สมองของดีลเลอร์ vs ผู้เล่น คิดอย่างไรตอนเดิมพัน

J. Kanji
9 พ.ย. 25
16:49
12 views

สมองของดีลเลอร์ vs ผู้เล่น เคยสงสัยไหมว่า เมื่ออยู่ในโต๊ะเกมเดียวกัน ระหว่างดีลเลอร์ กับผู้เล่น ใครกันแน่ที่ใช้สมองมากกว่ากัน ตอนดีลเลอร์แจกไพ่ เขาคิดอะไรอยู่ แล้วผู้เล่นที่นั่งตรงข้ามล่ะ สมองเขาทำงานอย่างไรเมื่อเดิมพัน บทความนี้จะพามาเปรียบเทียบ สมองฝั่งดีลเลอร์” กับ “สมองฝั่งผู้เล่น” ว่าทั้งสองสมองทำงานต่างกันอย่างไร

สมองของดีลเลอร์ เจ้าของเกมที่ต้องคุมทุกจังหวะ

สมองของผู้เล่น สนามรบแห่งอารมณ์และการคาดเดา
ดีลเลอร์กับผู้เล่นใครใช้สมองมากกว่ากัน?

เมื่อสมองทั้งคู่ต้องรับแรงกดดัน

สมาธิและการโฟกัส จุดต่างที่เห็นชัดที่สุด
สมองเรียนรู้และปรับตัวอย่างไรหลังเกม

สมองดีลเลอร์ vs ผู้เล่นกับบทสรุป

ทำไมดีลเลอร์ถึงดูนิ่ง ไม่หวั่นไหวเหมือนผู้เล่น?
ทำไมผู้เล่นถึงมักตัดสินใจผิด เมื่อเล่นต่อเนื่องนานๆ?

สมองของดีลเลอร์ เจ้าของเกมที่ต้องคุมทุกจังหวะ

ดีลเลอร์คือผู้คุมเกม ซึ่งสมองของเขาทำงานหนักทั้งด้าน “การควบคุม” และ “การจัดการ”

สมองส่วนหน้า (prefrontal cortex) ทำงานเพื่อควบคุมสมาธิ คิดเป็นขั้นตอน และจัดการหลายงานพร้อมกัน (multi-tasking)
สมองส่วนที่เกี่ยวกับ การควบคุมอารมณ์ (amygdala) ก็สำคัญ เพราะดีลเลอร์ต้องรักษาหน้านิ่ง ไม่ให้แสดงอารมณ์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
งานวิจัยจาก Factors related to casino dealer burnout and turnover intention in Macau พบว่าในปี 2009 ดีลเลอร์จำนวน 172 คนในมาเก๊า ได้รับการสำรวจเรื่อง burnout และความตั้งใจลาออก ซึ่งชี้ให้เห็นว่าทุกวัน เขาต้องรับภาระทางจิตใจค่อนข้างสูง (ธันวาคม 2009) [1]

นั่นหมายถึงว่า ดีลเลอร์ไม่ใช่แค่ “แจกไพ่” แต่สมองเขาต้องคอยประมวลผล สังเกตสถานการณ์ และควบคุมตัวเองอย่างต่อเนื่อง แม้ดีลเลอร์จะดูนิ่งแต่ สมองกับ บรรยากาศ ในโต๊ะพนัน กลับเชื่อมกันอย่างแนบแน่น แสง เสียง และแรงกดดันรอบโต๊ะ ล้วนส่งผลต่อระดับสมาธิ และอารมณ์ของเขาโดยตรง

สมองของผู้เล่น สนามรบแห่งอารมณ์ และการคาดเดา

ผู้เล่นนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม งานของสมองเขาคือ “ตัดสินใจ” และ “ลุ้น” มากกว่า

ระบบรางวัล (reward system) ในสมองจะตื่นตัวมาก โดยเฉพาะเมื่อมีโอกาสชนะ ร่างกายจะปล่อยโดปามีน (dopamine) ซึ่งทำให้สมองเชื่อมโยงกับความรู้สึก “อยากได้” และ “หวัง”
สมองส่วนหน้า (prefrontal cortex) ต้องวิเคราะห์ ตัดสินใจว่าจะ “สู้” หรือ “หมอบ” หรือเพิ่มเดิมพัน
งานวิจัยจาก Getting even: chasing behavior, decision‑making, and craving in habitual gamblers ปี 2024 พบว่าความอยาก (craving) เป็นตัวพยากรณ์สำคัญ ของพฤติกรรมไล่ตามเสีย (chasing losses) โดยพบว่า IGT (Iowa Gambling Task) และสไตล์การตัดสินใจ มีความสัมพันธ์กับการไล่ตามเสีย ของผู้เล่นพนัน (19 สิงหาคม 2024) [2]
แปลว่า ผู้เล่นอาจจะไม่ได้ใช้สมองแบบนิ่งๆ เหมือนดีลเลอร์ แต่สมองเขากำลังโดนเร่งด้วยอารมณ์ หวังชนะ กลัวแพ้ และตัดสินใจ ในจังหวะที่แรงกดดันสูง

ดีลเลอร์กับผู้เล่นใครใช้สมองมากกว่ากัน?

ดีลเลอร์: ใช้สมองแบบ “ระบบ” — มีแบบแผน ทำซ้ำได้ รู้จังหวะ มีความคงที่
ผู้เล่น: ใช้สมองแบบ “อารมณ์นำ” — มีการตัดสินใจแบบไม่แน่นอน วางแผนน้อยกว่า ถูกอารมณ์ และแรงกระตุ้นพาไปมากกว่า

แต่ในแง่ความ “หนัก” ของการใช้สมอง ก็อาจพูดได้ว่า ทั้งสองฝ่ายใช้สมองหนักเหมือนกัน เพียงแต่หนักไปคนละแบบ — ดีลเลอร์หนักเรื่องคงที่ และสมาธิ, ผู้เล่นหนักเรื่องแรงกระตุ้น และการตัดสินใจ สรุปได้แบบนี้เลยว่า ดีลเลอร์ = สมองฝั่งเหตุผล / ผู้เล่น = สมองฝั่งอารมณ์

เมื่อสมองทั้งคู่ต้องรับแรงกดดัน

แรงกดดันเป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้สมองทั้งสองฝ่ายต้อง “ปรับตัว” แรงกดดันจึงเป็นเหมือน “ภาระสมอง” ที่ทั้งสองฝ่ายต้องแบกรับ — แต่รูปแบบแตกต่างกัน

สำหรับดีลเลอร์: งานวิจัยจาก The antecedents and outcomes of work stress among casino dealers ปี 2025 พบถึงสาเหตุ และผลลัพธ์ของความเครียด ในการทำงานของดีลเลอร์ จำนวน 590 คน ซึ่งชี้ว่าความเครียดในงานนี้ มีผลต่อสมรรถภาพการทำงาน และอารมณ์ของเขา (17 มกราคม 2025) [3]
สำหรับผู้เล่น: งานวิจัยปี 2018 พบว่า เกมที่มีความเร็วสูง (speed of play) ส่งผลให้ผู้เล่นวางเดิมพันมากขึ้น ใช้เวลามากขึ้น และมีปัญหาในการหยุดเล่น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภายใต้แรงกดดัน (เกมเร็ว) สมองผู้เล่นจะถูกดึงเข้าสู่โหมด “ตัดสินใจรีบ” มากขึ้น

สมาธิและการโฟกัส จุดต่างที่เห็นชัดที่สุด

ดีลเลอร์: ต้องใช้สมาธิแบบคงที่ (sustained attention) — รักษาโฟกัสต่อเนื่องตลอดการแจกไพ่ ตรวจผลการเดิมพัน และคุมจังหวะการทำงาน

ต้องมีความแม่นยำสูง เพราะทุกจังหวะ อาจมีผลต่อเกมทั้งโต๊ะ
สมองต้องตัดเสียงรบกวน คุมอารมณ์ และทำงานแบบไม่สะดุด

ผู้เล่น: ใช้สมาธิแบบเป็นช่วง (selective attention) — จะโฟกัสเฉพาะช่วงที่เดิมพันหรือตัดสินใจ

สมาธิหลุดง่ายกว่า เพราะถูกกระตุ้นด้วยผลลัพธ์ ฮอร์โมน และอารมณ์
หลายคนเริ่มเกมดี แต่พออารมณ์เริ่มวิ่ง สมาธิก็หลุด สมองเริ่มทำงานแบบอัตโนมัติ

สมองเรียนรู้ และปรับตัวอย่างไรหลังเกม

ดีลเลอร์: ใช้ความจำเชิงระบบ (procedural memory) เพื่อเรียนรู้จากสถานการณ์ เช่น แก้ไขข้อผิดพลาดจากรอบก่อนในปีต่อไป
ผู้เล่น: ใช้ความจำเชิงอารมณ์ (emotional memory) มากกว่า — จำว่า “เกมนั้นชนะเพราะดวงดี” หรือ “แพ้เพราะใจร้อนไป” แทนที่จะจำกลยุทธ์จริงๆ

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้เล่นมัก “ติดลูปเดิม” เพราะสมองจดจำความรู้สึกชัยชนะ มากกว่ากลยุทธ์จริง เมื่อเจอสถานการณ์คล้ายกัน จึงใช้อารมณ์นำแทนเหตุผล ทำให้ทำซ้ำพฤติกรรมเดิม แม้เคยพลาด ส่วนดีลเลอร์พัฒนา “สมองระบบ” ที่นิ่งกว่า จากการฝึกซ้ำจนเป็นแบบแผน สมองทำงานตามขั้นตอน ไม่ถูกอารมณ์ครอบงำ จึงควบคุมสมาธิ และความแม่นยำได้ดีกว่า

สมองของดีลเลอร์ vs ผู้เล่น กับบทสรุป

สมองของดีลเลอร์คือ “เครื่องจักรแห่งความนิ่ง” ต้องควบคุม อารมณ์นิ่ง สมาธิคงที่ ส่วนสมองของผู้เล่นคือ “สนามรบของอารมณ์” ต้องลุ้น คาดเดา คุมใจตัวเอง ต่างฝ่ายต่างมีภาระทางสมอง ในแบบของตัวเอง และในท้ายที่สุด ใครจะเหนือกว่า ไม่ได้อยู่ที่โชค แต่อยู่ที่ ใครควบคุมสมองของตัวเองได้ดีกว่า

ทำไมดีลเลอร์ถึงดูนิ่ง ไม่หวั่นไหวเหมือนผู้เล่น?

เพราะดีลเลอร์ต้องใช้สมอง ส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์ และสมาธิอยู่ตลอดเวลา เขาไม่ได้จดจ่อกับ “ผลลัพธ์” แต่จดจ่อกับ “กระบวนการ” สมองจึงอยู่ในโหมดระมัดระวัง และเป็นกลาง เมื่อทำงานซ้ำ ๆ ระบบประสาทจะค่อย ๆ ปรับตัวให้รับแรงกดดันได้ดีขึ้น จนกลายเป็นนิสัยที่นิ่ง โดยไม่ต้องฝืน

ทำไมผู้เล่นถึงมักตัดสินใจผิด เมื่อเล่นต่อเนื่องนานๆ?

เพราะสมองของผู้เล่น ถูกขับเคลื่อนด้วย “อารมณ์” มากกว่า “เหตุผล” ยิ่งเล่นนาน ระบบรางวัลในสมองยิ่งทำงานหนัก เมื่อชนะเล็กน้อย จะรู้สึกอยากเล่นต่อ แต่พอเริ่มเสีย สมองจะเร่งให้ “เอาคืน” จนส่วนอารมณ์เข้าควบคุมแทนเหตุผล ทำให้มองข้ามความเสี่ยง และตัดสินใจพลาดได้ง่าย