
สแกมเมอร์ คืออะไร ? รู้ทันภัยไซเบอร์ยุคดิจิทัล
- OTP
- 19 views

สแกมเมอร์ คืออะไร ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อถึงกันเพียงปลายนิ้ว สแกมเมอร์ก็ปรับตัวได้รวดเร็วยิ่งกว่าข่าวปลอม พวกเขาแฝงตัวในรูปแบบที่คาดไม่ถึง หลอกลวงทั้งเงิน ความเชื่อใจ และข้อมูลส่วนตัว ดังนั้นเราจะบอกคุณให้รู้ทันกลโกง พร้อมวิธีป้องกัน ก่อนตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว
- Scammer คือใคร ประเภทของสแกมเมอร์
- สแกมเมอร์เชิงจิตวิทยา และสแกมเมอร์เชิงเทคนิค
- วิวัฒนาการการหลอกลวงออนไลน์
- วิธีป้องกันและรับมือเมื่อเจอสแกมเมอร์
- วิธีรับมือเมื่อสงสัยว่าโดนหลอก
Scammer คือใคร? แบ่งออกเป็นกี่ประเภท
Scammer คือคนที่ใช้กลโกง หรือแผนการหลอกลวง เพื่อให้ได้ผลประโยชน์จากเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นเงิน ข้อมูล หรือความไว้วางใจ (10 ธันวาคม 2024) [1] พวกเขามักใช้เทคนิคทางจิตวิทยา และเทคโนโลยี เช่น อีเมลปลอม เว็บไซต์หลอก หรือแอปพลิเคชันปลอม เพื่อทำให้เหยื่อเชื่อใจ และยอมให้ข้อมูลสำคัญ2. การหลอกลวงเหล่านี้อาจเกิดขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดีย แอปแชท หรือแม้แต่โทรศัพท์
งานวิจัยหลายฉบับเสนอว่า scammer มักดำเนินการเป็นขั้นตอน ได้แก่ การสร้างความไว้วางใจ การหลอกลวง และการถอนตัวหลังได้รับผลประโยชน์. พฤติกรรมเหล่านี้มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวหาได้ง่ายและการสื่อสารรวดเร็ว. การเข้าใจนิยามนี้จึงเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันภัยไซเบอร์และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผู้ใช้งานทั่วไป
สแกมเมอร์เชิงจิตวิทยา (Emotional & Social Manipulation)
เน้นใช้ความสัมพันธ์ ความกลัว หรือความโลภในการหลอกเหยื่อ
- โรแมนซ์สแกม (Romance Scam): หลอกให้เหยื่อเชื่อว่ากำลังมีความสัมพันธ์รักออนไลน์ แล้วค่อย ๆ ขอเงินหรือข้อมูลส่วนตัว มักใช้โปรไฟล์ปลอมในแอปหาคู่หรือโซเชียลมีเดีย
- แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center Scam): โทรมาแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ธนาคาร หรือบริษัทขนส่ง แล้วข่มขู่ให้โอนเงินหรือให้ข้อมูล มักใช้สคริปต์หลอกล่ออย่างแนบเนียน
- หลอกลงทุน (Investment Scam): ชวนลงทุนในหุ้น คริปโต หรือธุรกิจปลอม โดยอ้างผลตอบแทนสูง มักมีเว็บไซต์ปลอมหรือแชทกลุ่มหลอกให้เชื่อถือ
- หลอกทำงาน/หางาน (Job Scam): ชวนทำงานออนไลน์ หรือสมัครงาน โดยให้โอนเงินก่อน หรือขอข้อมูลส่วนตัว มักอ้างว่าเป็นงานง่าย รายได้ดี ไม่ต้องมีประสบการณ์
- Pig Butchering Scam (ลวงให้รักหลอกให้ลงทุน): ผสมผสานระหว่าง โรแมนซ์สแกมกับหลอกลงทุน โดยใช้ความสัมพันธ์หลอกให้เหยื่อลงทุน พบมากในแอปแชทและโซเชียลมีเดีย
สแกมเมอร์เชิงเทคนิค (Technical & Platform Exploitation)
ใช้เทคโนโลยีหรือช่องทางออนไลน์ในการล่อลวง
- ฟิชชิ่ง (Phishing Scam): ส่งลิงก์ปลอมผ่านอีเมลหรือข้อความ เพื่อหลอกให้กรอกข้อมูลบัญชีหรือรหัสผ่าน มักปลอมเป็นธนาคารหรือแพลตฟอร์มชื่อดัง
- หลอกทำงาน/หางาน (Job Scam): ชวนทำงานออนไลน์หรือสมัครงาน โดยให้โอนเงินก่อน หรือขอข้อมูลส่วนตัว มักอ้างว่าเป็นงานง่าย รายได้ดี ไม่ต้องมีประสบการณ์
- หลอกใช้ข้อมูลส่วนตัว (Identity Theft): ขโมยข้อมูลส่วนตัว เช่น บัตรประชาชน บัญชีธนาคาร เพื่อใช้ในทางผิดกฎหมาย มักเกิดจากการหลอกให้กรอกฟอร์ม หรือคลิกลิงก์ปลอม บัญชีม้า ธนาคารตรวจสอบยังไง เกี่ยวข้องกับธนาคารที่ถูกใช้เป็นช่องทางรับ–โอนเงินจากการหลอกลวง โดยเจ้าของบัญชีอาจรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้
วิวัฒนาการการหลอกลวงออนไลน์
ยุค 2.0 – โทรศัพท์หลอกลวง (ประมาณปี 2010–2018) มิจฉาชีพเริ่มใช้โทรศัพท์เป็นช่องทางหลัก เช่น แก๊งคอลเซนเตอร์ที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือธนาคาร กลโกงเน้นการข่มขู่ให้เหยื่อรีบโอนเงินหรือให้ข้อมูลส่วนตัว ตัวอย่าง ข่าวจาก ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 10 ต.ค.2568 ระบุว่าเกาหลีใต้ร่วมมือกับกัมพูชา เพื่อปราบปรามขบวนการหลอกลวงข้ามชาติ ที่ใช้โทรศัพท์ลวงเหยื่อไปทำงานต่างประเทศ (10 ตุลาคม 2025) [2]
ยุค 4.0 – หลอกลวงแบบคนรู้ใจ (ประมาณปี 2019–2023) สแกมเมอร์เริ่มใช้โซเชียลมีเดีย และแอปแชทเพื่อสร้างความสัมพันธ์ เช่น Romance Scam และ Job Scam กลโกงเน้นการสร้างความไว้วางใจ ก่อนขอเงินหรือข้อมูล ตัวอย่างปี 2025 มีรายงานจาก The Active ว่าคนไทยถูกหลอกซื้อสินค้าผ่านเพจปลอม โดยใช้โปรไฟล์น่าเชื่อถือและปิดเพจหนีหลังได้เงิน (19 มกราคม 2025) [3]
ยุค 5.0 – AI และ Deepfake เป็นเครื่องมือหลอกลวง (ปี 2024–ปัจจุบัน) มิจฉาชีพเริ่มใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI สร้างเสียงปลอมหรือภาพปลอม เพื่อหลอกเหยื่อ กลโกงสามารถเจาะจงเป้าหมายได้แม่นยำ จากข้อมูลออนไลน์ ตัวอย่างจาก PostToday เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2567 รายงานว่ามิจฉาชีพใช้ AI ปลอมเสียงคนรู้จัก เพื่อหลอกให้โอนเงิน โดยมีเหยื่อในไทยตกเป็นเป้าหมายวันละกว่า 200,000 ราย
วิธีป้องกันและรับมือเมื่อเจอสแกมเมอร์
- อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขบัตรประชาชน รหัส OTP หรือข้อมูลบัญชีธนาคารให้กับบุคคลแปลกหน้า แม้จะอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือธนาคารก็ตาม
- ก่อนคลิกลิงก์ใด ๆ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นของจริง ลิงก์ปลอมมักใช้ชื่อคล้ายเว็บจริงเช่น “paypai.com” แทน “paypal.com” และควรใช้เครื่องมืออย่าง VirusTotal หรือดูว่าเป็น HTTPS
- เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีต่าง ๆ เช่น อีเมล โซเชียลมีเดีย และแอปธนาคาร
- ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในโซเชียลมีเดีย โดยปิดข้อมูลสาธารณะเช่น เบอร์โทรศัพท์ วันเกิด หรือที่อยู่
- เลือกรหัสผ่านที่เดายาก ไม่ซ้ำกันในแต่ละบัญชี และควรมีทั้งตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์
วิธีรับมือเมื่อสงสัยว่าโดนหลอก

- หยุดการติดต่อทันที ไม่ตอบกลับ ไม่โอนเงินเพิ่ม และไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวเพิ่มเติม
- รวบรวมและเก็บหลักฐานทุกอย่าง อย่างเช่น ข้อความแชท รูปภาพ ลิงก์ เว็บไซต์ หรือหมายเลขบัญชีที่เกี่ยวข้อง
- แจ้งความหรือรายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น สายด่วน ปอท. โทร 1441
- รายงานภัยไซเบอร์ผ่านเว็บไซต์ thaicert.or.th
- ใช้แอป “คุ้มครองผู้บริโภค” หรือ “Police i lert u” เพื่อแจ้งเหตุ
- ติดต่อธนาคารหรือแพลตฟอร์มทันที เพื่ออายัดบัญชีหรือป้องกันการถอนเงิน
- แชร์ประสบการณ์เพื่อเตือนผู้อื่น โดยโพสต์หรือแจ้งเตือนในกลุ่มออนไลน์ ช่วยลดโอกาสที่คนอื่นจะตกเป็นเหยื่อ
สรุปแล้ว สแกมเมอร์ คืออะไร ทำไมต้องรู้ให้ทัน
ท้ายนี้อยากฝากเอาไว้ สแกมเมอร์ คืออะไร ทำไมต้องรู้เท่าทัน ผู้หลอกลวงที่ใช้กลวิธีต่าง ๆ เพื่อเอาทรัพย์สินหรือข้อมูลจากเหยื่อ โดยอาศัยทั้งเทคนิค และจิตวิทยา พวกเขาอาจแฝงตัวในรูปแบบความรัก การลงทุน หรือการติดต่อจากหน่วยงานปลอม การรู้ทันและตั้งสติ คือเกราะป้องกันสำคัญที่สุด ในยุคที่ภัยออนไลน์ใกล้ตัวกว่าที่คิด
จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังถูกหลอก?
สังเกตสัญญาณเตือนเช่น ขอเงินเร็ว ใช้คำข่มขู่ หรือส่งลิงก์แปลก ๆ โปรไฟล์ดูดีเกินจริง หรืออ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่โดยไม่มีหลักฐาน หากรู้สึกไม่มั่นใจ ให้หยุดตอบ และตรวจสอบก่อนเสมอ
ป้องกันตัวจากสแกมเมอร์ได้อย่างไร?
อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวกับคนแปลกหน้า และตรวจสอบลิงก์ก่อนคลิก เปิดใช้ 2FA และตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในโซเชียลมีเดีย ตั้งสติทุกครั้งก่อนโอนเงิน หรือให้ข้อมูลสำคัญ
- Tags: ความรู้ทั่วไป

แหล่งอ้างอิง


