
สารสีเหลืองทอง พืชอะไรที่มี Berberine สูง
- Fiona
- 25 views

พืชอะไรที่มี Berberine สูง เป็นคำถามที่อาจฟังดูเหมือนกับอยู่ในแวดวงสมุนไพร หรือตัวยาโบราณ แต่จริงๆ แล้วเบอร์แบร์ริน เป็นสารธรรมชาติ ที่พืชบางชนิดสร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลไกป้องกันตัว จากเชื้อโรคและแมลง และเป็นสารที่ได้รับความสนใจมากขึ้น ในวงการสุขภาพช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
- เบอร์แบร์ริน คืออะไร?
- ประสิทธิภาพของเบอร์แบร์ริน
- พืชอะไรที่มี Berberine สูง
สารธรรมชาติ เบอร์แบร์ริน คืออะไร?
เบอร์แบร์รินคือสารธรรมชาติ ในกลุ่มอัลคาลอยด์ ที่มีสีเหลืองสด พบมากในราก และเปลือกของพืชบางชนิด เช่นบาร์เบอร์รี่ สารนี้ถูกใช้ในแพทย์แผนจีน และอายุรเวทมานาน เพื่อบรรเทาอาการติดเชื้อในลำไส้ ท้องเสีย และปัญหาทางเดินอาหาร ด้วยคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และลดการอักเสบ
จึงเป็นส่วนประกอบสำคัญ ของสมุนไพรหลายชนิด ที่ให้รสขม และสีเหลืองทอง ในปัจจุบัน เบอร์แบร์รินเป็นที่สนใจ ในวงการสุขภาพเพราะมีผลต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย โดยเฉพาะการกระตุ้นเอนไซม์ AMPK ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด
ประวัติเบอร์แบร์ริน การค้นพบครั้งแรก
สารเบอร์แบร์รินถูกค้นพบครั้งแรก ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยนักเคมีชาวเยอรมัน Johann Andreas Buchner ซึ่งสามารถแยกสารสีเหลืองนี้ ออกจากเปลือกรากของพืชตระกูล Berberis ราวปี 1826–1830 ต่อมา Johann Eduard Herberger ได้ยืนยันและขยายผลการศึกษานี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการรู้จักเบอร์แบร์ริน
ในฐานะอัลคาลอยด์ธรรมชาติ ที่ให้สีเหลืองเข้ม และมีฤทธิ์ทางชีวภาพ ในยุคนั้นยังใช้ประโยชน์ เพียงในด้านสีย้อมผ้า และสมุนไพรพื้นบ้าน ก่อนที่ต่อมาจะได้รับความสนใจทางการแพทย์อย่างจริงจัง ในช่วงศตวรรษที่ 20 เบอร์แบร์รินถูกนำมาศึกษาเชิงลึก ด้านเภสัชวิทยา พบว่ามีฤทธิ์ต้านจุลชีพ ลดน้ำตาลในเลือด
และอาจมีผลต่อระบบเผาผลาญ ทำให้เริ่มถูกนำมาใช้ในแพทย์แผนจีน และอายุรเวท ในฐานะยารักษาโรคติดเชื้อทางเดินอาหาร จนเข้าสู่ยุค 2000 ที่มีงานวิจัยสมัยใหม่จำนวนมาก ยืนยันศักยภาพของสารนี้ ในระดับโมเลกุล ทำให้เบอร์แบร์ริน กลายเป็นหนึ่งในสารธรรมชาติ ที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ในแวดวงวิทยาศาสตร์สุขภาพปัจจุบัน (18 กันยายน 2025) [1]
ประสิทธิภาพของเบอร์แบร์ริน
เบอร์แบร์รินทำงานโดยกระตุ้นเอนไซม์ที่ชื่อ AMP-activated protein kinase ซึ่งเปรียบเสมือนสวิตช์ควบคุมระบบเผาผลาญพลังงานของเซลล์ เมื่อเอนไซม์นี้ถูกกระตุ้น ร่างกายจะเผาผลาญน้ำตาล และไขมันได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการสร้างกลูโคสในตับ และช่วยให้เซลล์ตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น
จึงส่งผลโดยตรงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และกระบวนการใช้พลังงานโดยรวมของร่างกาย ในงานวิจัยทางคลินิก พบว่าผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งได้รับเบอร์แบร์รินประมาณวันละ 1 กรัม สามารถลดระดับน้ำตาล ขณะอดอาหารได้ถึงประมาณ 20 % และลดค่า HbA1c ได้ราว 12 %
ขณะเดียวกัน มีการศึกษาหลายฉบับ ระบุว่าการรับประทานเบอร์แบร์รินวันละ 1,500 มิลลิกรัม ติดต่อกันหลายสัปดาห์ อาจช่วยลดน้ำหนัก และไขมันได้เล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ถือเป็นเพียงตัวช่วยเสริม ไม่ใช่ทางเลือกแทนการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย เบอร์แบร์รินจึงเป็นสารธรรมชาติที่น่าสนใจ (13 มิถุนายน 2023) [2]
พืชอะไรบ้างที่มีเบอร์แบร์รินสูง?

พืชที่มีเบอร์แบร์รินสูง โดยต่อ 100 กรัม มีดังนี้
- Barberry ถือเป็นแหล่งเบอร์แบร์รินที่เข้มข้นที่สุด โดยในรากแห้ง มีปริมาณสูงถึงประมาณ 4,000–5,000 มิลลิกรัม สารนี้เป็นตัวให้สีเหลืองของพืชชนิดนี้ และถูกใช้มายาวนานในแพทย์แผนเปอร์เซีย และยุโรปเพื่อบรรเทาอาการติดเชื้อ และทางเดินอาหาร
- Goldenseal มีเบอร์แบร์รินสูงรองลงมาราว 3,000–4,000 มิลลิกรัม เป็นสมุนไพรพื้นเมือง ของอเมริกาเหนือ ที่นิยมใช้ในยาสมุนไพรตะวันตก มีชื่อเสียงด้านฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย และลดการอักเสบ
- Coptis chinensis เป็นสมุนไพรสำคัญ ในแพทย์แผนจีน มีเบอร์แบร์รินประมาณ 2,000–3,000 มิลลิกรัม ใช้รักษาอาการท้องเสีย ร้อนใน และการติดเชื้อทางลำไส้ ถือเป็นแหล่งเบอร์แบร์รินหลัก ในตำรับยาจีนดั้งเดิม
- Phellodendron amurense มีปริมาณเบอร์แบร์รินราว 1,500–2,000 มก. มีรสขม ใช้ในสมุนไพรจีนเพื่อช่วยลดไข้ ลดการอักเสบ และบำรุงตับ
- Oregon grape มีเบอร์แบร์รินประมาณ 1,000–1,500 มก. พืชชนิดนี้ให้สารสีเหลือง เหมือนบาร์เบอร์รี่ ใช้รักษาโรคผิวหนัง เช่นสะเก็ดเงิน และช่วยปรับสมดุลการทำงานของลำไส้
- Tree turmeric พบมากในเทือกเขาหิมาลัย มีเบอร์แบร์รินราว 800–1,200 มก. ใช้ในอายุรเวทอินเดีย เพื่อบำรุงตับ รักษาแผล และลดการอักเสบ
ประโยชน์ของเบอร์แบร์รินคืออะไร?
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เบอร์แบร์รินช่วยเพิ่มการทำงานของอินซูลิน และลดการสร้างน้ำตาลในตับ ทำให้ระดับน้ำตาลขณะอดอาหารและค่า HbA1c ลดลง เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะน้ำตาลสูง หรือเบาหวานชนิดที่ 2
- ช่วยลดไขมัน และปรับสมดุลคอเลสเตอรอล มีการศึกษาพบว่าสามารถลดระดับ LDL และไตรกลีเซอไรด์ พร้อมเพิ่ม HDL จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และหลอดเลือด
- ช่วยควบคุมน้ำหนักและการเผาผลาญ เบอร์แบร์รินกระตุ้นเอนไซม์ AMPK ซึ่งมีบทบาทในการเผาผลาญพลังงาน ช่วยเพิ่มการใช้ไขมัน และลดการสะสมไขมันในร่างกาย
- มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ และลดการอักเสบ สารนี้สามารถยับยั้งการเจริญของแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสบางชนิด พร้อมช่วยลดการอักเสบ ในระดับเซลล์
- ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ และหลอดเลือด ด้วยคุณสมบัติในการลดไขมัน และต้านการอักเสบ เบอร์แบร์รินจึงช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต และลดความเสี่ยง ของภาวะหลอดเลือดแข็งตัว
- อาจช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ มีหลักฐานเบื้องต้น ว่าเบอร์แบร์รินสามารถส่งผลดีต่อสุขภาพลำไส้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหารทำงานดีขึ้น
ข้อควรระวังในการใช้เบอร์แบร์ริน
- อาจมีผลข้างเคียงทางระบบทางเดินอาหาร การรับประทานเบอร์แบร์รินในบางคน อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องอืด ปวดท้อง หรือท้องเสียได้ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการใช้
- อาจรบกวนการออกฤทธิ์ของยาอื่น เบอร์แบร์รินสามารถส่งผล ต่อการทำงานของตับ ที่ใช้ในการสลายยา ทำให้ฤทธิ์ของยาบางชนิด เช่นยาเบาหวาน หรือยาหลังปลูกถ่ายอวัยวะเปลี่ยนไป จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ร่วมกัน
- ไม่แนะนำสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร มีข้อมูลว่าเบอร์แบร์ริน อาจทำให้ระดับ Bilirubin ในทารกสูงขึ้น ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดภาวะตัวเหลือง หรือผลกระทบ ต่อระบบประสาทของทารกได้
- ประสิทธิภาพทางคลินิก ยังอยู่ในขั้นการศึกษา แม้งานวิจัยบางชิ้น ชี้ถึงประโยชน์ในการควบคุมน้ำตาล และน้ำหนัก แต่หลักฐานยังไม่เพียงพอ ที่จะใช้แทนยาแผนปัจจุบันได้อย่างชัดเจน
- คุณภาพผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างกัน เบอร์แบร์รินเป็นผลิตภัณฑ์ อาหารเสริม ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมเข้มงวดเท่ายา จึงควรเลือกจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง จากสารปนเปื้อน หรือปริมาณที่ไม่แน่นอน
ที่มา: What to know about berberine (22 ตุลาคม 2025) [3]
พืชอะไรที่มีเบอร์แบร์รินสูง กล่าวโดยสรุป
เบอร์แบร์รินเป็นสารอัลคาลอยด์สีเหลือง ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในพืชหลายชนิด โดยเฉพาะในรากและเปลือกของสมุนไพรอย่าง Barberry, Goldenseal, Coptis chinensis, Phellodendron amurense, Oregon grape และ Tree turmeric สารนี้มีบทบาทสำคัญ ในการควบคุมน้ำตาลและไขมันในเลือด ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ
ใครที่ควรทานเบอร์แบร์รินเป็นพิเศษ?
เบอร์แบร์รินเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 เพราะมีฤทธิ์ช่วยลดน้ำตาล และปรับสมดุล กระบวนการทางเคมีในร่างกาย ที่เปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานได้ดี นอกจากนี้ ยังอาจเป็นตัวช่วยเสริมสำหรับผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง ภาวะไขมันพอกตับ หรือมีน้ำหนักเกิน
ใครที่ไม่ควรทานเบอร์แบร์ริน?
ไม่แนะนำให้ใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และทารก เนื่องจากอาจมีผล ต่อระบบประสาทของทารกแรกเกิด นอกจากนี้ผู้ที่ใช้ยาเบาหวาน ยาลดความดัน หรือยาที่ต้องสลายผ่านตับ ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพราะเบอร์แบร์รินอาจเพิ่ม หรือลดฤทธิ์ของยาเหล่านั้นได้ รวมถึงผู้ที่มีโรคตับ ไต ควรระมัดระวัง
- Tags: สุขภาพ


