ฟื้นฟู ปะการัง จากเทคโนโลยี โดยการใช้เสียง

ฟื้นฟู ปะการัง จากเทคโนโลยี

ฟื้นฟู ปะการัง จากเทคโนโลยี โดยการใช้เสียง เป็นแนวคิดใหม่ เพื่อที่จะฟื้นฟู แนวปะการัง ที่เสียหายจาก ภัยธรรมชาติ หรือสิ่งที่มนุษย์ทำขึ้น โดยเป็นการใช้เสียง จากเสียงธรรมชาติ ที่ได้รับการศึกษา และค้นพบว่าเสียงเหล่านี้ สามารถฟื้นฟู สภาพแนวปะการังได้

  • ปัญหาและความสำคัญของปะการัง
  • ถ้าไม่ฟื้นฟูปะการังจะเป็นแบบไหนและเทคโนโลยีไหนที่ใช้ฟื้นฟู
  • จุดเริ่มต้นการฟื้นฟูและการวางค่าใช้จ่าย

ปัญหาปะการัง ที่ตอนนี้กำลังเข้าขั้นวิกฤต

ข้อมูลที่มีการรายงาน ออกมาเป็นฉบับแรก เมื่อช่วงปี 2008 เกี่ยวกับแนวปะการัง ที่ได้รับความเสียหาย จากการกระทำ ของมนุษย์เรานั้น ส่งผลให้ในช่วงปี 2009 มีปะการังมากกว่า 14% ที่สูญเสียไปทั้งหมด ต่อมาได้มีรายงานจาก “Status of Coral Reefs of the World” เป็นการรายงาน

ปัญหาแนวปะการังพบว่า ช่วงระยะเวลามากกว่า 40 ปี หากนับตั้งแต่ปี 1978 ถึงปี 2019 มีแนวปะการัง กระจายตัวอยู่รอบทะเล มากกว่า 12,000 แห่ง โดยแนวปะการังเหล่านี้ กระจายอยู่ใน 73 ประเทศทั่วโลก และมีการรายงานเพิ่มเติม พบว่า ปะการังที่ถูกฟอกขาว กลายเป็นปัญหาหลัก

ที่ทำให้แนวปะการัง เกิดความเสียหายมากที่สุด ช่วงปี 1998 เป็นปีที่ปะการัง โดนฟอกขาวมากที่สุด และเราได้สูญเสีย แนวปะการังไปมากกว่า 8% ของจำนวนปะการังทั้งหมด ตอนนี้นั้น การฟอกขาวปะการัง พบได้มากบริเวณ มหาสมุทรอินเดีย และในแถบชายฝั่ง ของประเทศญี่ปุ่น

ที่มา: รายงานสถานะแนวปะการังจากข้อมูล 40 ปี (12 มกราคม 2022) [1]

ปะการังสำคัญยังไง กับระบบนิเวศทางทะเล

เป็นคำถามที่ใครหลายคน อาจจะสงสัยอยู่ เพราะปะการัง ที่หลายคนรู้จัก อาจจะคิดว่าเป็นเพียง ที่อยู่อาศัย ของปลาการ์ตูน หรือเป็นที่หลบภัย ของสัตว์ในทะเลเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว ปะการังมีความสำคัญ ในเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย และยังเป็นส่วนสำคัญ ของระบบนิเวศ ดังนี้

  • ปกป้องแนวชายฝั่ง: แนวปะการัง ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่ ปลอดภัยของสัตว์น้ำเท่านั้น ยังทำหน้าที่เป็น แนวกำแพงทางธรรมชาติ ที่ช่วยชะลอความเร็ว ของคลื่นในทะเล อีกทั้งยังลดการกัดเซาะ ชายฝั่งได้อีกด้วย
  • เพิ่มความหลากหลาย: เป็นเหมือนฐาน ของการสร้าง ห่วงโซ่อาหารใหม่ และถือได้ว่าเป็น จุดรักษาสมดุล ของระบบนิเวศทางทะเล ให้มีความสมดุล และมีความสมบูรณ์ เพิ่มมากยิ่งขึ้น
  • ควบคุมอากาศ: ภายในปะการัง จะมีเนื้อเยื่อสาหร่าย ที่สามารถดักจับคาร์บอนได้ เหมือนกันกับ ดินคาร์บอน เนกาทีฟ ที่ช่วยลดการเกิด เรือนกระจกบน ชั้นบรรยากาศได้
  • เป็นยารักษา: ในวงการแพทย์ตอนนี้ ได้มีการวิจัย เกี่ยวกับการนำ ปะการังมาพัฒนา เป็นยารักษาโรค เพราะมีองค์ประกอบ ทางเคมีที่ดีอยู่ และสามารถนำไป ทำเป็นยาได้ในอนาคต

ภาพอนาคต หากไม่มีการฟื้นฟูปะการัง

สาเหตุหลัก ที่ทำให้แนวปะการัง ได้รับความเสียหาย ล้วนแล้วแต่มาจาก ฝีมือของมนุษย์ทั้งสิ้น มีทั้งการดำน้ำ แบบไม่เรียนรู้ การรักษาธรรมชาติ หรือการทิ้งสารเคมี ลงไปในทะเล สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ ทำให้ทะเล ได้รับความเสียหาย และกำลังทำให้แนวปะการัง กำลังจะเสียหาย ไปมากกว่าเดิม

อีกทั้งในตอนนี้ ที่โลกของเราเคยเจอปัญหา ภาวะโลกร้อน สิ่งเหล่านี้ก็ถือเป็น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ปะการังได้รับความเสียหาย เมื่อโลกร้อนขึ้น น้ำในทะเลมีโอกาสสูงขึ้น 1-2 องศา และนั่นเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้เกิดการ ฟอกขาวบริเวณปะการัง และทำให้ระบบนิเวศ ในทะเลเสื่อมลง

อุณหภูมิน้ำในช่วง ศตวรรษที่ 20 เพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยแล้ว 1.27 องศา และสิ่งนี้ส่งผลกระทบ ต่อแนวปะการังทั่วโลก ถ้าหากปัญหานี้ ยังไม่สามารถแก้ไขได้ ภายในระยะเวลา 30 ปีข้างหน้า โลกของเราจะเหลือ พื้นที่ปะการัง ทั่วโลกเพียง 10% เท่านั้น (3 เมษายน 2024) [2] หรืออาจจะเหลือน้อยกว่านั้น

เทคโนโลยี ที่ช่วยฟื้นฟูปะการัง ตามแนวชายฝั่ง

จากการศึกษา พฤติกรรมของปลา ที่สามารถช่วยในการ ฟื้นฟูพื้นที่ปะการัง ภายในทะเลได้นั้น พบว่าระบบนิเวศ ที่มีความแข็งแกร่ง ไม่ได้มาจากความสงบ และความอุดมสมบูรณ์ แต่เป็นเสียงภายในทะเล ที่มีเสียงจากธรรมชาติ ดังกึกก้องตลอดเวลา นักวิทยาศาสตร์ใช้เรื่องนี้ ในการพัฒนาปะการัง ดังนี้

1. แนวปะการังแต่ละพื้นที่ มีเสียงที่แตกต่างกัน ในเรื่องของความถี่ สิ่งนั้นส่งผลให้ สุขภาพทางทะเล มีความแตกต่างกัน นักวิจัยได้มีการ ถอดรหัสเสียงเหล่านี้ เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอด
2. เสียงมีส่วนสำคัญ ที่ช่วยดึงดูดตัวอ่อน ให้เคลื่อนที่เข้าหา โดยตัวอ่อนจะเลือกเข้าหา ปะการังที่มีเสียง แบบปะการังสมบูรณ์ (24 กันยายน 2021) [3] เพราะสิ่งเหล่านี้ สะท้อนถึงความปลอดภัย
3. นักวิทยาศาสตร์ ในเวลากว่า 5 ปี ในการทดลองการฟื้นฟู โดยเป็นการทดลอง แบบหลายรูปแบบ แต่ใช้การเล่นเสียง จากธรรมชาติเหมือนกันทั้งหมด
4. นักวิทยาศาสตร์จะเก็บเสียง จากปะการังที่สมบูรณ์ที่สุด เพื่อนำไปเปิดใน บริเวณที่ต้องการ สิ่งนั้นดึงดูดปลา หรือตัวอ่อน ให้เข้ามาฟื้นฟู ปะการังเองได้เต็มที่
5. หากปะการังได้รับการฟื้นฟู โดยระบบการใช้เสียง จะสามารถเพิ่มจำนวน ปะการังในทะเลได้ และสิ่งนั้นจะทำให้ ระบบนิเวศทางทะเล กลับมาสมบูรณ์แบบได้อีกครั้ง

แนวคิดแรกเริ่ม ที่ทำให้มีการ วางแผนโครงการนี้ขึ้น

นักวิทยาศาสตร์ มีการสังเกตพบว่า ปะการังที่อุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่จะมีเสียง รบกวนอยู่เป็นจำนวนมาก มีทั้งเสียงของกุ้ง ปลา และเสียงคลื่น ส่งเสียงไปทั่วบริเวณ เสียงเหล่านี้สะท้อน ทัศนียภาพทางทะเลได้ อีกทั้งยังพบว่า ตัวอ่อนของสัตว์ มักจะเติบโต ในพื้นที่บริเวณ ที่มีเสียงแบบนี้ สิ่งนั้นเป็นจุดเริ่มต้น

หากสนใจอ่านเรื่องราวทั้งหมดคลิกอ่านต่อได้ที่ earth

งบประมาณที่คาดว่า จะใช้จ่ายในการ ฟื้นฟูปะการัง

การนำความรู้ การฟื้นฟูปะการัง โดยการใช้เสียง ถือเป็นโครงการ ที่มีระยะการทดลอง ยาวนานกว่า 5 ปี สิ่งเหล่านี้พบว่า ปะการังทั่วโลก มีโอกาสมากกว่า 92% ที่จะฟื้นตัวได้ และสามารถกลับมา ฟื้นตัวแบบธรรมชาติ ได้แบบเต็มที่ โดยงบประมาณ ที่จะให้ในการทำงาน

ยังไม่สามารถประเมินค่า เป็นมูลค่าตัวเลขได้ เพราะการทดลองนี้ ถือเป็นการทดลอง ของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ที่ต้องการฟื้นฟู ระบบนิเวศทางทะเล และหากโครงการนี้สำเร็จ อาจจะมีการส่งต่อ ไปยังประเทศต่างๆ และสามารถสร้างรายได้ จำนวนมหาศาลได้ ในท้ายที่สุด

ฟื้นฟู ปะการัง จากเทคโนโลยี หน้าสรุปสุดท้าย

ฟื้นฟู ปะการัง จากเทคโนโลยี

หน้าสรุป ฟื้นฟูปะการัง จากเทคโนโลยี เป็นการฟื้นฟูแบบ การเลียนแบบ เสียงจากธรรมชาติ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นการอิงพฤติกรรม ตามธรรมชาติของสัตว์ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่จะทำให้สัตว์เหล่านั้น เข้ามาฟื้นฟู แนวปะการังตามธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้กำลังอยู่ในช่วง การวิจัยศึกษาเพิ่มเติม

เสียงสงบในทะเล ไม่ดียังไง

ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่หากพื้นที่ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ หรือมีความแข็งแกร่ง ทางทะเลสูงนั้น มักจะมีเสียง ของสัตว์น้ำขนาดเล็ก ที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ ทั้งกุ้ง ปลาขนาดเล็ก และเสียงคลื่นทะเล เสียงเหล่านี้สามารถ ปลูกฝังสัญชาตญาณ การเจริญเติบโต ในสัตว์รุ่นต่อไปได้

ถ้าปะการังดี โลกจะดีได้ยังไง

หากปะการังทั่วโลก ได้รับการฟื้นฟู สิ่งแรกที่เรา จะเห็นได้ชัดเลยคือ ระบบนิเวศทางทะเล จะมีประสิทธิภาพ เพิ่มมากยิ่งขึ้น การเติบโตของสัตว์ สายพันธุ์ใหม่ การปกป้องทางทะเล จะแข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถ ลดภาวะโลกร้อนได้ จากการดักจับคาร์บอน ของเนื้อเยื่อสาหร่าย ภายในปะการัง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง