ซามูไร นักรบในตำนาน จากทางฝั่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหลายท่านอาจจะพอทราบข้อมูลของนักรบเหล่านี้ ด้วยเอกลักษณ์ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว และรูปแบบการแต่งกาย จึงถูกขนานนามว่า เป็นนักรบที่ซื่อสัตย์ วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จัก กับนักรบในตำนานนี้ให้มากยิ่งขึ้น
นักรบโบราณ ซามูไร ที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัย เฮอัง ช่วงประมาณ ค.ศ. 794-1185 และในสมัยนั้น นักรบเหล่านี้ เป็นเพียงแค่ทหารรับจ้างทั่วไป เพื่อให้ไปปราบชนกลุ่มน้อย ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น
ซึ่งส่วนใหญ่นั้น พวกเขาจะถูกว่าจ้างจากเจ้าของที่ดิน หรือตระกูลที่มีอำนาจ เมื่อสำเร็จหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย จะได้รับการว่าจ้างต่อ เพื่อคอยปกป้องตระกูลเหล่านั้น เห็นได้ชัดว่า ซามูไร จะมีรากฐานมาจากคำว่า ซะบุระอุ ซึ่งแปลว่าการรับใช้
นักรบเหล่านี้ จะยึดหลักบูชิโด หรือวิถีแห่งนักรบ ซึ่งจะมีการจงรักภักดีต่อผู้ว่าจ้าง หรือเจ้านายเป็นหลัก เน้นความกตัญญู ตามหลักของพุทธนิกาย ต่อมา จากการเป็นนักรบที่ถูกว่าจ้าง กลุ่มคนเหล่านี้ได้มีการตั้งชนชั้น และบทบาททางสังคมมากยิ่งขึ้น
เพราะในยุคสมัยนั้น เกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ ได้แก่ ตระกูลไทระ และตระกูลมินาโมโตะ ซึ่งทั้งสองตระกูลนี้ มี ซามูไรปกป้องและคุ้มกันอยู่จำนวนมาก จึงได้เกิดการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจการเกิดขึ้น จากจักรพรรดิญี่ปุ่น และทำให้ตระกูลมินาโมโตะ เอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้
ซึ่งนักรบโบราณญี่ปุ่น ซามูไร จะมีอาวุธคู่ใจที่หลายท่านคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี นั่นก็คือ ดาบซามูไร หรือ นิฮงโต เพื่อใช้ในการต่อสู้ และฟาดฟันศัตรูซึ่งหน้า ส่วนใหญ่จะพกติดตัวไว้ 2 เล่ม โดยจะเป็นดาบที่มีความยาว และดาบเล่มสั้น ซึ่งดาบนั้นมีหลากหลายประเภท ดังนี้
ที่มา : ดาบของซามูไร [1]
ในบันทึกประวัติศาสตร์ของไทยเรานั้น ยังมีการปรากฏของนักรบโบราณญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า ยามาดะ นางามาซะ ได้เข้ามาในกรุงศรีอยุธยา ในสมัยพระเจ้าทรงธรรม เดิมทีนั้นเขาเป็น ซามูไร ในชนชั้นผู้น้อยในประเทศญี่ปุ่น
ต่อมาได้มีโอกาสรับราชการในกองทหารอาสาญี่ปุ่น จากนั้นก็ได้มีการเลื่อนตำแหน่งเพิ่มสูงขึ้น และได้เป็นเจ้ากรมทหารอาสาญี่ปุ่น และได้รับบรรดาศักดิ์เป็นออกญาเมนาภิมุข และในยุคสมัยพระเจ้าปราสาททอง เกิดข้อพิพาทขึ้นในเรื่องการแย่งชิงอำนาจ
หลังจากที่พระเจ้าทรงธรรมสวรรคต ออกญาภิมุขจึงถูกเนรเทศจากกรุงศรีอยุธยา และได้ไปเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชในเวลาต่อมา สุดท้ายก็ถูกลอบวางยาจนเสียชีวิต จากพระเจ้าปราสาททอง
แน่นอนว่านักรบโบราณเหล่านี้ ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความจงรักภักดีต่อนายจ้าง ถึงแม้ตนเองจะไม่สามารถทำภารกิจได้สำเร็จ พวกเขาก็จะใช้ชีวิตของตนเองนั้น แลกเพื่อการไถ่บาปนั่นเอง