ประวัติ ฟันดาบสากล การเปลี่ยนผ่านจากอาวุธสู่กีฬา

ประวัติ ฟันดาบสากล

ประวัติ ฟันดาบสากล อาจจะมองว่า เป็นการประลองลองกำลัง แต่คือการเดินทางอันยาวนาน ของศิลปะการใช้ดาบ ที่ปรับเปลี่ยนจากสนามรบ มาสู่สนามแข่งขัน สู่เวทีระดับโลกอย่างโอลิมปิก แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้การดวลดาบที่เคยอันตราย กลายเป็นกีฬา ที่ต้องใช้ไหวพริบ อย่างทุกวันนี้

จุดเริ่มต้นของการฟันดาบ มาจากสิ่งใด ?

จุดเริ่มต้นของการฟันดาบมาจาก ความจำเป็นในการป้องกันตัว และการต่อสู้ในสงคราม ในยุคโบราณ มนุษย์เริ่มใช้ดาบเป็นอาวุธหลัก เพื่อโจมตีศัตรู และปกป้องตนเอง ตั้งแต่สมัยอารยธรรมเมโสโปเตเมีย (ประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล) อียิปต์ และกรีกโบราณ ดาบถือเป็นอาวุธสำคัญ ที่พัฒนามาควบคู่กับ เทคนิคการต่อสู้

ต่อมา การใช้ดาบไม่ได้จำกัดแค่ในสงคราม แต่ยังพัฒนามาเป็น ศิลปะการต่อสู้และกีฬา โดยเฉพาะในยุโรป – ญี่ปุ่น ซึ่งมีการประดิษฐ์ดาบเฉพาะประเภท และสร้างท่าฝึกฝน ที่เป็นระบบ จนกลายเป็นฟันดาบแบบสากล ที่เรารู้จักในปัจจุบัน (10 สิงหาคม 2025) [1]

การฟันดาบเริ่มเผยแพร่ ไปต่างถิ่น

การฟันดาบ เริ่มเผยแพร่ไปต่างถิ่น เกิดจากการแลกเปลี่ยน ทางวัฒนธรรม และการติดต่อค้าขายระหว่างประเทศในอดีต ดาบซึ่งเคยใช้เป็นอาวุธ ประจำกายในการรบ ถูกนำไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั้งยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง 

ทำให้เทคนิคการใช้อาวุธการต่อสู้ และรูปแบบการฝึกฝน แตกแขนงไปตามสภาพสังคม และภูมิประเทศ จนบางแห่งพัฒนาเป็นศิลปะ การต่อสู้เฉพาะถิ่น อย่างเช่น เคนจุตสึของญี่ปุ่น เอสกริมาของยุโรป หรือกัลลาภัตต์ของอินเดีย

ทำให้กำเนิดฟันดาบสากลยุคใหม่

หลังจากการพัฒนาของดาบ และเทคนิคการต่อสู้ จนเป็นฟันดาบสากลยุคใหม่ จุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ฟันดาบกลายเป็นกีฬา เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 18 – 19 ในยุโรป เมื่อการต่อสู้ด้วยดาบ ไม่ได้จำเป็นเพื่อสงคราม แต่กลายเป็น การฝึกฝนความคล่องตัว ความแม่นยำ และกลยุทธ์ส่วนตัว นักเรียนและขุนนางฝึกฟันดาบ เป็นกิจกรรม เพื่อพัฒนาร่างกาย

การเปลี่ยนนี้ยังมาพร้อมกับ การกำหนดกติกามาตรฐาน เช่น การนับคะแนน การแบ่งประเภทดาบ และการใช้ชุดป้องกันเต็มตัวและหน้ากาก เพื่อความปลอดภัย ทำให้ฟันดาบ กลายเป็นกีฬาแข่งขัน อย่างแท้จริง และในปี 1896 ฟันดาบได้ถูกบรรจุ เป็นหนึ่งในกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ เป็นสัญลักษณ์ ของการเปลี่ยน จากศิลปะการต่อสู้ สู่กีฬาที่มีมาตรฐานระดับโลก (30 กรกฎาคม 2022) [2]

ฟันดาบเข้าสู่การแข่งขัน กีฬาโอลิมปิก

ประวัติ ฟันดาบสากล

หลังจากฟันดาบ กลายเป็นกีฬา อย่างเป็นทางการในยุโรป จุดสำคัญถัดมาคือ ที่จัดขึ้นที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ โดยในช่วงแรก การแข่งขันเน้นไปที่ นักกีฬาชายจากยุโรป และใช้ดาบแบบฟอยล์ และเอเป้เป็นหลัก

การเข้าร่วมโอลิมปิก ช่วยให้ฟันดาบ แพร่หลายไปทั่วโลก มีการพัฒนากติกามาตรฐาน ที่สอดคล้องกับการแข่งขันสากล เช่น การแบ่งประเภทดาบเป็น ฟอยล์ (Foil), เอเป้ (Épée), และซาเบอร์ (Sabre) พร้อมกับการใช้ระบบ นับคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ ในยุคหลัง (5 เมษายน 2024) [3] ทำให้ฟันดาบกลายเป็นกีฬา ที่เน้นความเร็ว ความแม่นยำ และกลยุทธ์ อย่างแท้จริง และยังคลิกอ่านข้อมูลต่อได้ที่ masteryfencing

ฟันดาบสากล มีเทคนิคใหม่ๆ ในด้านใด ?

  • ด้านร่างกาย : นักฟันดาบฝึกทั้งความเร็ว ความคล่องตัว และความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงการปรับท่าก้าวเท้า การฟันให้แม่นยำ และประหยัดพลัง
  • เทคนิคการโจมตีและป้องกัน : มีการพัฒนาเทคนิคฟัน และแทงแบบผสมผสาน เช่น การโจมตีแบบปลอม การล่อให้คู่ต่อสู้พลาด และการตอบโต้ทันที หลังการหลบ หรือป้องกัน
  • ด้านกลยุทธ์ : นักกีฬาจะเน้นการวิเคราะห์คู่ต่อสู้ ใช้จังหวะเวลา และระยะห่าง ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ ระหว่างการแข่งขัน
  • อุปกรณ์และเทคโนโลยี : การใช้ชุดป้องกัน และหน้ากากที่เบาขึ้น รวมถึงระบบนับคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เทคนิคสามารถ พัฒนาความแม่นยำ และความรวดเร็วได้มากขึ้น

คะแนนการตัดสินฟันดาบสากล ตัดสินอย่างไร ?

  • ฟอยล์ (Foil) : น้ำหนักดาบ ประมาณ 500 กรัม หากโดนเป้าหมายที่ถูกกติกา (ลำตัวด้านหน้าหลัง ไม่รวมแขน ขา และหัว) จะได้คะแนน ต้องเป็นการแทงด้วยปลายดาบเท่านั้น หากโจมตีถูกเป้าหมาย แต่คู่ต่อสู้ได้แตะกลับก่อน จะไม่มีคะแนน
  • เอเป้ (Épée) : โดนเป้าหมายใดก็ได้ แต่ต้องโดนร่างกายแบบ 100% (ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า) จะได้คะแนน และสามารถฟัน หรือแทง ด้วยปลายดาบได้ คะแนนจะถูกนับ เมื่อแตะเป้าหมาย ได้โดยไม่พลาด
  • ซาเบอร์ (Sabre) : โดนเป้าหมายเหนือเอว รวมทั้งแขนและหัว จะได้คะแนน สามารถฟันด้วยขอบดาบ หรือแทงด้วยปลายดาบได้ การโจมตีมักรวดเร็ว เน้นจังหวะ
  • ระบบอิเล็กทรอนิกส์ : ทุกประเภทดาบในปัจจุบัน ใช้เซ็นเซอร์ติดดาบ และชุดป้องกัน เพื่อตรวจจับการแตะ ให้สัญญาณไฟ/เสียง ทำให้การตัดสินแม่นยำ ลดข้อโต้แย้งได้เยอะ

ประวัติ ฟันดาบสากล กับบทสรุป

สรุป ประวัติ ฟันดาบสากล เริ่มจากการใช้ดาบ เพื่อสงคราม และป้องกันตัว ก่อนพัฒนาเป็นศิลปะการต่อสู้ ฟันดาบสากลยุคใหม่ ที่เน้นความเร็ว ความแทงให้ถูกเป็นปัจจัยหลัก

ฟันดาบช่วยพัฒนาสมองอย่างไร ?

การฟันดาบต้องใช้การ คิดวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว เพื่อหาจังหวะรุกและรับ ทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวกับการตัดสินใจทำงานไวขึ้น ฝึกการประสานงาน ระหว่างตาและมือ ช่วยกระตุ้นสมอง ส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหว

ฟันดาบฝึกการประสานมือ–ตาอย่างไร ?

โดยให้นักกีฬา ติดตามการเคลื่อนไหว ของคู่ต่อสู้ และตอบสนอง ด้วยการฟันหรือแทง การฝึกซ้ำๆ ช่วยพัฒนาความเร็ว ในการรับรู้ และการส่งสัญญาณจากสมอง ไปยังมืออย่างทันที

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง