
อลาสกันมาลามิวท์ vs ฮัสกี เลือกเลี้ยงตัวไหนดี ?
- Pet Noi
- 43 views

อลาสกันมาลามิวท์ vs ฮัสกี เป็นคู่ที่หลายคนมักสับสน เพราะรูปร่างภายนอกคล้ายกันมาก แต่ความจริงแล้ว บุคลิกกับการใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าของ ต่างกันชัดเจนแบบคนละลายเซ็น ก่อนจะเลือกเลี้ยง จึงควรรู้ว่าใครนิ่งกว่า ใครพลังเยอะกว่า และแบบชีวิตของเราควรเข้ากับตัวไหน
- สำรวจความแตกต่าง อลาสกันมาลามิวท์กับฮัสกี
- นิสัยและรูปแบบใช้ชีวิต เมื่ออยู่ร่วมกับเจ้าของ
ความแตกต่างพื้นฐาน ระหว่างสองสายพันธุ์นี้
แม้จะหน้าตาคล้ายกัน แต่จุดกำเนิดไม่เหมือนกัน มาลามิวท์ถูกสร้างมาให้ลากของหนัก แข็งแรง ใจนิ่งกว่า ส่วนฮัสกีถูกพัฒนามาให้ลากเร็ว วิ่งไว เต็มไปด้วยพลังงานแบบ “พร้อมลุยเสมอ” และมีจุดอ่อนต่าง ๆ ที่ต้องศึกษา ดังนั้น ความต่างจริง ๆ อยู่ที่ “จังหวะชีวิต” ที่ต้องใช้ร่วมกับเจ้าของ
ลักษณะภายนอก ที่ทำให้คนสับสน
เวลาเห็นผ่าน ๆ ก็เข้าใจได้ว่า ทำไมหลายคนถึงแยกไม่ออก เพราะทั้งอลาสกันมาลามิวท์กับฮัสกี ต่างก็มีหน้าคล้ายหมาป่า มีขนฟู และหูตั้งเหมือนกันเกือบทุกจุด แต่ถ้าดูดี ๆ มาลามิวท์จะตัวใหญ่กว่าแบบเห็นได้ชัด เนื่องจากได้รับการเพาะพันธุ์มา เพื่อให้มีความแข็งแรง บวกความอดทนต่อสภาพอากาศ ต่อการใช้งาน
เดิมทีประชากรที่เลี้ยงมาลามิวท์ ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2439 จะใช้งานให้ลากของหนัก ๆ หรือการให้เป็นสุนัขลากเลื่อน นอกจากนี้ สีตาเองก็เป็นจุดสับสน มาลามิวท์ส่วนใหญ่ จะเป็นตาสีน้ำตาลลึก คล้ายกับเม็ดอัลมอนด์ ส่วนฮัสกีมีเปอร์เซ็นต์ตาฟ้าสูงกว่า พบได้ราว ๆ 40 – 50% (10 พฤศจิกายน 2025) [1]
จุดต่างด้านขนาด รูปร่าง และโครงสร้างร่างกาย
ถ้าดูภาพรวมทั้งตัว มาลามิวท์จะให้ความรู้สึก “ใหญ่หนักแน่น” ชัดเจนกว่าฮัสกีแบบไม่ต้องเพ่ง น้ำหนักเฉลี่ยของมาลามิวท์เพศผู้ จะอยู่ที่ประมาณ 38 – 55 กิโลกรัม ในขณะที่ฮัสกีเพศผู้ จะอยู่เพียง 20 – 27 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งตัวเลขของสุนัขสองสายพันธุ์นี้ ต่างกันเกือบเท่าตัว
ทำให้จังหวะการเคลื่อนไหวของทั้ง 2 สายพันธุ์ ออกมา “คนละสเต็ป” โครงสร้างอกของมาลามิวท์จะกว้างกว่า กล้ามเนื้อไหล่บวกลำตัวชัดกว่า เพราะถูกพัฒนามาเพื่อลากของหนัก ทำงานแบบใช้แรงระยะยาว ส่วนฮัสกีจะมีช่วงลำตัวยาวเรียวกว่าเล็กน้อย เพื่อให้เคลื่อนที่เร็ว
และใช้พลังงานเป็นจังหวะต่อเนื่อง ถ้าจะสรุปแบบนึกภาพให้ออกง่าย ๆ มาลามิวท์คือพลังม้าเครื่องดีเซล ช้าแต่นิ่งและไม่หมดแรงง่าย ส่วนฮัสกีคือเครื่องเทอร์โบเบา ๆ ที่พร้อมพุ่ง ชอบเคลื่อนไหวอยู่แทบตลอดเวลา เช่นเดียวกันกับ สุนัขเทโลเมียน ที่ชอบการเคลื่อนไหวบวกการเห่า
นิสัยและรูปแบบการใช้ชีวิต เป็นยังไง ?

สำหรับมาลามิวท์ จะมีนิสัยแนบแน่นกับเจ้าของมากกว่า ชอบอยู่ใกล้ ไม่ค่อยหวือหวา และใช้ชีวิตแบบ “ค่อยเป็นค่อยไป” มากกว่า ส่วนฮัสกีจะเป็นสายพลังงานสูง แบบเต็มระบบ ชอบหอนแทนการเห่า อีกทั้งยังสามารถเลียนแบบเสียงต่าง ๆ ได้ อาทิเช่น เสียงไซเรนรถพยาบาล (28 ตุลาคม 2025) [2]
ต้องการกิจกรรมเฉลี่ย 1 – 2 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อปล่อยพลัง ไม่งั้นจะเริ่มแกล้งเล่น หรือซนจนบ้านสะเทือนได้ ในแง่ความเป็นมิตร ทั้งคู่รักคน แต่ฮัสกีจะเข้าหาคนเร็วกว่า ส่วนมาลามิวท์จะค่อย ๆ เปิดใจ ดังนั้น เวลาคิดจะเลี้ยง ให้ถามตัวเองก่อนว่า เราเป็นสายช้าแต่นิ่ง หรือสายลุยพร้อมขยับตลอดเวลา
ระดับพลังงาน ความซน และการต้องการออกกำลังกาย
ฮัสกีเป็นสายพลังงานสูง แบบตัวจริงเสียงจริง ต้องการออกกำลังกายวันละ 1 – 2 ชั่วโมงเป็นขั้นต่ำ ไม่ใช่เพื่อความฟิต แต่เพื่อป้องกันพฤติกรรมซนแบบ “มีเงื่อนไข” อาทิเช่น แงะประตู หรือเคาะของ เป็นต้น ขณะที่มาลามิวท์จะพลังเยอะเหมือนกัน แต่เป็นพลังแบบหนักแน่น ไม่เร่งจังหวะ
ต้องการกิจกรรมกลางแจ้งต่อเนื่อง อาทิเช่น เดินระยะยาว หรือเดินขึ้นเนินมากกว่าวิ่งเร็วสั้น ๆ ข้อมูลจาก American Kennel Club ในปี 2023 ระบุว่า เจ้าของฮัสกีประมาณ 65% รายงานว่า ต้องเพิ่มกิจกรรมให้หมามากกว่าที่คิด ในตอนแรก ๆ ส่วนมาลามิวท์มีเพียง 38% ที่เจอปัญหาคล้ายกัน
ดังนั้น ถ้าชอบอยู่บ้านนิ่ง ๆ หรือออกกำลังกายไม่บ่อย ฮัสกีอาจทำให้ชีวิตตื่นตัวขึ้น เกินที่ตั้งใจได้ ส่วนมาลามิวท์จะเข้าจังหวะ กับคนที่รักกิจกรรมกลางแจ้ง แต่อาจจะต้องระวังเจ้าของที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ในบ้าน อาทิเช่น หนู หรือกระต่าย เพราะมาลามิวท์อาจทำอันตรายใส่ได้ (22 กุมภาพันธ์ 2022) [3]
การเลี้ยงในบ้านหรือคอนโด และข้อควรระวังเรื่องอากาศร้อน
ทั้งอลาสกันมาลามิวท์กับฮัสกี เป็นสุนัขที่ถูกพัฒนามาจากพื้นที่ ที่มีอากาศหนาวจัด การเลี้ยงในบ้าน หรือคอนโดจึงทำได้ แต่ต้องเน้นระบบระบายอากาศ และอุณหภูมิเป็นหลัก โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 30 องศา เกือบทั้งปี ฮัสกีจะปรับตัวกับพื้นที่แคบได้ดีกว่านิดหน่อย
ถ้าปล่อยพลังวันละพอเหมาะ อาทิเช่น พาเดินหรือเล่นอย่างน้อย 1 – 2 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนมาลามิวท์จะรู้สึกอึดอัดง่ายกว่า เพราะขนาดตัวใหญ่กว่า มีชั้นขนหนาแบบ “เก็บความร้อน” เนื่องจากมีขนตัวสองชั้น งานสำรวจของ American Veterinary Journal ในปี 2022 พบว่า 52% ของฮัสกีในเขตร้อน
มีอาการแพ้ร้อนเฉียบพลัน เมื่อออกกำลังกายในช่วงกลางวัน ในขณะที่มาลามิวท์มีอัตราสูงถึง 67% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มาลามิวท์รับอากาศร้อนได้ยากกว่าชัดเจน ดังนั้น ถ้าจะเลี้ยงในคอนโด หรือบ้านในเมือง ควรเน้นเครื่องปรับอากาศ, พื้นเย็น, ช่องลมไหล และออกกำลังกายช่วงเช้าตรู่ หรือเย็นเท่านั้น
สรุป การเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ของแต่ละคน

การเลือกไม่ใช่แค่ชอบหน้าตา หรือความฟูของขน แต่คือการเลือก “จังหวะชีวิต” ที่เข้ากัน มาลามิวท์จะเหมาะกับคนที่ชอบความนิ่ง ใช้ชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนฮัสกีจะเหมาะกับคนที่ชอบความคึกคัก และมีเวลาให้ปล่อยพลังทุกวัน ถ้าทาสหมาชัดเจนว่าเป็นคนแบบไหน คำตอบก็จะชัดเจนเอง
ถ้าชอบหมานิ่ง อ่อนโยน ควรเลือกตัวไหน ?
ถ้าชอบหมาที่อยู่ใกล้แล้วใจนิ่ง สงบ และพร้อมนอนข้างเราแบบไม่เร่งจังหวะ อลาสกันมาลามิวท์จะตอบโจทย์ชัดกว่า เพราะบุคลิกหนักแน่น ละมุน และผูกพันลึกกับเจ้าของมาก ไม่จำเป็นต้องแสดงพลังตลอดเวลา แค่มีพื้นที่ให้เดินเล่นช้า ๆ กับเจ้าของ ก็มีความสุขแล้ว
ถ้าอยากมีเพื่อนออกกำลังกาย ตัวไหนเหมาะกว่า ?
ถ้าเป็นสายลุย ชอบวิ่ง ชอบออกกำลัง และอยากได้เพื่อนที่พร้อมพุ่งออกประตู ฮัสกีจะเหมาะกว่าแบบเห็นภาพ เพราะพลังงานสูง ไม่ค่อยหมดง่าย ต่อให้วิ่งมาแล้วหนึ่งรอบ ก็ยังมีแรงชวนเล่นต่อได้เสมอ เหมาะกับเจ้าของที่ชอบชีวิต มีจังหวะขยับเป็นประจำ
แหล่งอ้างอิง


