ประเด็นที่น่าสนใจ สาร Alkaloid ในพืช

สาร Alkaloid ในพืช

สาร Alkaloid ในพืช เป็นประเด็นที่หลายคน อาจเคยได้ยินผ่านหู จากเรื่องรสขม กลิ่นฉุน หรือคุณสมบัติบางอย่างของสมุนไพรและพืช แต่ความจริงแล้วสารกลุ่มนี้ เป็นเพียงหนึ่งในกลไกธรรมชาติ ที่พืชสร้างขึ้น เราอาจไม่เคยรู้เลยว่า พืชหลายชนิด ที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน ก็มีสารเหล่านี้อยู่เช่นกัน

  • อัลคาลอยด์ คืออะไร?
  • ตัวอย่างสารอัลคาลอยด์ในพืช
  • ประโยชน์ของอัลคาลอยด์

สารอินทรีย์ อัลคาลอยด์ คืออะไร?

อัลคาลอยด์คือสารอินทรีย์ ที่มีไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบ และมักพบในพืชจำนวนมาก โดยเฉพาะพืชดอก สารกลุ่มนี้มีโครงสร้างทางเคมีหลากหลาย แต่มีจุดร่วมคือ สามารถทำหน้าที่เป็นเบสได้ ทำให้มีคุณสมบัติทางชีวภาพเฉพาะตัว เช่นรสขม กลิ่นแรง หรือออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทของมนุษย์ และสัตว์

พืชหลายตระกูลเช่น Papaveraceae, Solanaceae และ Amaryllidaceae ถือเป็นแหล่งสำคัญ ของสารอัลคาลอยด์ที่พบได้ในธรรมชาติ อัลคาลอยด์ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะมีผลต่อร่างกาย ทั้งด้านบวก และด้านลบ บางชนิดถูกใช้เป็นยาเช่น Morphine สำหรับบรรเทาปวด Quinine สำหรับรักษามาลาเรีย

หรือสารในกลุ่ม Vinca alkaloids สำหรับการรักษามะเร็ง ขณะเดียวกันก็มีบางชนิดที่เป็นพิษหรือออกฤทธิ์รุนแรงเช่น Strychnineหรือนิโคติน ลักษณะเฉพาะเหล่านี้ทำให้อัลคาลอยด์เป็นสารธรรมชาติที่มีบทบาทสำคัญทั้งด้านชีวเคมี การแพทย์ และการศึกษาพฤกษศาสตร์ มาจนถึงปัจจุบัน (27 กันยายน 2025) [1]

ประวัติอัลคาลอยด์ การค้นพบครั้งแรก

การทำความรู้จักสารอัลคาลอยด์ เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เมื่อปี 1804 Friedrich Sertürner นักเคมีชาวเยอรมัน สามารถแยกสารออกฤทธิ์ จากฝิ่นได้เป็นครั้งแรก และตั้งชื่อว่า morphium ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญ ที่ทำให้วงการวิทยาศาสตร์ เริ่มมองเห็นว่าพืช สามารถมีสารออกฤทธิ์เฉพาะตัวอยู่ภายใน

ต่อมาในช่วงปี 1818–1820 มีการค้นพบ สารสำคัญอีกหลายชนิดเช่น strychnine, quinine, caffeine และ nicotine ทำให้ความสนใจต่อสารธรรมชาติเหล่านี้ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านเคมี และการแพทย์ จากนั้นในปี 1819 Carl F. W. Meissner ได้บัญญัติคำว่า alkaloid เพื่อใช้เรียกสารฐานที่พบในพืชกลุ่มนี้

ก่อนที่คำนี้จะถูกยอมรับในช่วงทศวรรษ 1880–1890 เมื่อ Oscar Jacobsen นำไปใช้ในงานทบทวนทางเคมี ที่ได้รับการอ้างอิงมาก ทำให้เกิดการจัดหมวดหมู่ และการศึกษาลักษณะ ของอัลคาลอยด์อย่างจริงจัง ในศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นพื้นฐานต่อการทำความเข้าใจ สารอัลคาลอยด์ในพืช ที่เรารู้จักในปัจจุบัน (11 สิงหาคม 2025) [2]

การในการผลิต สกัด ใช้ประโยชน์จากอัลคาลอยด์

การผลิตและสกัดอัลคาลอยด์ เริ่มจากการทำความเข้าใจ ว่าพืชสร้างสารเหล่านี้ ขึ้นมาในปริมาณไม่มาก แต่มีฤทธิ์ทางชีวภาพสูง จึงต้องใช้เทคนิค ที่ช่วยดึงสารออกมา อย่างมีประสิทธิภาพ ขั้นตอนทั่วไป คือบดวัตถุดิบให้ละเอียด แล้วใช้ตัวทำละลายที่เหมาะสม เช่นสารละลายกรดเบส หรือสารละลายอินทรีย์

เพื่อแยกอัลคาลอยด์ ที่อยู่ในรูปเบส หรือเกลือ ออกจากส่วนอื่นของพืช เมื่อได้สารสกัดแล้ว จึงนำไปทำให้บริสุทธิ์เพิ่มเติม ด้วยกระบวนการแยกชั้น หรือตกผลึก ในขั้นตอนสุดท้าย เมื่อสกัดได้แล้ว อัลคาลอยด์ถูกนำไปใช้ประโยชน์ ทั้งในชีวิตประจำวัน และในทางการแพทย์ อัลคาลอยด์บางชนิดอยู่ในอาหาร

อัลคาลอยด์บางชนิดอยู่ในเครื่องดื่มทั่วไป เช่นคาเฟอีนในชาและกาแฟ หรืออัลคาลอยด์ในสมุนไพรบางชนิด ส่วนในวงการเภสัชกรรม มีการใช้เป็นยาแก้ปวด ยารักษามาลาเรีย หรือสำหรับรักษามะเร็ง นอกจากนี้ นักวิจัยยังพัฒนาการดัดแปลงอัลคาลอยด์ตามธรรมชาติ ให้เป็นยาใหม่ เพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางชีวภาพ (13 พฤศจิกายน 2019) [3]

ยกตัวอย่างสารอัลคาลอยด์ในพืช

สาร Alkaloid ในพืช

สาร Alkaloid ในพืชคือสารอินทรีย์ ที่มีไนโตรเจนอยู่ในโครงสร้าง และมักมีรสขม ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท หรือการทำงานของร่างกาย พืชสร้างสารกลุ่มนี้ขึ้น เพื่อป้องกันตัวเองจากแมลง เชื้อโรค หรือสัตว์กินพืช ตัวอย่างพืชที่มีสารอัลคาลอยด์ ได้แก่

  • พืชอะไรที่มี Caffeine สูง เช่นเมล็ดกาแฟ, ใบชา, โคล่า คาเฟอีนเป็นอัลคาลอยด์ ที่ออกฤทธิ์กระตุ้น ช่วยให้ตื่นตัว ลดความง่วง และพบมากในเมล็ด ใบ หรือผลของพืชบางชนิด พืชที่มีคาเฟอีนสูง มักถูกนำไปทำเครื่องดื่มร้อน หรือเย็น เช่นชา กาแฟ หรือโคล่า
  • พืชอะไรที่มี Theobromine สูง เช่นเมล็ดโกโก้, ช็อกโกแลตเข้ม, ใบชา ธีโอโบรมีนเป็นอัลคาลอยด์ ที่มีฤทธิ์กระตุ้นอ่อนกว่า คาเฟอีน ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และเป็นเอกลักษณ์ ของพืชในตระกูลโกโก้ สารนี้ทำให้ช็อกโกแลต มีกลิ่นเฉพาะตัว และออกฤทธิ์ทางอารมณ์เล็กน้อย
  • พืชอะไรที่มี Capsaicin สูง เช่น Carolina Reaper, Habanero, Thai chili แคปไซซินคืออัลคาลอยด์ ให้ความเผ็ดร้อน มีกลไกป้องกันแมลง และสัตว์กินพืช โดยทำให้เกิดความรู้สึกแสบร้อน เมื่อสัมผัส พืชที่มีแคปไซซินสูง คือพริกชนิดเผ็ดจัด ซึ่งใช้ในอาหารทั่วโลก
  • พืชอะไรที่มี Nicotine สูง เช่นยาสูบ, มะเขือเทศ, มันฝรั่ง นิโคตินเป็นอัลคาลอยด์ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท พบมากในยาสูบ แต่จริงๆ แล้วพืชผักทั่วไปบางชนิด ก็มีนิโคตินในปริมาณเล็กน้อย เพราะใช้เป็นสารป้องกันแมลงเช่นกัน
  • พืชอะไรที่มี Berberine สูง เช่น Barberry, Goldenseal, Oregon grape เบอร์แบร์รินเป็นอัลคาลอยด์สีเหลืองเข้ม ที่มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ พบมากในราก เปลือก หรือส่วนของพืชสมุนไพร เป็นสารที่มีการศึกษา ด้านสุขภาพอย่างแพร่หลาย ทั้งเรื่องน้ำตาลในเลือด และการอักเสบ

ประโยชน์ของอัลคาลอยด์มีอะไรบ้าง?

  • ใช้เป็นยารักษาโรคหลายชนิด อัลคาลอยด์จำนวนมากถูกใช้เป็นยา เช่นมอร์ฟีนแก้ปวด ควินีนรักษามาลาเรีย หรือยาในกลุ่ม vincristine/vinblastine ใช้รักษามะเร็ง
  • ช่วยกระตุ้นระบบประสาท และเพิ่มความตื่นตัว คาเฟอีน และธีโอโบรมีน เป็นตัวอย่างที่ช่วยเพิ่มสมาธิ ลดความง่วง ทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉงขึ้น
  • มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ และต้านอักเสบ อัลคาลอยด์บางชนิด เช่นเบอร์แบร์ริน มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ต้านไวรัส และลดการอักเสบ จึงถูกใช้ในสมุนไพร และการแพทย์แผนโบราณ

ข้อเสียของอัลคาลอยด์มีอะไรบ้าง?

  • อาจเป็นพิษ หรือออกฤทธิ์แรงเกินไป บางชนิดเช่น Strychnine หรือสารจากพืชพิษ มีผลต่อระบบประสาท ทำให้ชัก อัมพาต หรือตายได้ถ้าได้รับในปริมาณมาก
  • ทำให้เกิดการเสพติดหรือพึ่งพิง นิโคตินและมอร์ฟีน เป็นตัวอย่างที่อาจทำให้เกิดการพึ่งพิงทางร่างกาย และจิตใจ เมื่อใช้เป็นประจำ หรือในปริมาณสูง
  • อาจระคายเคืองระบบย่อยอาหาร หรือหัวใจเต้นเร็ว คาเฟอีนหรือแคปไซซินมากเกินไป อาจทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับ แสบท้อง หรือกระตุ้นลำไส้มากเกินไป

สาร Alkaloid ในพืช กล่าวโดยสรุป

สารอัลคาลอยด์ในพืช เป็นกลุ่มสารธรรมชาติที่ซับซ้อน และมีบทบาทสำคัญอย่างมาก ต่อทั้งพืชและมนุษย์ ตั้งแต่การเป็นกลไกป้องกันตัวของพืช ไปจนถึงการนำมาใช้ ในชีวิตประจำวัน และการแพทย์สมัยใหม่ แต่ก็มีข้อควรระวัง เนื่องจากบาง ชนิดออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทแรง และอาจเป็นพิษเมื่อได้รับมากเกินไป

ได้รับอัลคาลอยด์เท่าไหร่ถึงอันตราย?

ส่วนใหญ่ความเสี่ยง จะเกิดเมื่อได้รับในระดับเข้มข้นสูง และต่อเนื่อง เช่นคาเฟอีนมากกว่า 400–600 มก./วันอาจทำให้ใจสั่น ธีโอโบรมีนหากได้รับเกิน 1,000–1,500 มก. อาจทำให้หัวใจเต้นเร็ว แคปไซซินถ้าได้รับมากเกินไป อาจทำให้แสบร้อนกระเพาะ นิโคติน 30–60 มก. ทำให้เกิดพิษเฉียบพลัน เกณฑ์อันตรายจะขึ้นอยู่กับชนิด ความเข้มข้น

ใครที่ควรระวังอัลคาลอยด์เป็นพิเศษ?

กลุ่มที่ควรระวังเป็นพิเศษคือ ผู้ที่มีโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีปัญหาตับ ไต หรือผู้ที่ไวต่อสารกระตุ้น เพราะอัลคาลอยด์หลายชนิด ส่งผลต่อหัวใจ ระบบประสาท และการเผาผลาญโดยตรง รวมถึงสตรีตั้งครรภ์ ผู้ให้นมบุตร และเด็ก นอกจากนี้ผู้ที่รับยากลุ่มกระตุ้น ประสาทหลอน ยาความดัน ยาต้านซึมเศร้า หรือยาต้านลิ่มเลือด ก็ควรระวัง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง