นกฟลามิงโก หนึ่งในสัตว์โลกที่มีสีสันโดดเด่นที่สุด อีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากตัวที่เป็นสีชมพูของมัน เป็นที่สะดุดตาเป็นอย่างมาก ปัจจุบันได้นำเอาฟลามิงโก มาใช้เป็นสัญลักษณ์ถึงความรัก และคู่ครองมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ หมวก เสื้อผ้า หรือสิ่งของที่มีภาพของฟลามิงโกอยู่ เพื่อใช้สื่อแทนความรัก ที่มอบให้คนรัก
นกฟลามิงโก ที่ตัวเป็นสีชมพู ก็เพราะมาจากอาหารการกินของมัน บางคนอาจจะได้ยินว่า ที่ตัวของมันมีสีชมพู เพราะว่ากินกุ้งเยอะ แต่ที่จริงแล้ว มีคำตอบที่ซับซ้อนกว่านั้นนิดหน่อย ก็คือ สาหร่ายที่พวกมันกินเข้าไป มีเม็ดสี แคโรทีนอยด์ เมื่อกุ้งกินสารชนิดนี้เข้าไป ตัวมันก็จะเป็นสีส้ม และฟลามิงโก ที่กินทั้งสาหร่าย และกุ้ง จึงทำให้กลายเป็นสีชมพูแบบนั้นนั่นเอง [1]
ฟลามิงโกเลี้ยงบางตัว จะไม่เป็นสีชมพู เนื่องจากได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ ทำให้สีของมันซีดจาง สามารถให้อาหารประเภท แครอท บีตรูต เพิ่มได้ เพราะในผักพวกนี้มีเม็ดสี แคโรทีนอยด์ เหมือนกัน
ชื่อนกฟลามิงโก มาจากภาษาโปรตุเกส หรือสเปนว่า flamengo ซึ่งแปลว่า “สีเปลวไฟ” ซึ่งมาจากคำว่า provençal flamenc ซึ่งเป็นการผสมคำระหว่างคำว่า flama ซึ่งแปลว่า “เปลวไฟ” และคำต่อท้ายที่คล้ายกับภาษาเยอรมัน -ing คำนี้อาจได้รับอิทธิพลมาจากคำนามชาติพันธุ์ในภาษาสเปนว่า flamenco ซึ่งแปลว่า “Fleming” หรือ “Flemish” ชื่อของสกุล Phoenicopterus มาจากภาษากรีกโบราณว่า φοινικόπτερος (phoinikopteros) ซึ่งแปลว่า “ขนสีแดงเข้ม/สีแดง” [2]
นักโบราณคดีได้ค้นพบซากฟอสซิล ที่ทะเลสาบนากูรู ตอนเหนือของประเทศเคนยา จนสามารถพิสูจน์ได้ว่านกชนิดนี้ เคยอยู่บนโลกใบนี้มานานแล้วไม่น้อยกว่า 30 ล้านปี จะพบนกฟลามิงโกได้มากที่สุด คือ ทะเลสาบนากูรู ในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบนากูรู ทางตอนเหนือของประเทศเคนยา ซึ่งจะมีจำนวนประชากรนกฟลามิงโกมากถึง 1,500,000 ตัว
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
ที่มา: “นกฟลามิงโก” [3]
นกฟลามิงโก จัดให้เป็นสัญลักษณ์ แห่งความรัก เหมือนนกหลายๆชนิด เช่น นกเงือก นกเลิฟเบิร์ด เพราะนอกจากพวกมัน จะเลือกคู่เพียงแค่ครั้งเดียว แล้วอยู่ด้วยกันจนตายนั้น สีของมันยังเป็นสีชมพู ที่เป็นสีแห่งความรัก และด้วยลักษณะหัวของมันที่โค้งงอลง เวลาที่พวกมันเอาหัวชนกัน ดูแล้วจะมีลักษณะเหมือนรูปหัวใจอีกด้วย
ฟลามิงโก จะมียาวขนาดประมาณ 80-145 ซม. น้ำหนักตัวประมาณ 2-3 กก. จะมีลักษณะขา และคอที่ยาว ปากใหญ่คล้ายกับห่าน แต่ปากของฟลามิงโกจะงุ้มลง มีลักษณะคล้ายซี่ฟันเรียงกัน เพื่อกรองอาหารจากเศษดินโคลนต่างๆ ปากจะเป็นสีชมพู ปลายของปากจะเป็นสีดำ ขนเป็นสีชมพูอ่อน จะเข้มสดใสขึ้นตอนช่วงผสมพันธุ์ เสียงร้องคล้ายห่าน
ลูกของฟลามิงโก จะมีขนสีเทา ขนปุกปุย ม่านตาสีดำ ปากหนา สามารถส่งเสียงร้องได้ตั้งแต่ยังฟักไข่ ทำให้แม่ของมันสามารถจำเสียงลูกได้ดี
ลักษณะเด่นของนกชนิดนี้อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ชอบยืนขาเดียว สามารถยืนได้นานถึง 4 ชั่วโมง ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสาเหตุมาจากอะไร บางเว็บไซต์ในต่างประเทศระบุว่า มันยืนแบบนั้นเนื่องจากเป็นการสะสมพลังงาน จะใช้พลังงานน้อยกว่ายืนสองขา
ในการผสมพันธุ์มันจะเลือกคู่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น โดยจะเริ่มผสมพันธุ์ ในฤดูหนาว เมื่อประมาณ อายุ 6 ปี โดยผสมพันธุ์เรียบร้อยแล้ว พวกมันก็จะทำรังโดยใช้โคลน และเศษไม้รวมกัน ทำให้มีลักษณะเป็นถ้วยตื้น จะวางไข่ครั้งละ 1-2 ฟองเท่านั้น โดยแม่นกจะทำหน้าที่ฟักแต่เพียงผู้เดียว จะใช้เวลาในการฟักประมาณ 25-30 วัน พอลูกออกมาแล้ว ถึงจะกลับรวมฝูงอีกครั้ง
ฟลามิงโก เป็นนกที่ไม่มีประสาทในการรับกลิ่น แต่พวกมันจะส่งเสียงร้องออกมาตลอดเวลา แต่ประสาทการได้ยิน ของนกชนิดนี้จะดีมากๆ มันสามารถหาลูกของมัน ในฝูงนับหลายร้อยตัวได้ จากการฟังเสียงลูกของมัน ที่มันฟังมาตั้งแต่ลูกยังไม่ออกมาจากไข่
สรุป นกฟลามิงโก นกที่มีลักษณะโดดเด่น และสีที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้นกชนิดนี้เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ แก่คนที่พบเห็น แถมฟลามิงโก ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก และความซื่อสัตย์อีกด้วย เป็นนกที่น่าสนใจเอามากๆ