วิตามินที่ละลายในไขมัน มีอะไรบ้าง มีผลเสียไหม

วิตามินที่ละลายในไขมัน

วิตามินที่ละลายในไขมัน มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย วิตามิน A, D, E และ K เป็นวิตามินที่ร่างกายดูดซึมได้ผ่านทางอาหารที่มีไขมัน แต่การได้รับวิตามินเหล่านี้มากเกินไป อาจส่งผลเสียได้ มาดูกันถึงประโยชน์ และผลเสียของวิตามินแต่ละชนิด

วิตามินที่ละลายในไขมัน และ vitamin คืออะไร

วิตามิน คือ สารอินทรีย์ ที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย ในปริมาณเล็กน้อย แต่มีความสำคัญต่อการทำงานที่ปกติ ของระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่นการเจริญเติบโต การทำงานของเซลล์ และการสร้างพลังงาน

ร่างกายมนุษย์ ไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินได้เอง ในปริมาณที่เพียงพอ (ยกเว้นวิตามิน D ที่สามารถสังเคราะห์ จากแสงแดด) ดังนั้น จึงจำเป็นต้องได้รับจากอาหาร

วิตามิน ที่ละลายในไขมัน คืออะไร ดูดซึมได้อย่างไร

วิตามินที่ละลายในไขมันคือ วิตามินที่สามารถละลาย และถูกดูดซึมผ่านไขมันในร่างกาย วิตามินเหล่านี้ประกอบไปด้วย วิตามิน A, D, E, และ K ร่างกายจะเก็บสะสมวิตามิน ที่ละลายในไขมัน ไว้ในเนื้อเยื่อไขมันและตับ

ซึ่งต่างจากวิตามิน ที่ละลายในน้ำ ซึ่งจะถูกขับออกทางปัสสาวะ หากมีปริมาณมากเกินไป วิตามินที่ละลายในไขมันช่วยในการทำงานต่างๆ เช่นการมองเห็น การดูดซึมแคลเซียม การแข็งตัวของเลือด และปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ แต่หากได้รับมากเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดภาวะเป็นพิษ [1]

วิตามินที่ละลายในไขมัน วิตามิน A, D, E, K ผลเสีย ประโยชน์

  • ผลเสียวิตามินA หากได้รับมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะพิษ อาการวิงเวียน คลื่นไส้ และปัญหาตับ การได้รับเกินอาจเพิ่มความเสี่ยง ต่อกระดูกแตกหัก ในด้านประโยชน์ ช่วยบำรุงสายตา โดยเฉพาะการมองเห็นในที่มืด เสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยให้เซลล์เจริญเติบโต อย่างเหมาะสม
  • ผลเสียวิตามินD การได้รับวิตามิน D มากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ส่งผลต่อไต และอาจทำให้เกิดปัญหาหัวใจ หรือหลอดเลือดแข็งตัว ในด้านช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เพื่อเสริมสร้างกระดูก และฟัน ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และหลอดเลือด
  • ผลเสียวิตามินE หากได้รับมากเกินไป อาจทำให้เลือดออกได้ง่าย และเพิ่มความเสี่ยง ของภาวะเลือดออกในสมอง ในบางกรณี ในด้านประโยชน์ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ ช่วยลดการอักเสบ บำรุงผิว และช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
  • ผลเสียวิตามินK การได้รับมากเกินไป อาจทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน ในหลอดเลือด และขัดขวางการทำงานของยาต้านการแข็งตัวของเลือด ในด้านประโยชน์มีบทบาทสำคัญ ในการช่วยให้เลือดแข็งตัว ป้องกันการเกิดเลือดออกภายในร่างกาย และส่งเสริมสุขภาพกระดูก ลดความเสี่ยง ต่อโรคกระดูกพรุน

ที่มา: What Is Vitamin Toxicity? [2]

วิตามินที่ละลายในไขมัน ปริมาณวิตามินแต่ละชนิดต่อวัน

ปริมาณวิตามิน ที่แนะนำต่อวัน สำหรับผู้ใหญ่ มีดังนี้

  • วิตามินA: 700-900 ไมโครกรัม (mcg) สำหรับผู้หญิง และผู้ชายตามลำดับ
  • วิตามินD: 600-800 หน่วยสากล (IU) ขึ้นอยู่กับอายุ
  • วิตามินE: 15 มิลลิกรัม (mg) สำหรับทั้งผู้หญิง และผู้ชาย
  • วิตามินK: 90-120 ไมโครกรัม (mcg) สำหรับผู้หญิงและผู้ชายตามลำดับ

ที่มา: The Fat-Soluble Vitamins [3]

 

วิตามินที่ละลายในไขมัน การละลายในไขมันและการสะสม

วิตามินที่ละลายในไขมัน

เนื่องจากวิตามินเหล่านี้ สามารถละลายในไขมัน และถูกสะสมไว้ในเนื้อเยื่อไขมัน และตับ การได้รับวิตามินเหล่านี้ ในปริมาณที่เพียงพอ สามารถช่วยป้องกันการขาดวิตามิน ได้เป็นเวลานาน

อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการสะสม ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้วิตามินเหล่านี้ สามารถเกิดพิษได้ หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป เนื่องจากร่างกาย ไม่สามารถขับออกได้รวดเร็ว เหมือนวิตามินที่ละลายในน้ำ

วิตามินที่ละลายในไขมัน ข้อดีและข้อเสียวิตามิน

ข้อดี ของวิตามินที่ละลายในไขมัน

  • สะสมในร่างกายได้: ร่างกายสามารถเก็บสะสมไว้ในตับ และเนื้อเยื่อไขมัน ทำให้ไม่จำเป็นต้องได้รับทุกวัน
  • ส่งเสริมสุขภาพที่หลากหลาย: ช่วยในกระบวนการสำคัญ เช่นการมองเห็น การเสริมสร้างกระดูก ระบบภูมิคุ้มกัน และการแข็งตัวของเลือด
  • มีบทบาทในการป้องกันอนุมูลอิสระ: ช่วยปกป้องเซลล์ จากความเสียหาย และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคบางชนิด

ข้อเสีย ของวิตามินที่ละลายในไขมัน

  • สะสมเกินขนาดได้: เนื่องจากเก็บสะสมในร่างกาย การได้รับมากเกินไป อาจทำให้เกิดพิษ
  • ผลเสียต่อระบบต่างๆ: อาจส่งผลต่อระบบกระดูก ไต และการแข็งตัวของเลือด หากได้รับมากเกินไป

สรุปท้ายบทความ วิตามินที่ละลายในไขมัน

วิตามินที่ละลายในไขมันมีความสำคัญต่อสุขภาพ แต่การได้รับมากเกินไป อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เช่นปัญหาตับ กระดูก ไต และการแข็งตัวของเลือด ดังนั้นควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ก่อนเริ่มการเสริมวิตามิน เพื่อลดความเสี่ยง ที่อาจเกิดจากการได้รับวิตามินเกิน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

152