กีฬายิงปืน มีกี่ประเภท ในการแข่งขันระดับสากล

กีฬายิงปืน มีกี่ประเภท โดยปกติการแข่งขันยิงปืน จะมีอยู่ 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ ปืนพก ปืนยาว และปืนลูกซอง การแข่งขันยิงปืน จะเน้นความแม่นยำ ความนิ่ง และการควบคุมลมหายใจ ผู้เล่นต้องอาศัยทั้งทักษะทางเทคนิค และสมาธิสูง เพื่อให้สามารถยิงได้อย่างสม่ำเสมอ และแม่นยำมากที่สุด

การแข่งขันยิงปืน ในโอลิมปิก
เป้าหมายในการแข่งขัน กีฬายิงปืน
อุปกรณ์เสริม ที่ใช้ในการแข่งขันยิงปืน

การแข่งขันยิงปืน ในโอลิมปิก

การแข่งขันยิงปืนนานาชาติ ถูกจัดขึ้นในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1896 และมีรายการชิงแชมป์โลก ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1897 ซึ่งในปัจจุบันกีฬาชนิดนี้ เป็นกีฬาที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแล ของสหพันธ์กีฬายิงปืนนานาชาติ และยังมีรายการแข่งขันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ในโอลิมปิกที่จัดขึ้นทุก 4 ปี

ISSF ยิงปืนชิงแชมป์โลก, ISSF เวิลด์คัพ และการแข่งขันระดับภูมิภาค อย่างเช่น รายการแข่งขันแพนอเมริกันเกมส์ และ ชิงแชมป์ยุโรป (17 พฤศจิกายน 2024) [1]

ข้อมูลเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ในการครอบครองอาวุธปืน

เรื่องของการครอบครอง อาวุธปืน จัดอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ซึ่งมีสาระสำคัญระบุไว้ว่า การครอบครองอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ยกตัวอย่างเช่น มาตรา 7

ระบุไว้ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดทำการนำเข้า สั่ง ใช้ ทำ หรือซื้อ อาวุธปืน และกระสุนปืน ยกเว้นจะได้รับการอนุญาตจากทาง นายทะเบียนท้องที่ หากผู้ใดที่ฝ่าฝืน จะได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี และปรับเงินเริ่มต้นที่ 2,000 – 20,000 บาท ส่วนผู้ที่สามารถขอใบอนุญาต ครอบครองอาวุธปืน และกระสุนปืนได้

คือ คนที่ต้องใช้ในการป้องกันตัว ดูแลทรัพย์สิน หรือใช้ในการกีฬา ซึ่งใบอนุญาตจะออกให้ปืน แต่ละกระบอก เช่น หากมีปืน 3 กระบอก ก็ต้องทำเรื่องยื่นขอใบอนุญาต 3 ฉบับ (7 สิงหาคม 2025) [2]

เป้าหมายหลักในการแข่งขันกีฬายิงปืน คืออะไร?

เป้าหมายหลักในการแข่งขัน กีฬายิงปืน คือ การยิงให้แม่นยำที่สุด โดยมุ่งเน้นไปที่จุดศูนย์กลางของเป้า ผู้แข่งขันต้องควบคุมลมหายใจ ท่าทาง และจังหวะในการกดไกปืน ให้สม่ำเสมอ คะแนนจะขึ้นอยู่กับความแม่นยำ และการปฏิบัติตามกฎกติกาที่กำหนด การแข่งขันจะเน้นการใช้ทักษะทางเทคนิค สมาธิ และความนิ่ง ของร่างกาย เช่นเดียวกับการเล่น กอล์ฟ ประวัติ

เผยความแตกต่างของอาวุธปืน แต่ละประเภท

การแข่งขันยิงปืน จะใช้อาวุธปืนในการแข่งทั้งหมด 3 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีลักษณะ และการใช้งาน ที่แตกต่างกันไป เริ่มจากปืนยาวไรเฟิล ใช้สำหรับระยะ 50 เมตร ส่วนปืนยาวอัดลม จะใช้ในระยะ 10 เมตร ปืนประเภทนี้มักถูกปรับแต่ง ให้เข้ากับสรีระของผู้ใช้ ซึ่งมีน้ำหนักได้มากถึง 8 กิโลกรัม

ต่อมาคือ ปืนสั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ปืนสั้นอัดลม และปืนสั้นยิงเร็ว ปืนประเภทนี้จะต้องใช้มือข้างเดียว ในการยิง และจะไม่มีอุปกรณ์ช่วยพยุง สุดท้ายคือ ปืนลูกซอง ใช้สำหรับยิงเป้า ที่ถูกปล่อยออกมาด้วย ความเร็วสูง (23 มิถุนายน 2025) [3]

ประโยชน์ของการใช้ปืน ในสมัยอดีต

ในสมัยอดีต ปืนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากมายหลายด้าน สามารถใช้ในการป้องกันตัว และการทำสงครามได้ อีกทั้งมนุษย์ใช้ปืนในการปกป้องครอบครัว และชุมชนจากศัตรูได้ อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังใช้ในการล่าสัตว์ เพื่อหาอาหารอีกด้วย ที่สำคัญการยิงปืน ยังช่วยพัฒนาทักษะ ความแม่นยำ และทำให้มีสมาธิมากยิ่งขึ้น

อุปกรณ์เสริมที่ใช้ใน การแข่งขันยิงปืน

ลูกกระสุน ของปืนแต่ละชนิด
แว่นตานักกีฬา ใส่เพื่อช่วยปรับโฟกัส และป้องกันเศษกระสุน
ที่อุดหู หรือเฮดโฟน ใส่เพื่อป้องกันเสียง และลดเสียงดังจากการยิง เพิ่มสมาธิ
แท่นหรือขาตั้งปืน สำหรับปืนยาวบางประเภท
เป้ายิงมาตรฐาน ซึ่งจะมีอยู่หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทการแข่งขัน

บทส่งท้าย กีฬายิงปืน มีกี่ประเภท

สรุปยิงปืน เป็นกีฬาที่เน้นความแม่นยำ ความนิ่ง และสมาธิสูง ผู้เล่นต้องควบคุมทั้ง ลมหายใจ ท่าทาง และจังหวะการกดไกปืน การแข่งขันแบ่งเป็นสามประเภทหลัก คือ ปืนพก ปืนยาว และปืนลูกซอง กีฬาชนิดนี้สามารถเล่นได้หลายช่วงวัย เพราะไม่ต้องใช้แรงมาก แต่ต้องฝึกทักษะ และสมาธิอย่างต่อเนื่อง

ผู้เริ่มต้นควรเริ่มยิง ด้วยปืนชนิดใด?

ผู้เริ่มต้นควรเริ่มยิงด้วย ปืนยาวลม 10 เมตร เพราะควบคุมง่าย และมีความปลอดภัยสูง กว่าปืนชนิดอื่นๆ ปืนลม จะช่วยให้ผู้ฝึกโฟกัส ที่พื้นฐานสำคัญ เช่น ท่ายืน การเล็ง และการกดไกปืนอย่างถูกต้อง โดยไม่กดดันมากเกินไป เมื่อมีพื้นฐานที่ดีแล้ว ค่อยพัฒนาไปสู่การใช้ปืนสั้น หรือ ปืนชนิดอื่นๆ

กีฬายิงปืนช่วยพัฒนาทักษะ ด้านไหนบ้าง?

กีฬายิงปืน ช่วยพัฒนาทักษะ ด้านความแม่นยำ การตัดสินใจภายใต้แรงกดดัน การควบคุมลมหายใจ การโฟกัสอยู่กับปัจจุบัน อีกทั้งยังทำให้มีสมาธิ และควบคุมอารมณ์ได้ดีมากยิ่งขึ้น กีฬายิงปืนสามารถเล่นได้อย่างปลอดภัย และให้ความสนุกได้ หากเล่นอยู่ภายใต้กฎกติกา และการควบคุมดูแล ของครูผู้ฝึก