
ยักษ์ยุโรป ในสภาวะนิ่ง ผู้ทำลายคู่แข่งด้วยเรขาคณิต
- Harry P
- 26 views

ยักษ์ยุโรป ในสภาวะนิ่ง ฉายาของนิโคลา วูเชวิช (Nikola Vucevic) ที่สะท้อนทั้งสไตล์การเล่น ที่เน้นการอ่านเกมมากกว่าความระเบิดตา การเคลื่อนที่ ที่ประหยัดจังหวะ และความสม่ำเสมอ ที่บางครั้งถูกตีความว่า “นิ่งเกินไป” แต่ความนิ่งของเขากำลังทำหน้าที่อะไรให้ Bulls กันแน่ และมันยุติธรรมไหม ที่มองเขาแค่ผ่านไฮไลต์
เส้นทางกำเนิดยักษ์ยุโรป จากรากลึกสู่แกนหลักแห่ง NBA
นิโคลา วูเชวิชเกิดที่สวิตเซอร์แลนด์ เติบโตกับครอบครัวชาวมอนเตเนโกร ก่อนเลือกเส้นทางมาสาย NCAA ที่ USC และถูกดราฟต์อันดับ 16 ในปี 2011 โดย Philadelphia 76ers ก่อนจะถูกเทรดมา Orlando Magic และกลายเป็นหนึ่งในเซนเตอร์ยุโรป ที่ต่อยอดสไตล์ โพสต์คลาสสิก + ชู้ตกลาง-ไกล ได้ชัดเจนที่สุดคนหนึ่งของลีก
ช่วงพีคกับออร์แลนโด แมจิก คือภาพของเซนเตอร์ ที่แบกเกมรุกได้เอง เป็นทั้งสกอร์หลัก รีบาวด์เดอร์ตัวท็อป และเริ่มโชว์สัญญาณ การยืดเกมออกไปที่สามแต้ม จากนั้นในปี 2021 เขาก็ย้ายมาชิคาโก บูลส์ และเปลี่ยนบทบาทจาก “พระเอกคนเดียวในทีมรีบิวด์” มาเป็นหนึ่งในแกนหลักของทีม ที่อยากทะลุเพลย์ออฟจริงๆ
การเซ็นสัญญา 3 ปี มูลค่าประมาณ 60 ล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน ปี 2023 ทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของทางเลือก บูลส์จะเดินหน้าต่อ ด้วยแกนเดิมที่มีประสบการณ์ หรือจะทุบทีมลง แล้วเริ่มใหม่กับแกนหนุ่ม ซึ่งนี่คือจุดตั้งต้นของคำว่า “สภาวะนิ่ง” ที่แฟนจำนวนหนึ่งเอามาใช้กับวูเชวิช (14 พฤศจิกายน 2025) [1]
เมื่อสถิติของวูเชวิชหยุดนิ่ง แต่ทีมยังเดินหน้า
ถ้าไล่ดูเฉพาะตัวเลข วูเชวิชไม่ได้ “ดรอป” แบบตกเหว อย่างที่บางกระแสในโซเชียลชอบพูด ตรงกันข้าม ฤดูกาล 2024-25 เขาลงเล่น 73 เกม ทำได้ 18.5 แต้ม, 10.1 รีบาวด์, 3.5 แอสซิสต์ต่อเกม พร้อมเปอร์เซ็นต์การชู้ตที่คมทั้งใน และนอกเส้นสามแต้ม นี่คือมาตรฐานของเซนเตอร์ตัวจริง ในทีมเพลย์อินที่ยังต้องการเขาทุกคืน
ต้นฤดูกาล 2025-26 บูลส์ออกตัว 5-0 ก่อนจะแกว่งมาแถว 7-6 แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ วูเชวิชยังเป็นแกนหลักในระบบใหม่ของทีม ค่าเฉลี่ยช่วงต้นซีซันอยู่ที่ 16.5 แต้ม, 10.1 รีบาวด์, 3.5 แอสซิสต์, FG 50-51% แม้สกอร์จะลดลงเล็กน้อย แต่บทบาทด้านรีบาวด์ และการจ่ายบอลยังคงเสถียร (18 พฤศจิกายน 2025) [2]
เมื่อประกอบกับบริบทที่ทีม เปลี่ยนแกนหลักไปสู่ จอช กิดดีย์ ในฐานะการ์ดสารพัดใช้ ที่เฉียดทริปเปิล-ดับเบิลทุกคืน และมาตาส บูเซลิส, โคบี ไวต์, ไอแซก โอโคโร, จาเลน สมิธ ที่ค่อยๆกลายเป็นตัวใช้งานหลัก เราจะเห็นว่าบทบาทของวูเชวิช ไม่ได้หายไป แต่รีเซตใหม่ ให้เข้ากับ DNA ทีมเวอร์ชัน 2.0 มากกว่า
ทำไมแฟนบางส่วนถึงรู้สึกว่าวูเชวิช “นิ่งเกินไป”

แม้ตัวเลขจะบอกว่านิโคลา วูเชวิชยังเป็นเซนเตอร์ระดับที่คู่ควรตัวจริงใน NBA แต่เสียงวิจารณ์กลับไม่เคยเงียบลงเสียที โดยเฉพาะในหมู่แฟนบูลส์ ที่มองว่าดีลเทรดจากแมจิก และการต่อสัญญา 3 ปี 60 ล้านคือการ “ล็อกทีมไว้ กับแกนที่พาไปได้แค่เพลย์อิน”
ในสายตาแฟนๆ ที่อยากรีบิวด์แบบสุดทาง ดีลนี้คือสัญลักษณ์ของการ “กล้าไม่พอ” แต่ในสายตาคนทำทีม ดีลนี้คือการรักษามาตรฐานพื้นฐาน ในโลกรอบใหม่ เซนเตอร์ที่มีทั้งรีบาวด์, สกอร์, และการจ่ายบอลในระดับดีๆ ไม่ได้หาง่ายอีกต่อไป
เสียงวิจารณ์ที่วูเชวิชไม่ได้หนี
มีหลายครั้งที่เขาถูกถามถึงกระแสที่แฟนๆ อยากให้ทีมเดินหน้าต่อโดยไม่มีเขา คำตอบของวูเชวิชมักไม่ใช่การปกป้องตัวเอง แต่เขาเลือกตอบว่า เขายังอยากอยู่ในชิคาโก ยังเชื่อว่าตัวเองช่วยทีมได้ และเข้าใจว่าธรรมชาติของลีก คือการถูกพูดถึงเรื่องเทรดเสมอ เมื่อทีมยังไม่ชนะในระดับที่แฟนๆต้องการ (4 ตุลาคม 2025) [3]
ความคาดหวังที่ไม่สัมพันธ์กับอายุ และบริบททีม
เมื่อลีกพึ่งได้แชมป์จาก Jokic และกำลังคลั่งไคล้กับ Wembanyama, Sengun มาตรฐานของคำว่า “ยักษ์ยุโรป” ในหัวคนดู ถูกยกเพดานขึ้นไปอีกขั้น แฟนจำนวนไม่น้อย จึงเผลอเอาโครงสร้างเหล่านี้ มาเทียบกับวูเชวิช ทั้งที่บริบทต่างกันอย่างสิ้นเชิง
วูเชวิชในวัย 35 ปี ไม่ใช่เพลย์เมกเกอร์จุดศูนย์กลางแบบ Jokic เขาไม่ได้มีความยาว กับมุมบล็อกช็อตแบบ Wemby แต่สิ่งที่วูเชวิชให้ทีม คือความสม่ำเสมอ, รีบาวด์ที่เชื่อถือได้ การจบเพลย์ที่เลือกช็อตดี และเกมโพสต์ที่ใช้เป็น Plan B หรือ Plan C เมื่อสเปซของการ์ดถูกปิดมากกว่า
หากเราคาดหวังว่านิโคลา วูเชวิชต้องกลายร่างเป็นนิโคลา โยคิช (Nikola Jokic) คนที่สอง แน่นอนว่ามันจะต้องผิดหวังเสมอ แต่ถ้าเราอ่านเขาในฐานะ “เสาหลักที่ทำให้ทีมไม่พัง” ภาพของวูเชวิชจะต่างออกไปมาก
วูเชวิชในเชิงแท็กติก และจิตวิทยาทีม

ในโลกที่เราชอบตัดสินนักบาส จากคลิป TikTok 15 วินาที มีหลายอย่างที่เรามองไม่เห็น ในเกมของวูเชวิช บูลส์เวอร์ชันปัจจุบัน คือส่วนผสมระหว่างแกนเก่า ที่ผ่านเกมเพลย์อินมาแล้ว กับแกนใหม่ที่ต้องใช้สนามจริงเป็นห้องเรียน วูเชวิชทำหน้าที่เหมือน “น้ำหนักถ่วง” ที่กันไม่ให้เกมรุก และเกมรับของทีม เหวี่ยงไปสุดทางเกินไป
- เมื่อจอช กิดดีย์ฟอร์มร้อน จนแทบเล่นเป็นพอยต์เซนเตอร์ได้เอง วูเชวิชจะถอยออกไปยืนสามแต้ม เป็นตัวดึงบิ๊กคู่แข่งออกจากแป้น เพื่อให้เพื่อนมีเลนทะลุเข้าไป
- เมื่อเกมสามแต้มทั้งทีมไม่มา เขาก็กลับเข้าโพสต์เพื่อบังคับให้คู่แข่ง ต้องหันมาช่วยในเพนต์ เปิดโอกาสให้ชู้ตเตอร์รอบนอก กลับมามีจังหวะชู้ตง่ายๆได้อีกครั้ง
คำแนะนำสำหรับแฟนบาส ที่ดูวูเชวิชแล้วรู้สึกเฉยๆ
หนึ่งในปัญหาของยุคที่ข้อมูล และคลิปสั้นเต็มไปหมด คือเรามักจะรักผู้เล่นที่มีโมเมนต์ ไม่กี่วินาทีที่ดูบ้าคลั่ง แต่ลืมมองคนที่ค่อยๆทำงานแบบเดิมทุกคืน จนทีมไม่พัง วูเชวิชคือเคสคลาสสิกของนักกีฬาประเภทหลัง
- เวลาอ่านเกมของบูลส์ ลองดูว่าเมื่อเขาอยู่ในสนาม โครงสร้างเกมรุกและรับนิ่งแค่ไหน เทียบกับตอนที่เขาออกไปพัก
- อย่าดูแค่จังหวะที่เขาโดนเล่นงานจากดาวรุ่ง หรือยูนิคอร์นของลีก แต่ลองดูทั้งเกมว่าทีมคู่แข่งต้องคิดเยอะขึ้นแค่ไหน เวลาเข้ามาชนรีบาวด์กับเขา
- ทำใจกับความจริงข้อหนึ่ง ไม่ใช่ทุกทีมจะมี Jokic หรือ Embiid ได้พร้อมกันหมด การมีเซนเตอร์ระดับ “พื้นฐานแข็ง สม่ำเสมอ เล่นได้หลายปี” อย่างวูเชวิช ก็เป็นความหรูหราในระดับหนึ่งแล้ว
บทสรุป ยักษ์ยุโรป ในสภาวะนิ่ง บิ๊กที่มีความนิ่งเป็นอาวุธ
สุดท้ายแล้ว ยักษ์ยุโรป ในสภาวะนิ่ง ไม่ได้หมายถึงคนที่หยุดพัฒนา แต่หมายถึงคนที่เลือกจะนิ่ง เพื่อให้ทีมทั้งทีมเดินต่อได้โดยไม่ล้ม และไม่ว่าอนาคตของนิโคลา วูเชวิชจะจบลงแบบไหน เขาก็ได้ทิ้งรอยเท้าไว้แล้ว ในฐานะเซนเตอร์ยุโรป ที่พิสูจน์ว่าความนิ่งก็เป็นพลังรูปแบบหนึ่ง เป็นสิ่งที่ทีม NBA หลายทีมตามหาอยู่เสมอ
ทำไมหลายคนบอกว่าวูเชวิชนิ่งเกินไป ทั้งที่สถิติยังดีอยู่ ?
เพราะมาตรฐานที่แฟนบางส่วนใช้เทียบคือ Jokic, Wembanyama และ Sengun ซึ่งมีสไตล์สร้างเกม และไฮไลต์ที่ชัดกว่า ขณะที่วูเชวิชเล่นแบบเน้นประสิทธิภาพ และความสม่ำเสมอมากกว่า ทำให้รู้สึกว่าไม่มีอะไรใหม่ ทั้งที่ผลลัพธ์ในเชิงตัวเลข ยังอยู่ระดับสูงของลีก
ในทีมบูลส์ชุดปัจจุบัน วูเชวิชยังจำเป็นอยู่แค่ไหน ?
ตอนนี้เขายังเป็นเซนเตอร์ตัวจริง ที่ถือภาระรีบาวด์หลัก และเป็นตัวดึงบิ๊กคู่แข่งออกจากเพนต์ ด้วยการยืนสามแต้มได้ การมีเขาอยู่ทำให้ Giddey กับ Buzelis อ่านเกมง่ายขึ้นมากในหลายเซตเพลย์ เพียงแต่อนาคตระยะกลาง ยังขึ้นอยู่กับว่าทีมจะเลือกรีบิวด์ หรือดันโครงนี้ให้สุดทาง
- Tags: กีฬา


