8 องศา และวัคซีนบางตัว ต้องเก็บไว้ในความเย็น -20 องศา สำหรับวัคซีนตัวใหม่ บางชนิดต้องใช้ อุณหภูมิต่ำถึง -70 องศา ในการเก็บรักษา

หากสนใจอ่านเนื้อหาทั้งหมดคลิก who

เนื้อหาแบบสรุป การพัฒนา วัคซีนใหม่

บทสรุป การพัฒนา วัคซีนใหม่ เป็นการทำงาน ผ่านเครื่องมือที่ชื่อว่า LinearDesign AI ที่ทำหน้าที่หลัก ในการพัฒนาโครงสร้าง และวิเคราะห์โครงสร้างของ mRNA โดยการทำงานเหล่านี้ สามารถเพิ่ม ประสิทธิภาพ ความเสถียรของตัววัคซีนได้ ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่มีประโยชน์สูง

วัคซีนประเภทไหน ไม่มีผลข้างเคียง

สำหรับการฉีดวัคซีน อาจจะมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เกิดขึ้นได้ทุกกรณี แต่วัคซีนแบบเนื้อตาย โดยเป็นกลุ่มที่ ใช้บางส่วน ของเชื้อแบคทีเรีย ในการฉีดเข้าร่างกาย วัคซีนกลุ่มนี้ถือว่า เป็นกลุ่มที่ผลข้างเคียง น้อยที่สุด หรืออาจจะไม่เกิด ผลข้างเคียงใดๆ เลยก็เป็นได้

วัคซีนชนิดแรก ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาคืออะไร

สำหรับการสร้างวัคซีนตัวแรก จะเป็นวัคซีน ที่ใช้เพื่อรักษา โรคไข้ทรพิษ วัคซีนตัวนี้ถือเป็น วัคซีนตัวแรกของโลก ที่ได้ถูกสร้างขึ้น และเริ่มแพร่เข้ามายัง ฝังยุโรปเมื่อช่วงปี 1721 หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีการสร้าง วัคซีนชนิดใหม่ขึ้นมา แต่วัคซีนตัวนี้ ยังคงใช้งานอยู่

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง