
ประโยชน์ของ ลูกแพร์ ผลไม้โบราณ
- OTP
- 11 views

ประโยชน์ของ ลูกแพร์ คืออะไร? ลูกแพร์เป็นผลไม้ ที่อยู่คู่กับมนุษย์มานานกว่า 3,000 ปี ตั้งแต่ยุคจีนโบราณ ยุคโรมัน จนถึงปัจจุบันที่เราคุ้นเคยกับมัน ในจานอาหาร และของว่างเพื่อสุขภาพ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักลูกแพร์ให้มากขึ้น ตั้งแต่ที่มา และลักษณะทางกายภาพ ไปจนถึงคุณค่าทางโภชนาการที่ดี เพื่อให้คุณได้ประโยชน์สูงสุด จากผลไม้แสนอร่อยชนิดนี้
- ทำความรู้จัก และลักษณะทางกายภาพของลูกแพร์
- ประวัติความเป็นมา จากผลไม้ป่าสู่การเป็นผลไม้เศรษฐกิจ
- ประโยชน์ และคุณค่าทางโภชนาการของลูกแพร์
ทำความรู้จัก ลูกแพร์
- ชื่อ: ลูกแพร์
- ชื่อสามัญ (Common name): Pear
- ชื่อวิทยาศาสตร์ (Scientific name): Pyrus communis
- วงศ์ (Family): Rosaceae (วงศ์กุหลาบ)
- ถิ่นกำเนิด: มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคยุโรปตะวันออก เอเชียกลาง และจีน ปลูกเป็นผลไม้มาแล้วกว่า 3,000 ปี
ลักษณะทางกายภาพ ต้นลูกแพร์
- ลำต้น และกิ่งก้าน: ลูกแพร์เป็นไม้ผลยืนต้นสูงประมาณ 3–10 เมตร ลำต้นตั้งตรง กิ่งก้านแตกออกเป็นทรงพุ่มโปร่ง เปลือกต้นมีสีน้ำตาลอมเทา ผิวค่อนข้างหยาบ
- ใบ: ใบลูกแพร์เป็นใบเดี่ยว รูปรีถึงรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบหรือมีรอยหยักเล็กน้อย สีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านใต้ใบสีอ่อนกว่า ใบเรียงสลับตามกิ่ง ช่วยสร้างความร่มรื่นให้ต้น
- ดอก: ดอกลูกแพร์ออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละดอกมีกลีบสีขาว 5 กลีบ ขนาดเล็ก กลางดอกมีเกสรสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ และเป็นแหล่งดึงดูดแมลงผสมเกสร
- ผล: ผลลูกแพร์มีลักษณะรูปหยดน้ำหรือรูปไข่กลับ ผิวเรียบ สีของผลมีตั้งแต่เขียวอ่อน เขียวอมเหลือง ไปจนถึงเหลืองสุก และบางพันธุ์มีสีแดงหรือชมพูปน ผลสุกเนื้อนุ่ม ฉ่ำน้ำ
- เมล็ด: ภายในผลมีเมล็ดขนาดเล็กสีน้ำตาลเข้ม 4–10 เมล็ด รูปรีคล้ายเมล็ดแอปเปิล เมล็ดแข็งและไม่ควรกินในปริมาณมาก เพราะมีสารไซยาโนเจนิกในปริมาณเล็กน้อย
รู้จัก ลูกแพร์ จากผลไม้โบราณ สู่จานอาหารยุคปัจจุบัน
ลูกแพร์เป็นผลไม้ที่มีประวัติยาวนาน และมีเสน่ห์เฉพาะตัว หลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุว่ามีการปลูกลูกแพร์ในจีนตั้งแต่ราว 2000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ทำให้มันเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มนุษย์รู้จัก และเพาะปลูกมานานกว่าสี่พันปี
ต่อมาในยุคโรมันช่วงปี ค.ศ. 43–410 ลูกแพร์ได้เดินทางไปยังอังกฤษ และถูกปลูกในสวนของชาวโรมัน หนังสือ Domesday ที่เขียนในปี ค.ศ. 1086 ก็ยังกล่าวถึงต้นลูกแพร์เก่าแก่ที่ใช้เป็นจุดแบ่งเขตที่ดิน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในยุโรปมานานหลายร้อยปี
ต่อมา เมื่อชาวยุโรปขยายถิ่นฐานสู่ทวีปอเมริกาเหนือ ก็มีการนำลูกแพร์ไปปลูก หนึ่งในต้นที่เก่าแก่ที่สุดคือ Endicott Pear Tree ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเชื่อว่าปลูกขึ้นราวปี ค.ศ. 1628 และยังยืนต้นอยู่จนปัจจุบัน จากผลไม้ป่าที่เคยกินสดหรือต้มกับน้ำผึ้งในยุคโรมัน ปัจจุบันลูกแพร์ถูกปรับปรุงพันธุ์ให้รสหวาน กรอบ หรือเนื้อนุ่ม และกลายเป็นผลไม้ยอดนิยมในอาหาร ขนม และเครื่องดื่มทั่วโลก (28 ธันวาคม 2023) [1]
ลูกแพร์ ผลไม้หวานฉ่ำ ที่ช่วยดูแลสุขภาพหัวใจ
ลูกแพร์ไม่เพียงหวานฉ่ำ กรอบอร่อย แต่ยังเต็มไปด้วยสารอาหารดีต่อหัวใจ ผลลูกแพร์ขนาดกลางให้ใยอาหารราว 5.5–6 กรัม หรือประมาณ 22% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน พร้อมโพแทสเซียมราว 190–200 มก. (4% DV) และวิตามินซีประมาณ 8–9% DV ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และบำรุงหลอดเลือด เหมาะกับคนที่รักสุขภาพไม่ต่างจากผลไม้อื่นๆ อย่าง แอปเปิล ประโยชน์คือ ที่ก็มีใยอาหารสูง และดีต่อหัวใจเช่นกัน
ใยอาหารในลูกแพร์ โดยเฉพาะเพกติน ช่วยดักจับคอเลสเตอรอล ลดระดับ LDL ได้ราว 5–10% หากกินเป็นประจำ ขณะที่โพแทสเซียมช่วยปรับสมดุลโซเดียมและลดความดันโลหิต ส่วนสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์ช่วยลดการอักเสบ และป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว
เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อได้ประโยชน์สูงสุดคือ กินลูกแพร์ทั้งเปลือก เพราะไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระ อยู่ที่เปลือกมากที่สุด และควรเลือกกินสดหรือทำเป็นสลัด สมูทตี้ หลีกเลี่ยงแบบแช่อิ่ม หรือน้ำเชื่อมที่มีน้ำตาลสูง
Pear ของว่างที่ดี สำหรับคนควบคุมน้ำหนัก
ลูกแพร์จัดเป็นตัวเลือกของว่างที่ดีมาก เพราะมีปริมาณแคลอรีต่ำโดยลูกแพร์ขนาดกลางประมาณ 100-101 แคลอรี ขณะที่มีไฟเบอร์ราว 5.5-6 กรัม ต่อลูก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 20-22% ของปริมาณไฟเบอร์ที่แนะนำต่อวัน พราะมีไฟเบอร์สูง ลูกแพร์ช่วยให้อิ่มนาน ลดการหิวระหว่างมื้อ ดังนั้นโอกาสที่จะ “กินจุกจิก” ก็จะลดลงโดยอัตโนมัติ
เมนูตัวอย่าง สำหรับคนควบคุมน้ำหนักที่ใช้ลูกแพร์ได้ดี ได้แก่ สลัดผักใส่ลูกแพร์ฝานบาง ๆ คลุกกับน้ำสลัดใสหรือโยเกิร์ตไขมันต่ำ เสิร์ฟกับผักสดหรือผักคลุกให้หลากหลาย สมูทตี้ลูกแพร์ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดี ถ้าใช้ลูกแพร์สด ผสมนมถั่วเหลืองหรือนมอัลมอนด์ เติมผักใบเขียวเล็กน้อย และไม่ใส่น้ำตาลเพิ่มเติม เพียงแค่นี้ก็ได้ของว่างที่อร่อย อิ่ม สะอาด และเหมาะกับการลดน้ำหนัก
ที่มา: Pear Nutrition Facts and Health Benefits (28 มิถุนายน 2024) [2]
ลูกแพร์ ของดีที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

ลูกแพร์เป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซี วิตามินเค และแร่ธาตุอย่างโพแทสเซียมและทองแดง ซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงกระดูก และป้องกันความเสียหายของเซลล์ วิตามินซีช่วยให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว และฟื้นตัวจากไข้หวัดได้เร็วขึ้น
ขณะที่สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟลาโวนอยด์ และ โพลีฟีนอลในเปลือก ช่วยลดการอักเสบและป้องกันโรคได้ดี ลูกแพร์ขนาดกลางให้วิตามินซีราว 9% DV และวิตามินเคประมาณ 7% DV ซึ่งเมื่อกินร่วมกับอาหารที่หลากหลาย จะช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงยิ่งขึ้น
การเลือกและเก็บลูกแพร์ให้สด ควรเลือกผลที่ผิวเรียบ ไม่มีรอยบุ๋ม คอผลนุ่มเล็กน้อยเมื่อกดเบา เก็บที่อุณหภูมิห้องจนสุก แล้วนำไปแช่เย็นเพื่อยืดอายุ และล้างเฉพาะตอนจะกิน จะช่วยให้ลูกแพร์สดกรอบ อร่อย และได้ประโยชน์เต็มที่
ที่มา: 3 Ways to Store Pears for Maximum Shelf-Life (2 ตุลาคม 2023) [3]
บทส่งท้าย ประโยชน์ของ ลูกแพร์ มีมากมาย
สรุปแล้ว ประโยชน์ของ ลูกแพร์ ตั้งแต่ประวัติศาสตร์อันยาวนาน จนถึงคุณค่าทางโภชนาการ ในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าผลไม้ชนิดนี้ ไม่เพียงแต่มีรสชาติหวานฉ่ำ และทานง่าย แต่ยังอุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามินซี วิตามินเค และแร่ธาตุที่ช่วยดูแลหัวใจ เสริมภูมิคุ้มกัน และควบคุมน้ำหนักได้อย่างดี เคล็ดลับง่ายๆ คือเลือกกินลูกแพร์ทั้งเปลือกและเก็บให้ถูกวิธี เพื่อให้ได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน
ลูกแพร์กับแอปเปิลแตกต่างกันอย่างไร?
แม้ลูกแพร์ และแอปเปิลจะอยู่ในวงศ์เดียวกัน (Rosaceae) และมีรสหวานคล้ายกัน แต่ลูกแพร์มีเนื้อนุ่มฉ่ำน้ำมากกว่า ส่วนแอปเปิลมักกรอบแน่นกว่า นอกจากนี้ลูกแพร์บางพันธุ์สามารถทานได้แม้จะยังไม่สุกเต็มที่ ในขณะที่แอปเปิล สามารถเก็บได้นานโดยไม่เปลี่ยนรสชาติมาก
คนเป็นเบาหวานสามารถกินลูกแพร์ ได้หรือไม่?
ลูกแพร์มีค่าดัชนีน้ำตาล (GI) ค่อนข้างต่ำประมาณ 30–40 ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงเร็ว เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ในปริมาณที่เหมาะสม แต่ควรเลือกกินผลสดทั้งลูก เพื่อให้ได้ไฟเบอร์เต็มที่ และหลีกเลี่ยงลูกแพร์ในน้ำเชื่อม หรือแช่อิ่มเพราะมีน้ำตาลสูง
- Tags: ผลไม้

แหล่งอ้างอิง


