
ชวนหาคำตอบ พืชอะไรที่มี Curcumin สูง
- Fiona
- 13 views

พืชอะไรที่มี Curcumin สูง เป็นประเด็นที่หลายคนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่หันมาใส่ใจสุขภาพ และเลือกใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ในชีวิตประจำวัน สารตัวนี้มักจะเกี่ยวกับสีสัน และกลิ่นเฉพาะตัว ของพืชบางชนิด ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นเคยอยู่แล้ว การรู้ว่าพืชชนิดไหนมีเคอร์คูมิน เป็นการเลือกใช้วัตถุดิบธรรมชาติ เพื่อดูแลสุขภาพง่ายๆ
- เคอร์คูมินคืออะไร?
- ประโยชน์ของเคอร์คูมิน
- พืชอะไรที่มี Curcumin สูง
สารประกอบธรรมชาติ เคอร์คูมินคืออะไร?
เคอร์คูมิน คือสารประกอบตามธรรมชาติ ที่ให้สีเหลืองสดกับขมิ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของกลุ่มสารที่เรียกว่าเคอร์คูมินอยด์ พบมากในเหง้าขมิ้น ที่เราใช้ทำอาหาร เครื่องเทศ หรือสมุนไพรต่างๆ สีและกลิ่นเฉพาะของขมิ้น ส่วนใหญ่ก็มาจากสารตัวนี้ ทำให้เคอร์คูมิน เป็นเอกลักษณ์ของขมิ้น
ในปัจจุบัน เคอร์คูมินถูกนำมาสกัด ในรูปแบบเข้มข้น เพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือการดูแลสุขภาพ เนื่องจากมีงานศึกษาจำนวนหนึ่ง ที่กล่าวถึงบทบาทของมันในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ร่างกายดูดซึมเคอร์คูมินได้ไม่มากนัก จึงมักมีการนำไปรวมกับส่วนผสมอื่น เพื่อช่วยให้ดูดซึมได้ดีขึ้น (14 พฤศจิกายน 2023) [1]
ประวัติ เคอร์คูมิน การค้นพบครั้งแรก
ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 นักเคมีชาวฝรั่งเศส Henri Auguste Vogel และ Pierre Joseph Pelletier เป็นผู้รายงานการแยกสารสีเหลือง จากเหง้าขมิ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1815 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการทำความเข้าใจ ว่าในขมิ้นมีองค์ประกอบเชิงเคมีเฉพาะตัว ที่ทำให้มีสีสด และคุณสมบัติที่สังเกตได้ ในทางสมุนไพร
ขณะนั้นยังไม่รู้โครงสร้างที่แท้จริง แต่การแยกได้สำเร็จในยุคนั้น ถือว่าเป็นก้าวสำคัญ ในเคมีอินทรีย์ และการศึกษาสมุนไพรเอเชีย ต่อมาในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ความเข้าใจเกี่ยวกับเคอร์คูมิน เริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อปี 1910 J. Milobedzka และ V. Lampe ได้อธิบายโครงสร้างเคมีของเคอร์คูมินว่าเป็น diferuloylmethane
และในปี 1913 ทีมเดียวกันยังสามารถสังเคราะห์เคอร์คูมินขึ้น ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้สามารถศึกษา และทดสอบคุณสมบัติทางชีวภาพ และทางยา ได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น การสังเคราะห์นี้ จึงเป็นจุดสำคัญ ที่ผลักดันให้เคอร์คูมิน ถูกนำไปใช้ ในงานวิจัยทางการแพทย์ โภชนาการ และอุตสาหกรรมมาจนถึงปัจจุบัน (9 กันยายน 2025) [2]
ประโยชน์ของเคอร์คูมินคืออะไร?
- ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย เคอร์คูมินสามารถยับยั้งสารสื่อกลาง ที่กระตุ้นการอักเสบเช่น NF-κB และไซโตไคน์บางชนิด จึงช่วยลดอาการบวม เจ็บ ปวด หรือภาวะอักเสบเรื้อรัง ที่พบได้ในหลายระบบของร่างกาย
- มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สารนี้ช่วยเสริมการทำงาน ของเอนไซม์ป้องกันอนุมูลอิสระในร่างกาย และลดความเสียหายของเซลล์จาก oxidative stress ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสื่อมของเซลล์ และโรคเรื้อรังต่างๆ
- สนับสนุนสุขภาพหัวใจ และระบบเผาผลาญ มีข้อมูลว่าช่วยลดระดับไขมันไม่ดีบางส่วน เพิ่มความไวต่ออินซูลิน และช่วยให้หลอดเลือดผ่อนคลายได้ดีขึ้น ซึ่งล้วนเป็นปัจจัย ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพหัวใจ และสมดุลการเผาผลาญ
- บรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบ ข้อเสื่อม การศึกษาบางฉบับ พบว่าเคอร์คูมิน สามารถช่วยลดอาการปวด และข้อตึงได้ในผู้ป่วยข้ออักเสบ โดยให้ผลใกล้เคียงกับยาบางชนิด แต่มีแนวโน้มผลข้างเคียงน้อยกว่า
- ช่วยในการฟื้นตัว หลังออกกำลังกาย เคอร์คูมินอาจช่วยลดการอักเสบ และอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ หลังการออกแรงหนัก จึงช่วยให้ลดอาการปวดเมื่อย และฟื้นตัวเร็วขึ้น โดยเฉพาะในคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ที่มา: Curcumin A Review of Its’ Effects on Human Health (22 ตุลาคม 2017) [3]
พืชอะไรบ้างที่มีเคอร์คูมินสูง?

พืชที่มีปริมาณเคอร์คูมินสูง โดยต่อ 100 กรัมมีดังนี้
- ขมิ้นชัน ปริมาณเคอร์คูมินแบบผงแห้งมีประมาณ 2,000–4,000 มก. ขมิ้นชันแบบสดมีเคอร์คูมินประมาณ 300–600 มก. ขมิ้นชันคือแหล่งอาหารหลัก ที่เราคุ้นเคยที่สุด สีเหลืองสดจัดชัดเจน มีกลิ่นเฉพาะ ใช้ทั้งในอาหารไทย และยาพื้นบ้าน เคอร์คูมินในขมิ้นชัน เข้มกว่าพืชอื่นอย่างชัดเจน
- ว่านชักมดลูก แบบแห้งมีปริมาณเคอร์คูมินประมาณ 1,000–2,000 mg. มีรสขมกว่าขมิ้นชัน ใช้ในสมุนไพร บางสูตรในไทย ใช้เพื่อบำรุงสุขภาพสตรี
- ว่านนางคำแบบแห้ง ปริมาณเคอร์คูมินประมาณ 500–1,000 mg. กลิ่นหอมอ่อนกว่า สีไม่จัดเท่าขมิ้นชัน นิยมใช้ในงานสปา อบตัว ขัดผิว และสมุนไพรดูแลผิวทั่วไป
- เปราะหอมแบบแห้ง บางสายพันธุ์ ปริมาณเคอร์คูมินประมาณ 300–800 มิลลิกรัม แม้จะไม่ได้เด่นเท่าขมิ้น แต่ในบางสายพันธุ์ของกระชายจะมีส่วนของเคอร์คูมินอยด์อยู่บ้าง โดยเฉพาะกระชายที่มีสีเหลืองเข้ม
- ขมิ้นอ้อย มีปริมาณเคอร์คูมินค่อนข้างน้อยประมาณ 300 มิลลิกรัม กลิ่นหอมคล้ายขิงเล็กน้อย ใช้ในอาหารบางภาค และสมุนไพรพื้นบ้าน แต่ไม่ใช่แหล่งเคอร์คูมินหลัก
ข้อเสียของเคอร์คูมิน มีอะไรบ้าง?
- ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อย เคอร์คูมินในรูปแบบธรรมชาติ ร่างกายดูดซึมได้ค่อนข้างต่ำ ทำให้ต้องใช้ร่วมกับสารสกัดอย่างอื่น ช่วยเพิ่มการดูดซึม
- อาจทำให้ปวดท้อง หรือแน่นท้องในบางคน โดยเฉพาะเมื่อรับประทาน ในปริมาณสูง หรือท้องว่าง อาจเกิดอาการแสบท้อง หรือไม่สบายท้องได้
- อาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่าย หรือกำลังจะเข้ารับการผ่าตัด ควรหลีกเลี่ยง หรือปรึกษาแพทย์ก่อน
- อาจรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็ก เคอร์คูมินอาจลดความสามารถ ในการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร ผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง ควรระวังเป็นพิเศษ
- อาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่นยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาลดกรดบางชนิด หรือยาที่เกี่ยวข้องกับตับ จึงควรแจ้งแพทย์ หากรับประทานร่วมกัน
ควรทานเคอร์คูมินวันละเท่าไหร่?
การรับประทานเคอร์คูมิน เพื่อดูแลสุขภาพ ในคนทั่วไป มักอยู่ที่ประมาณ 500–1,000 มก. ต่อวันในรูปแบบสกัดมาตรฐาน ซึ่งจะให้ปริมาณเคอร์คูมิน ที่ค่อนข้างคงที่ และดูดซึมได้ดี กว่าการทานขมิ้นแบบสด หรือผงธรรมดา เพราะในขมิ้นธรรมชาติ เคอร์คูมินมีเพียงประมาณ 2–5% ของน้ำหนักแห้ง
ดังนั้นการทานขมิ้นผงเพียงอย่างเดียว อาจต้องใช้ปริมาณมาก กว่าจะได้ระดับเคอร์คูมิน เทียบเท่ากับในอาหารเสริม แต่หากเป็นการใช้เคอร์คูมิน เพื่อบรรเทาภาวะอักเสบ เช่นปวดข้อ หรือข้อเสื่อม ปริมาณที่ใช้ในงานวิจัยบางฉบับอยู่ที่ 1,000–2,000 มก. ต่อวันแบ่งทานหลายมื้อ และควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว กำลังกินยาละลายลิ่มเลือด ยาลดกรด หรือกำลังเตรียมผ่าตัด เพราะเคอร์คูมิน อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือการดูดซึมยาได้ ดังนั้นสำหรับคนทั่วไป ที่ต้องการดูแลสุขภาพ ให้เริ่มจากปริมาณน้อยก่อน สังเกตอาการร่างกาย และค่อยปรับให้เหมาะสม
พืชอะไรที่มีเคอร์คูมินสูง กล่าวโดยสรุป
เคอร์คูมินเป็นสารธรรมชาติ ที่พบมากในพืชกลุ่มขมิ้น โดยเฉพาะ ขมิ้นชัน ซึ่งมีปริมาณสูงที่สุด รองลงมาคือว่านชักมดลูก ว่านนางคำ เปราะหอม และขมิ้นอ้อย ที่มีปริมาณค่อนข้างน้อย การรู้ว่าพืชแต่ละชนิดให้เคอร์คูมินมากน้อยแค่ไหน ช่วยให้เราเลือกใช้ได้ตรงความต้องการ ไม่ว่าจะนำมาปรุงอาหาร หรือดูแลสุขภาพแบบพื้นบ้าน
ใครที่ควรทานเคอร์คูมินเป็นพิเศษ?
คนที่มีภาวะอักเสบเรื้อรังเล็กน้อย เช่นปวดข้อเมื่อยตามร่างกาย คนที่ต้องการดูแลสุขภาพหัวใจ และการเผาผลาญ ผู้ที่มีความเครียด พักผ่อนน้อย หรือออกกำลังกายหนัก จนมีอาการกล้ามเนื้ออักเสบบ่อย อาจได้รับประโยชน์จากเคอร์คูมินมากขึ้น เพราะมีบทบาทในการลดการอักเสบ และต้านอนุมูลอิสระ
ใครที่ไม่ควรทานเคอร์คูมิน?
ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด ผู้ที่กำลังจะผ่าตัด หรือหลังผ่าตัด ผู้ที่มีประวัตินิ่วในถุงน้ำดี หรือท่อน้ำดีอุดตัน และผู้ที่มีโรคกระเพาะรุนแรง ควรหลีกเลี่ยง หรือปรึกษาแพทย์ก่อน นอกจากนี้ ผู้ตั้งครรภ์ และผู้ให้นมบุตรไม่ควรใช้ในรูปแบบสกัดเข้มข้น โดยไม่ได้รับคำแนะนำ
- Tags: สุขภาพ


