ต้นจันผา หรือ จันทร์ผา ชื่อวิทยาศาสตร์ Dracaena cochinchinensis ถือว่าเป็นต้นไม้หายาก ตามแถบป่าเขาประเทศไทย ปัจจุบันจัดอยู่ ในวงศ์หน่อไม้ฝรั่ง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆจันทน์ผา, จันทน์แดง, ลักกะจันทน์ลักจั่น เป็นต้น โดยลักษณะสายพันธุ์ จะมีหน้าตาแตกต่างกันไปตามภูมิภาค หรือถิ่นกำเนิด ในต่างประเทศจะมีชื่อเรียกว่า Dragon Tree
ต้นจันผา เป็นไม้ยืนต้น ขนาดกลาง สามารถมีอายุได้เป็นร้อยปี หากต้องการ เลี้ยงให้ต้น มีขนาดใหญ่ ควรปลูกบริเวณพื้นที่โล่งกว้าง แต่ถ้าหาก ต้องการปลูก แบบจำกัดสถานที่ใ ควรปลูกลงกระถาง แต่ก็อาจจะต้องระวัง เรื่องการวางกระถาง ลงบนดิน เพราะต้นจันผานั้น เป็นต้นไม้ที่หาน้ำ และอาหารเก่ง รากอาจชอนไชลงดินได้ [1]
ต้น : เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง สูงราวๆ 1.4 – 4.5 เมตร ถ้าต้นโตเต็มที่ ก็อาจมีความสูง ได้ถึง 16 – 17 เมตร เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาล หรือสีน้ำตาลอมเทา แตกเป็นร่องตามยาว ไม่มีกิ่งก้าน ใบจะออกตามลำต้น มักพบขึ้นตามป่า ภูเขาหินปูนสูง ๆ และมีแสงแดดจัด
ใบ : มีลักษณะเป็นรูปยาวรีขอบขนาน ใบเดี่ยวออกเรียงสลับถี่ที่ปลายกิ่ง หรือใบเรียวยาว เนื้อใบหนากรอบ ขอบใบเรียบเป็นกาบโอบหุ้มลำต้น ไม่มีก้านใบ ใบกว้าง 4 – 5 cm. ยาวราวๆ 40 – 80 cm
ดอก : ดอกจะมีสีขาวนวล หรือสีขาวครีม ตรงกลางจุดมีสีแดงสด กลีบดอกมี 6 กลีบ ดอกขนาด 0.7-1 cm. ดอกจะออกที่ปลายยอด ตามซอก ตามใบ เป็นพวงขนาดใหญ่ ช่อจะโค้งห้อยลง ยาวประมาณ 40 – 100 cm. มีดอกย่อยหลายพันดอก ออกดอกช่วงเดือน ก.ค. – ส.ค.
ผล : ผลอ่อน มีสีเขียวอมน้ำตาล ผลแก่ จะเป็นสีแดงคล้ำ ภายในผลนั้นจะมีแค่เมล็ดเดียว ผิวผลนั้นเรียบ ออกผลเป็นช่อพวงใหญ่ เป็นทรงกลม มีขนาดเล็กอยู่รวมกันเป็นพวงขนาด 1cm. [2]
ตามความเชื่อนั้น คนไทยมักนิยมปลูกกัน เพราะถือว่า เป็นต้นไม้ ที่เป็นสิริมงคล ให้แก่ชีวิต และครอบครัว โดยต้นจันผานั้น มีความหมาย เป็นต้นไม้มงคล สำหรับเรียกทรัพย์เข้าบ้าน
เพราะ จันผาจัดว่าเป็นพืชที่ ทางราชการหวงห้าม ในการเคลื่อนย้าย หรือนำออกจาก พื้นที่บริเวณป่าไม้บนภูเขา สามารถทำได้เพียงแค่ นำเมล็ดพันธุ์ มาเพาะพันธุ์ ในการปลุกเท่านั้น ดังนั้นต้นไม้ชนิดนี้จึงมีราคาที่สูง และผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น จึงจะสามารถ เพาะปลูกต้นจันผา ให้เจริญเติบโต ได้อย่างงดงาม
ต้นจันทร์ผา เป็นต้นไม้ที่มีทรงพุ่มสวยงาม และยังมีดอกที่มีกลิ่นหอมด้วย มักนิยมปลูกกันตามสนามหญ้า สวนหย่อม สวนหิน ในส่วนของลำต้นนั้นหากเกิดแผล นานเข้าจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง สามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของน้ำยาอุทัย
ทั้งต้น : ช่วยแก้อาการปวดศรีษะ, รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
แก่นไม้, เนื้อไม้ : เป็นยาบำรุงหัวใจ, ดับพิษไข้ แก้ไข้ได้ทุกชนิด, แก้บาดแผล จากการบาดเจ็บ, แก้พิษฝี ที่มีอาการบวม หรืออักเสบ
แก่นไม้ : แก้โรคซาง
เมล็ด : รักษาอาการดีซ่าน
คลิกเพื่ออ่าน สรรพคุณของจันผา เพิ่มเติมได้ที่นี่ Dpf_mod
ต้นจันผา ต้นกำเนิดมาจากป่า จะเกิดตามผาหิน จะมีลักษณะของราก เป็นรากแก้ว และรากฝอยจำนวนมาก ที่ช่วยเรื่องการยึดเกาะ และหาอาหาร รากฝอยจะเป็นรากเดินไปตามผิวดิน หากเจอวัสดุที่แข็งหรือปูน รากจะหลบ หาทางแทรก แต่ไม่ทำลาย โครงสร้างของปูน
ดินที่ใช้ปลูก ควรจะเป็น ดินร่วน ไม่อมน้ำ ไม่แฉะ หรือดินป่นทราย รดน้ำวันละ 1 ครั้ง จันทร์ผาเป็นต้นไม้ที่อึด ทน จึงสามารถอดน้ำได้นาน แต่หากขาดน้ำ นานเกินไปใบจะ เหลือง ลีบ แห้ง และหากว่าต้องการให้ ต้นอ้วนสมบูรณ์ มีช่อดอก ใบเขียวให้บำรุงด้วยปุ๋ย อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
สามารถตัดแต่งรากได้ การตัดแต่งรากนั้น ให้ระวังรากที่ตัดหากแผลไม่แห้งสนิท จะทำให้รากเน่า และมีอาการติดเชื้อได้ การรักษา ถ้าหากรากเน่า ให้ตัดส่วนที่เน่าออก และต้องรักษาแผล ให้แห้งสนิท โดยใช้ปูนแดงทาแผล [3]
สรุป ต้นจันผา เป็นอีกหนึ่งต้นที่มีสรรพคุณทางยา มากมายทั้งยังสวยงามและ ดอกมีกลิ่นหอม สามารถปลูกได้ในสภาพดินที่เหมาะสม และสามารถปลูกไว้ในสวน เพื่อความสวยงาม เป็นไม้ประธานในสวนหน้าบ้านได้ เพื่อความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อ สรรพคุณทางยา มากมายหลายอย่าง