สารกระตุ้น พืชอะไรที่มี Caffeine สูง

พืชอะไรที่มี Caffeine สูง

พืชอะไรที่มี Caffeine สูง เป็นคำถามที่หลายคนอาจสงสัย เพราะเรามักคุ้นเคยแค่กาแฟหรือชา แต่จริงๆแล้ว คาเฟอีนเป็นสารประกอบธรรมชาติ เกิดขึ้นในพืชหลายชนิด แต่ละชนิดจะมีระดับคาเฟอีน ที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อรสชาติ กลิ่น และความเข้มของเครื่องดื่มที่ได้ การทำความรู้จักคาเฟอีนจากธรรมชาติ ช่วยให้เราเลือกเครื่องดื่ม ได้เหมาะกับความต้องการ

  • คาเฟอีน คืออะไร?
  • พืชอะไรที่มี Caffeine สูง
  • ประโยชน์ของคาเฟอีน

คาเฟอีน สารกระตุ้นธรรมชาติ คืออะไร?

Caffeine คือสารกระตุ้นตามธรรมชาติ ที่พบในพืชอย่างเมล็ดกาแฟ ใบชา และถั่วโคล่า เมื่อเราบริโภคเข้าไป คาเฟอีนจะเข้าไปยับยั้งการทำงาน ของอะดีโนซีน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกง่วง จึงทำให้เรารู้สึกตื่นตัว สดชื่น และมีสมาธิมากขึ้น จึงไม่น่าแปลกที่เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน จะถูกใช้ช่วยกระตุ้นระหว่างการทำงาน

อย่างไรก็ตาม คาเฟอีนก็มีทั้งข้อดี และข้อควรระวัง หากได้รับในปริมาณที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มพลังงาน ลดความเหนื่อยล้า และส่งเสริมการทำงานของสมองได้ แต่ถ้าบริโภคมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการใจสั่น กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หรือปวดท้องได้ (18 พฤษภาคม 2023) [1]

ประวัติของคาเฟอีน การค้นพบครั้งแรก

คาเฟอีนถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1819 โดยนักเคมีชาวเยอรมัน Friedlieb Ferdinand Runge ตามคำแนะนำของ Johann Wolfgang von Goethe ที่สนใจผลของเมล็ดกาแฟ ต่อระบบประสาท Runge สามารถแยกสารนี้ ออกจากเมล็ดกาแฟ และเรียกมันว่า Kaffeebase เพื่อสื่อถึงฐานทางเคมี ที่ได้จากกาแฟ

ในช่วงปี 1821 นักเคมีชาวฝรั่งเศส Pierre Jean Robiquet และ Pierre-Joseph Pelletier รวมถึง Joseph Bienaimé Caventou ก็สามารถแยกคาเฟอีน ได้อย่างอิสระอีกครั้ง และช่วงนี้เองที่ชื่อ Caféine ถูกนำมาใช้ ในงานวิชาการเป็นครั้งแรก ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 การศึกษาองค์ประกอบของคาเฟอีนก้าวหน้าไปอีกระดับ

เมื่อปี 1895 Hermann Emil Fischer นักเคมีชาวเยอรมัน ประสบความสำเร็จ ในการสังเคราะห์คาเฟอีน ในห้องปฏิบัติการ และในปี 1897 เขายืนยันโครงสร้างโมเลกุลของคาเฟอีน ได้อย่างสมบูรณ์ งานของ Fischer ทำให้เข้าใจความสัมพันธ์ ระหว่างโครงสร้าง และฤทธิ์ทางสรีรวิทยาของคาเฟอีนได้ชัดเจนขึ้น (8 พฤศจิกายน 2025) [2]

ประโยชน์ของสารคาเฟอีนมีอะไรบ้าง?

  • ช่วยให้ตื่นตัวและมีสมาธิ คาเฟอีนออกฤทธิ์ยับยั้งAdenosine ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกง่วง จึงช่วยให้รู้สึกตื่นตัว คล่องแคล่ว และโฟกัสกับงานได้ดีขึ้น
  • เพิ่มพลังงาน และลดความเหนื่อยล้า เมื่อระบบประสาทกลางถูกกระตุ้น ร่างกายจะตอบสนอง ด้วยการหลั่งAdrenaline เพิ่มขึ้น ทำให้รู้สึกมีแรงมากขึ้น และลดความล้าในระยะสั้น
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการออกกำลังกาย คาเฟอีนสามารถเพิ่มการเผาผลาญไขมันเป็นพลังงาน และช่วยให้กล้ามเนื้อ ทำงานได้นานขึ้น นักกีฬาและคนออกกำลังกาย จึงมักใช้คาเฟอีนก่อนออกแรง
  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ในด้านความจำระยะสั้น งานวิจัยบางส่วนพบว่า คาเฟอีนอาจช่วยให้จำข้อมูลได้ดีขึ้น ในช่วงเวลาที่ต้องใช้สมาธิ หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
  • อาจช่วยส่งเสริมการเผาผลาญ คาเฟอีนสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน ในร่างกายเล็กน้อย โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หลังการดื่มเครื่องดื่ม ที่มีคาเฟอีน
  • มีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดหัวบางประเภท คาเฟอีนมีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหดตัว จึงถูกนำมาใช้ ร่วมในยารักษาไมเกรน หรืออาการปวดหัวบางชนิด เพื่อลดอาการปวดได้

พืชอะไรบ้างที่มีคาเฟอีนสูง?

พืชอะไรที่มี Caffeine สูง
  • กัวรานา มีคาเฟอีนประมาณ 3,000–6,000 mg/100 g เมล็ดกัวรานามีคาเฟอีนสูงที่สุด ในบรรดาพืชที่ใช้บริโภค มักใช้ในเครื่องดื่มชูกำลัง เพราะให้ความตื่นตัวเร็ว และยาวนาน กลิ่นและรสค่อนข้างเข้ม จึงไม่นิยมดื่มเดี่ยวๆ แต่ใช้ในรูปผงสกัดแทน
  • ใบชา โดยเฉพาะชาเขียว ชาดำแห้ง มีคาเฟอีนประมาณ 2,000–4,000 mg/100 g ใบชามีคาเฟอีนสูงในรูปแห้ง แต่เมื่อชงดื่ม จะเจือจางลง คาเฟอีนในชา จะทำงานร่วมกับสาร L-theanine ช่วยให้รู้สึกตื่นตัวแบบโฟกัส มากกว่าตื่นเหมือนเครื่องดื่มคาเฟอีนบางชนิด
  • Kola nut มีคาเฟอีนประมาณ 2,000–3,500 mg/100 g เดิมถูกใช้เป็นส่วนผสม ให้เครื่องดื่มอัดลมรสโคล่า ให้ความขมอ่อนๆ และช่วยกระตุ้นความตื่นตัว มีคาเฟอีนพอๆ กับใบชา
  • เมล็ดกาแฟ มีคาเฟอีน 1,000–2,000 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ปริมาณคาเฟอีน จะต่างกันตามพันธุ์เช่น Arabica จะน้อยกว่า Robusta รสชาติและกลิ่นของกาแฟ เกิดจากการคั่ว ที่ช่วยปลดปล่อยน้ำมันหอมระเหย ทำให้เป็นเครื่องดื่มคาเฟอีนยอดนิยมที่สุด ในชีวิตประจำวัน
  • Yerba Mate มีคาเฟอีน 700–2,000 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม เป็นพืชนิยมในอเมริกาใต้ ชงเป็นเครื่องดื่ม ให้ความตื่นตัวแบบคงที่ ไม่พุ่งแรงมากจนสั่น มีสารต้านอนุมูลอิสระด้วย จึงได้รับความนิยม ในกลุ่มคนที่อยากได้คาเฟอีนแบบไม่เข้มมาก
  • เมล็ดโกโก้ มีคาเฟอีน 100–300 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม แม้คาเฟอีนจะไม่สูงเท่ากาแฟ แต่มีสาร Theobromine ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง จึงให้ความตื่นตัวแบบเบาๆ ช็อกโกแลตเข้ม ยิ่งมีคาเฟอีนมากกว่าแบบหวาน

ผลข้างเคียงของคาเฟอีนคืออะไร?

  • นอนไม่หลับ คาเฟอีนกระตุ้นสมอง ทำให้หลับยาก โดยเฉพาะถ้าดื่มช่วงเย็นหรือก่อนนอน
  • ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว ในบางคนคาเฟอีนทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้น หรือเต้นเร็วผิดปกติ
  • กระสับกระส่าย วิตกกังวล คาเฟอีนกระตุ้นระบบประสาท อาจทำให้รู้สึกตื่นตัวมากเกินไปจนเกิดความกังวล
  • ปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย กระตุ้นกรดในกระเพาะอาหาร บางคนอาจย่อยยาก หรือถ่ายบ่อย
  • ปัสสาวะบ่อย มีฤทธิ์ขับน้ำ ทำให้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น
  • ปวดศีรษะหรือเหนื่อยง่ายเมื่อหยุดดื่ม หากดื่มประจำแล้วหยุดทันที อาจมีอาการถอนคาเฟอีน
  • ส่งผลต่อกระดูก การดื่มในปริมาณมากต่อเนื่อง อาจทำให้ร่างกายขับแคลเซียมออกมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่เสี่ยงกระดูกพรุน

ที่มา: 9 Side Effects of Too Much Caffeine (13 มกราคม 2025) [3]

ถ้าได้รับคาเฟอีนมากเกิน จะเป็นยังไง?

การได้รับคาเฟอีนมากเกินไปอาจทำให้ระบบประสาทส่วนกลางถูกกระตุ้นมากเกิน ส่งผลให้เกิดอาการใจสั่น มือสั่น วิงเวียน กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หรือรู้สึกประหม่าได้ง่าย บางคนอาจมีอาการปวดหัว แน่นหน้าอก หรือรู้สึกหงุดหงิดง่าย โดยเฉพาะหากดื่มคาเฟอีนในช่วงเย็นหรือก่อนนอน

นอกจากนี้ คาเฟอีนยังสามารถเพิ่มกรดในกระเพาะ ทำให้บางคนเกิดอาการแสบกระเพาะ หรือกรดไหลย้อน ในกรณีที่ได้รับคาเฟอีนสูงมาก เช่นเกินประมาณ 400 มก./วัน สำหรับผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ หรือดื่มกาแฟหลายแก้วติดกัน อาจทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ความดันสูง ร่างกายสั่น และมีอาการวิตกกังวลรุนแรงได้

สรุปแล้ว พืชอะไรที่มีคาเฟอีนสูง

คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นตามธรรมชาติที่พบได้ในพืชหลายชนิด และปริมาณก็แตกต่างกันไปตามส่วนของพืช และวิธีการแปรรูป พืชที่มีคาเฟอีนสูงที่สุดคือ กัวรานา รองลงมาคือ ใบชา และโคล่า ส่วนเมล็ดกาแฟ และ Yerba Mate ก็เป็นแหล่งที่หลายคนรับประทาน ในขณะที่ เมล็ดโกโก้ให้คาเฟอีนปริมาณไม่มากนัก

ได้รับคาเฟอีนปริมาณเท่าไหร่เป็นอันตราย?

โดยทั่วไป สามารถบริโภคคาเฟอีนได้ ไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน ประมาณ 2–4 แก้ว ขึ้นอยู่กับความเข้ม แต่ถ้ารับเกินกว่านี้ อาจทำให้ใจสั่น วิงเวียน กระสับกระส่าย หรือรบกวนการนอน และหากได้รับในปริมาณ มากกว่า 1,200 มิลลิกรัมในช่วงเวลาสั้นๆ อาจเสี่ยงต่อหัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันขึ้น หรืออาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ใครที่ไม่ควรทานคาเฟอีน?

คนที่ควรระวังคือผู้ที่มี โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ภาวะวิตกกังวล นอนไม่หลับ กรดไหลย้อน หรือกระเพาะอาหารอักเสบ เพราะคาเฟอีนอาจกระตุ้นอาการให้แย่ลง นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์และคุณแม่ให้นมบุตร ควรจำกัดคาเฟอีนไม่เกินประมาณ 200 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อความปลอดภัยของทารก เด็กเล็กและวัยรุ่นก็ควรหลีกเลี่ยง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

บทความที่น่าสนใจ