
ม่วงกำมะหยี่ วิธีปลูก และดูแลให้สวยสดตลอดปี
- OTP
- 8 views

ม่วงกำมะหยี่ วิธีปลูก เป็นไม้ดอกสีม่วงสดที่ได้รับความนิยมในสวนไทย ด้วยรูปทรงใบสวย และดอกที่ออกตลอดปี หากปลูกในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มันจะให้ความงามอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องดูแลมากนัก เราจะพาคุณไปรู้จักวิธีปลูก และดูแลม่วงกำมะหยี่อย่างมืออาชีพ พร้อมเคล็ดลับให้ดอกออกเต็มต้น และสีสดไม่ซีดจาง
- ทำความรู้จักข้อมูลพื้นฐาน และลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นม่วงกำมะหยี่
- จุดเด่นและการใช้งาน ม่วงกำมะหยี่
- วิธีปลูก และขั้นตอนการดูแลม่วงกำมะหยี่
- ปัญหาที่พบบ่อยของม่วงกำมะหยี่และวิธีแก้ไข
ข้อมูลพื้นฐานของม่วงกำมะหยี่
- ชื่อ: ม่วงกำมะหยี่
- ชื่อสามัญ: Mona Lavender, Spur Flower
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Plectranthus ‘Mona Lavender’
- วงศ์: Lamiaceae (วงศ์กะเพรา)
- ถิ่นกำเนิด: แอฟริกาใต้—เป็นลูกผสมที่พัฒนาโดยสวนพฤกษศาสตร์ Kirstenbosch ประเทศแอฟริกาใต้
ที่มา: ม่วงกำมะหยี่ (12 มกราคม 2016) [1]
ทำความรู้จักความเป็นมาของม่วงกำมะหยี่
ม่วงกำมะหยี่ (Plectranthus ‘Mona Lavender’) หรือที่บางครั้งเรียกว่า “ม่วงมณี” ได้รับการปรับปรุงพันธุ์โดยสวนพฤกษศาสตร์ Kirstenbosch ประเทศแอฟริกาใต้ ลักษณะเด่นคือใบสีเขียวเข้มด้านบน ตัดกับด้านล่างสีม่วงแดง และช่อดอกสีม่วงอ่อนถึงม่วงเข้มที่ออกดกในช่วงฤดูหนาว ทำให้เป็นไม้ประดับยอดนิยมทั้งปลูกลงแปลง และในกระถาง ดูแลง่าย ขยายพันธุ์ได้ด้วยการปักชำกิ่ง
ในปี 1990s (ทศวรรษ 1990) ม่วงกำมะหยี่ (Plectranthus ‘Mona Lavender’) ถูกปรับปรุงพันธุ์ขึ้นครั้งแรกโดย สวนพฤกษศาสตร์ Kirstenbosch ประเทศแอฟริกาใต้ เพื่อสร้างไม้ดอกที่มีสีม่วงสด ออกดอกดก และทนต่อสภาพอากาศกึ่งร้อนชื้นได้ดี ต่อมาในช่วง ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 (ราวปี 2002–2005) ได้ถูกเผยแพร่สู่ตลาดไม้ประดับนานาชาติ และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพราะปลูกง่าย ดูแลง่าย และให้ดอกต่อเนื่องตลอดปี
ในประเทศไทย ม่วงกำมะหยี่เริ่มเป็นที่รู้จัก และนิยมมากขึ้นตั้งแต่ช่วง ประมาณปี 2010 เป็นต้นมา โดยถูกจัดเป็นไม้กระถาง และไม้ประดับสวนยอดนิยม ด้วยเสน่ห์ของใบเขียวเข้มตัดกับใต้ใบสีม่วงแดง และช่อดอกสีม่วงสดที่ออกดกในฤดูหนาว ปัจจุบันยังถูกแนะนำในฐานข้อมูลพรรณไม้ของหลายสถาบัน เช่น บ้านและสวน และ สวนพฤกษศาสตร์ราชพฤกษ์
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ม่วงกำมะหยี่
- ลำต้น: ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูงประมาณ 20–60 เซนติเมตร ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มแน่น
- ใบ: ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรีถึงรูปไข่ แผ่นใบสีเขียวเข้มมีขนปกคลุม ด้านใต้ใบมีสีม่วงแดง โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก
- ดอก: ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกรูปแตร กลีบดอก 5 กลีบ เชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นสองแฉก สีม่วงอ่อนถึงม่วงเข้ม แซมชมพูหรือขาว ออกดอกดกในช่วงฤดูหนาว
- ผล: ไม่ค่อยพบการติดผล เนื่องจากเป็นไม้ประดับลูกผสมที่นิยมขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่ง
- ราก: ระบบรากฝอย แผ่กระจาย ไม่ลึกมาก เหมาะกับการปลูกในกระถางหรือแปลงดินที่ระบายน้ำดี
ที่มา: ม่วงกำมะหยี่ (30 มีนาคม 2017) [2]
จุดเด่นและการใช้งาน ม่วงกำมะหยี่
จุดเด่นของม่วงกำมะหยี่
- ดอกสีม่วงสด ออกดอกดก โดยเฉพาะในฤดูหนาว
- ใบเขียวเข้มตัดกับใต้ใบสีม่วงแดง เพิ่มมิติให้สวน
- ปลูกง่าย โตเร็ว ดูแลไม่ยุ่งยาก เหมาะกับมือใหม่
- ออกดอกต่อเนื่องได้ยาวนานหากดูแลถูกวิธี
- ขยายพันธุ์ง่ายด้วยการปักชำกิ่ง
การใช้งาน
- นิยมปลูกเป็น ไม้กระถาง ประดับบ้าน ระเบียง หรือโต๊ะทำงาน
- ใช้จัดสวนเป็น ไม้ประดับแปลง เพิ่มสีสันและความหรูหรา
- เหมาะสำหรับ ปลูกประดับในอาคารกึ่งร่ม ที่มีแสงแดดรำไร
- ใช้เป็น ไม้ประดับเชิงพาณิชย์ ในงานจัดสวนและงาน Landscape
- ในเชิง ฮวงจุ้ยและการจัดสวน มักใช้ปลูกเพื่อเสริมบรรยากาศสงบ ร่มเย็น และเพิ่มพลังบวกให้กับพื้นที่ เช่นเดียวกับ ว่าน สายพันธุ์นิยม ที่นิยมปลูก เพื่อเสริมดวงตามความเชื่อ
- ในบางแหล่งข้อมูล มีการเชื่อมโยงกับความหมายของ “ดอกไม้กำมะหยี่” ที่ใช้ในพิธีกรรมต่างประเทศ เช่น เม็กซิโก ที่ดอกกำมะหยี่ถูกใช้แทนความทรงจำ และการรำลึกถึงผู้ล่วงลับ (27 พฤษภาคม 2025) [3]
วิธีปลูก และขั้นตอนการดูแลม่วงกำมะหยี่

วิธีปลูกม่วงกำมะหยี่
- การขยายพันธุ์: ใช้วิธีปักชำกิ่ง โดยเลือกกิ่งที่แข็งแรง ตัดยาวประมาณ 10–15 ซม. แล้วปักลงในดินร่วนปนทรายที่ชื้นพอเหมาะ
- ดินปลูก: ดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี ไม่อุ้มน้ำมากเกินไป
- แสงแดด: ชอบแดดครึ่งวันเช้า หรือแสงรำไร หากปลูกในที่แดดจัดเกินไป ใบอาจซีดหรือไหม้ได้
- กระถาง: หากปลูกในกระถาง ควรเลือกขนาดกลางถึงใหญ่ เพื่อให้รากมีพื้นที่ขยายตัว
ขั้นตอนการดูแลม่วงกำมะหยี่
- น้ำ: รดน้ำปานกลาง วันเว้นวัน หรือเมื่อดินแห้ง ไม่ควรให้ชื้นแฉะ
- แสง: วางในที่มีแสงครึ่งวันเช้า หรือแสงรำไร
- อุณหภูมิ: ชอบอากาศอบอุ่น ไม่ทนหนาวจัด
- ตัดแต่ง: ตัดแต่งกิ่งที่ยาวเกินไปเพื่อควบคุมทรงพุ่ม และกระตุ้นการแตกยอดใหม่
- โรคแมลง: ระวังเพลี้ยและแมลงปากดูด ใช้สารสกัดธรรมชาติหรือสบู่ฆ่าแมลงฉีดพ่นเบา ๆ
ที่มา: กำมะหยี่ม่วง (26 มกราคม 2016) [3]
ปัญหาที่พบบ่อยของม่วงกำมะหยี่และวิธีแก้ไข
- ใบซีด สีม่วงจาง: ได้รับแสงน้อยเกินไป วิธีแก้ ย้ายไปบริเวณที่มีแสงครึ่งวันเช้า หรือแสงรำไรที่สม่ำเสมอ
- ใบไหม้หรือแห้งกรอบ: แสงแดดจัดเกินไป หรือขาด น้ำวิธีแก้ ลดการรับแสงตรงช่วงบ่าย และรดน้ำให้สม่ำเสมอโดยไม่ให้ดินแฉะ
- ใบเหลืองและร่วง: ดินอุ้มน้ำมากเกินไป หรือรากเน่า วิธีแก้ ปรับดินให้โปร่ง ระบายน้ำดี เช่น ผสมทรายหยาบหรือพีทมอส และลดการรดน้ำ
- กิ่งยืดยาว ยอดไม่แตก: ขาดการตัดแต่ง หรือแสงไม่พอ วิธีแก้ ตัดแต่งปลายยอดเพื่อกระตุ้นการแตกกิ่งใหม่ และเพิ่มแสงให้เพียงพอ
- เพลี้ย แมลงปากดูด: ความชื้นสูง อากาศไม่ถ่ายเท วิธีแก้ ฉีดพ่นด้วยน้ำสบู่อ่อน หรือสารสกัดสะเดาเป็นระยะ และจัดวางต้นไม้ให้มีอากาศถ่ายเท
โดยสรุป ม่วงกำมะหยี่ วิธีปลูก ไม้ประดับใบโดดเด่น
สรุปแล้ว ม่วงกำมะหยี่ วิธีปลูก เป็นไม้พุ่มเลื้อยที่มีใบสีม่วงกำมะหยี่โดดเด่น เหมาะสำหรับปลูกคลุมดินหรือประดับในกระถาง ชอบดินร่วนปนทรายและแสงแดดครึ่งวันเช้า ควรรดน้ำปานกลางและหลีกเลี่ยงความชื้นแฉะ ขยายพันธุ์ง่ายด้วยการปักชำกิ่ง เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นปลูกไม้ประดับที่ต้องการสีสันแปลกตาในสวนหรือบ้าน
ม่วงกำมะหยี่เหมาะกับการปลูกแบบใด?
ม่วงกำมะหยี่เหมาะกับการปลูกแบบคลุมดิน หรือปลูกในกระถางแขวน เพราะลำต้นทอดเลื้อย และใบสีสวยโดดเด่น ช่วยเพิ่มมิติให้สวน หรือมุมบ้าน
ดอกของม่วงกำมะหยี่ มีลักษณะอย่างไร?
ดอกออกเป็นช่อกระจุกสีเหลืองสด มักบานในช่วงอากาศอบอุ่น แม้ไม่ใช่จุดเด่นหลัก แต่ช่วยเพิ่มความน่ารักให้กับต้นได้ดี
- Tags: ต้นไม้

แหล่งอ้างอิง


