นกคาสโซวารี่ นกตัวใหญ่จอมพลัง

นกคาสโซวารี่

นกคาสโซวารี่ เป็นนกที่มีชื่อเสียงเรียงนาม ว่าเป็นนกที่มีพลังเยอะ และเป็นนกที่ดุที่สุดในโลก ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ ก็ไม่แปลกที่แรงจะเยอะขนาดนั้น และยังเชื่อว่านกคาสโซวารี่นั้น มีโครงสร้างแบบ นกก่อนประวัติศาสตร์ อีกด้วย ในบทความนี้ได้รวบรวมข้อมูล มาให้ศึกษา และจะพาไปทำความรู้จักกับนกชนิดนี้ให้มากขึ้น

นกคาสโซวารี่ นกที่ดุที่สุดในโลก

นกคาสโซวารี่ นกที่ดุ และอันตรายที่สุดในโลก นกชนิดนี้เป็นนกที่มีนิสัยก้าวร้าว ขี้หงุดหงิดง่าย จะกระโดดถีบผู้ที่มาบุกในพื้นที่ของมันอย่างรุนแรง การจู่โจมที่มันทำได้หลักๆ คือ จิก ถีบ และกระทืบ ซึ่งสองอย่างหลังนี่แหละ ที่ทำให้มนุษย์ถึงตายมาแล้วหลายราย ผู้ที่โดนนกชนิดนี้โจมตี อาจได้แผลอย่างฉกรรจ์ โดยกรงเล็บ และแรงมหาศาลของมัน เป็นนกที่อันตรายมากๆ ไม่ควรที่จะไปอยู่ใกล้ [1]

 ลักษณะที่โดดเด่น

ตัวเมียมีขนาดใหญ่ และมีสีสันสดใสกว่าตัวผู้ นกคาสโซวารีทางใต้ที่โตเต็มวัยจะมีความสูง 1.5-1.8 เมตร บางตัวอาจสูงถึง 2 เมตร และมีน้ำหนัก 58.5 กิโลกรัม และอาจจะเห็นนกคาสโซวารีตัวเมีย ที่มีน้ำหนักเกินถึง 70 กิโลกรัม ได้ โดยนกคาสโซวารีตัวเมียที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่มีบันทึกไว้คือ นกคาสโซวารีใต้ ซึ่งมีน้ำหนัก 85 กิโลกรัม และสูง 190 เซนติเมตร ใหญ่มากๆ

มีขนสีดำปกคลุมลำตัว บริเวณใบหน้า และลำคอมีสีสันสดใสต่างกันไป ตามแต่ละชนิด และมีจุดเด่น คือ หงอนขนาดใหญ่บนหัว ภายในเป็นโพรงกลวง นักวิทยาศาสตร์บางคนสันนิษฐานว่า มีไว้เพื่อช่วยในการส่งเสียงร้อง แบบเดียวกับไดโนเสาร์บางสกุลที่มีหงอนบนหัว เช่น พาราซอโรโลฟัส หรือแลมบีโอซอรัส เสียงร้องจะมีโทนเสียงที่ต่ำทุ้ม

สามารถอ่านรายละเอียด เกี่ยวกับหงอนของ พาราซอโรโลฟัส ได้ที่ wikipedia

ถิ่นกำเนิดของคาสโซวารี่

คาสโซวารี่ มีถิ่นกำเนิด ในป่าดิบชื้นของนิวกินี เกาะเล็กๆ ที่อยู่ใกล้เคียง นูซาเต็งการาตะวันออก หมู่เกาะมาลูกู และออสเตรเลียตะวันออกเฉียงเหนือ และนกคาสโซวารีมักจะออกหากินในป่าละเมาะ ทุ่งหญ้า ทุ่งหญ้าสะวันนา และป่าพรุ นกคาสโซวารียังสามารถพบได้ง่ายใน อุทยานแห่งชาติบางแห่ง เช่น อุทยานแห่งชาติเทือกเขาเมลลไรธ อุทยานแห่งชาติเทือกเขาปาลูมา และอุทยานแห่งชาติจาร์ดินในออสเตรเลีย

การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์

  • อาณาจักร : Animalia
  • ไฟลัม : Chordata
  • ชั้น : Aves
  • อันดับ : Struthioniformes
  • วงศ์ : Casuariidae Kaup
  • สกุล : Casuarius Brisson

ปัจจุบันสามารถแบ่งออก ได้เป็น 3 ชนิด โดยมีบางชนิดที่สูญพันธุ์ไปแล้ว

  1. นกแคสโซแวรีใต้ (Casuarius casuarius) เป็นนกแคสโซแวรีชนิดที่ใหญ่ที่สุด และเป็นที่รู้จักดีที่สุดในโลก
  2. นกแคสโซแวรีแคระ (Casuarius bennetti) พบในพื้นที่ราบสูงของนิวกินี
  3. นกแคสโซแวรีเหนือ (Casuarius unappendiculatus) พบในพื้นที่ตอนเหนือและภาคตะวันตกของเกาะนิวกินี ในพื้นที่ราบต่ำ Casuarius lydekki

ที่มา: “นกแคสโซแวรี” [2]

นกคาสโซวารี่

นกคาสโซวารี่ โครงสร้างแบบนกก่อนประวัติศาสตร์

นกคาสโซวารี่ เป็นนกที่มีโครงสร้าง แบบนกก่อนประวัติศาสตร์ เรียกว่าเป็นนกแรร์ไทป์ เป็นนกที่บินไม่ได้ขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับนกกระจอกเทศ นกอีมู และนกกีวี เป็นนกที่มีขนาดตัวที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองลงมาจาก นกกระจอกเทศ และนกอีมู แต่นกคาสโซวารี่เป็นนกที่มีนิ้วท้าวสามนิ้ว ในขณะที่นกกระจอกเทศ มีแค่สองนิ้ว ซึ่งเป็นโครงสร้าง ที่พบก่อนประวัติศาสตร์เสียอีก [3]

อาหารของคาสโซวารี่

คาสโซวารี่ 90 เปอร์เซน ของอาหารจะเป็นผลไม้ซะส่วนใหญ่ แต่ก็ยังกินพืชเป็นอาหารอีกหลายๆ อย่าง เช่น หน่อไม้ และเมล็ดหญ้า นอกจากนี้ยังกิน สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ไข่ ซากสัตว์ ปลา และสัตว์มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก เช่น สัตว์ฟันแทะ ปลวก นกขนาดเล็ก กบ จิ้งจก และงู

แม้ว่าคาสโซวารี ทุกสายพันธุ์จะกินเนื้อได้ แต่ตามหลักนิยามแล้ว นกคาสโซวารีเป็นสัตว์กินพืช และสัตว์ตัวเล็กๆ มากที่สุด เนื่องมาจากมีระบบทางเดินอาหาร ที่เล็กที่สุด

การสืบพันธุ์

คาสโซวารี จะสืบพันธุ์ ช่วงเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน ของทุกปี โดยตัวผู้จะเป็นฝ่ายเข้าหาตัวเมีย พอผสมพันธุ์เสร็จเริ่มมีการฟักไข่ โดยตัวเมียจะออกไข่ครั้งละ 5-6 ฟอง โดยตัวผู้จะเป็นฝ่ายกกไข่ โดยจะใช้เวลากกไข่ประมาณ 50 วัน จนลูกฟักออกจากไข่มา และดูแลลูกน้อยจนอายุครบ 9 เดือน ถึงจะแยกกันไปใช้ชีวิตตามปกติ

ส่วนตัวเมียหากออกไข่เรียบร้อย และปล่อยให้ตัวผู้เป็นฝ่ายกกไข่ ตัวเมียจะออกไปหาผสมพันธุ์ใหม่ กับตัวผู้อีกหลายๆ ตัว โดยจะเว้นรัศมีประมาณ 7 กิโลเมตร คาสโซวารีเลี้ยง จะมีอายุยืนถึง 50 ปี แต่หากอยู่ตามธรรมชาติ จะมีอายุแค่ 12-19 ปี เท่านั้นเอง

สรุป นกคาสโซวารี่

สรุป นกคาสโซวารี่ นกที่ตัวใหญ่ และแข็งแรง เป็นนกที่อันตรายหากได้เข้าใกล้ เป็นนกที่มีความก้าวร้าว และพลังเยอะ แต่ก็พอทราบมาว่า นกชนิดนี้จริงๆ แล้วเป็นนกที่ขี้อาย ตื่นคน แต่ที่นกมีนิสัยก้าวร้าว ไล่จิกไล่แตะคนแบบนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะการยั่วยุของคนก็เป็นได้

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

232