รีวิว เที่ยว ไบรตัน (Brighton) เมืองชายทะเลสุดชิลของอังกฤษ เที่ยวง่าย เดินเพลิน ถ่ายรูปสวย

เที่ยว ไบรตัน

เที่ยว ไบรตัน (Brighton) ถ้าพูดถึงเมืองที่ให้อารมณ์ อังกฤษแบบยิ้มได้ คำตอบแรกที่หลายคนคิดถึงคือ ไบรตันเมืองชายทะเลที่อยู่ทางตอนใต้ของ ลอนดอน ใช้เวลาเดินทางเพียงชั่วโมงเดียวแต่ฟีลเปลี่ยนจากเมืองหลวงที่หนาวนิ่ง กลายเป็นบรรยากาศริมทะเลที่อบอุ่น เต็มไปด้วยศิลปะ ดนตรี คาเฟ่ และคนที่ดูมีความสุขมากกว่าปกติ

เมืองนี้เป็นเหมือนรีสอร์ตชายทะเลของคนลอนดอนมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เพราะใช้เวลาเดินทางไม่นาน แถมมีทัศนียภาพของทะเลแบบเปิดโล่งที่สุดในอังกฤษ อินฟลูฯสายท่องเที่ยวจำนวนมากรีวิวตรงกันว่า “Brighton คือเมืองที่ให้พลังบวกแบบไม่ต้องทำอะไรเลย” แค่เดินเล่นริมชายหาดก็รู้สึกเหมือนชีวิตช้าลงจริงๆ

ไบรตันจึงกลายเป็นเมืองที่ทั้งคนอังกฤษและนักท่องเที่ยวต่างชาติชอบมาเยือน เพราะมันผสมความ เก่าแบบผู้ดีอังกฤษ เข้ากับ ความสนุกแบบศิลปะร่วมสมัย ได้อย่างลงตัว เมืองนี้เหมือนมีสองวิญญาณในร่างเดียว ครึ่งหนึ่งคือรีสอร์ตยุควิกตอเรีย อีกครึ่งหนึ่งคือสตรีทอาร์ตและคาเฟ่ฮิปเตอร์ (10 พฤศจิกายน 2025) [1]

  • เที่ยว ไบรตัน เมืองตากอากาศ ที่ผสมความคลาสสิกกับความครีเอทีฟอย่างลงตัว
  • เดินเที่ยวไบรตันหนึ่งวัน ชายหาดสู่ย่านคาเฟ่สุดฮิป
  • จุดถ่ายรูปและมุมที่รีวิวตรงกัน

ไบรตัน เมืองตากอากาศ ที่ผสมความคลาสสิก กับความครีเอทีฟอย่างลงตัว

เสน่ห์ของไบรตัน อยู่ที่การเป็นเมืองที่มีทั้งความสงบและชีวิตชีวาในเวลาเดียวกัน เมืองนี้เกิดขึ้นจากการเป็น เมืองพักฟื้นของชนชั้นสูง ในยุคศตวรรษที่ 18 ก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นศูนย์กลางศิลปะและวัฒนธรรมริมทะเล ทุกวันนี้ยังคงเห็นร่องรอยของสถาปัตยกรรมเก่าแบบวิกตอเรียอยู่ทั่วเมือง โดยเฉพาะอาคารหินสีขาวเรียงยาวตามแนวชายฝั่ง

การเดินทางในไบรตันง่ายมาก ทุกจุดอยู่ในระยะเดินเท้า ไม่ว่าจะเป็น สวนสนุกริมทะเล, หาดที่มีกรวดหินแทนทราย, หรือ The Lanes ย่านช็อปปิ้งแนววินเทจที่เต็มไปด้วยร้านของมือสองและเครื่องประดับแฮนด์เมด นักรีวิวใน TikTok บอกว่า ถ้าคุณชอบความฮิปของ Shoreditch ในลอนดอน ผสมกับกลิ่นอายทะเล นี่แหละเมืองของคุณ

แม้จะเป็นเมืองเล็ก แต่ศิลปะในไบรตันใหญ่มาก ทั้งกราฟฟิตี้บนกำแพง ร้านแกลเลอรีเล็กๆ และเทศกาลดนตรีที่จัดแทบทุกเดือน เมืองนี้ไม่พยายามขายความหรู แต่ขาย ความจริงใจและคาแรกเตอร์ ที่คนรุ่นใหม่หลงรักจนเรียกกันว่า เมืองแห่งอิสระของอังกฤษ

ย้อนประวัติ และเสน่ห์ของเมืองชายทะเล ที่ไม่เหมือนใคร

ต้นกำเนิดของไบรตันเริ่มจากหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ก่อนจะถูกค้นพบโดยชนชั้นสูงในยุคจอร์เจียนว่า เหมาะกับการพักรักษาสุขภาพ เพราะมีอากาศบริสุทธิ์และคลื่นทะเลที่เชื่อว่าช่วยเยียวยาร่างกาย จากนั้นเมืองก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพระเจ้าจอร์จที่ 4 โปรดปรานที่นี่และสร้าง Royal Pavilion ขึ้นเป็นพระราชวังตากอากาศส่วนตัว

อินฟลูฯหลายคนบน YouTube บอกว่าการมาไบรตันให้ฟีลเหมือนหลุดเข้าไปในหนังอังกฤษยุคเก่า ทุกอย่างดูเก็บรักษาไว้ดีแต่ไม่รู้สึกโบราณเกินไป เมืองนี้มีการผสมระหว่างความขลังของอดีตกับชีวิตสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว จึงไม่แปลกที่ใครๆ จะพูดว่า “ไบรตันคือเมืองที่อังกฤษยิ้มได้จริงๆ”

แลนด์มาร์กหลัก: Brighton Pier, Royal Pavilion, The Lanes

  1. Brighton Pier (ท่าเรือไบรตัน) – ท่าเรือยาวที่กลายเป็นสวนสนุก มีเครื่องเล่น ร้านขายโดนัท และมุมถ่ายรูปกับวิวทะเลที่ใครมาก็ต้องแวะ
  2. Royal Pavilion – พระราชวังที่ออกแบบสุดแปลกตาในสไตล์อินโด-ซิโน ยิ่งถ่ายตอนบ่ายยิ่งได้แสงสวย
  3. The Lanes (เดอะเลนส์) – ย่านช็อปปิ้งเก่าที่เต็มไปด้วยร้านเสื้อผ้าแฮนด์เมดและเครื่องประดับวินเทจ
  4. Brighton Beach – หาดกรวดชื่อดังของอังกฤษ เหมาะสำหรับปิคนิคหรือนั่งดูพระอาทิตย์ตก

เดินเที่ยวไบรตัน 1 วัน จากชายหาดสู่ย่านคาเฟ่สุดฮิป

เที่ยว ไบรตัน

การ เที่ยว ไบรตัน ใน 1 วัน สามารถทำได้จริงและสนุกมาก เพราะทุกจุดอยู่ใกล้กันหมด เริ่มต้นเช้าที่สถานีรถไฟ Brighton แล้วเดินตรงไปไม่ถึง 10 นาทีจะถึงชายทะเล ระหว่างทางจะเห็นอาคารสีขาวเรียงรายและกราฟฟิตี้สดใสตัดกันอย่างลงตัว จุดแรกที่ควรไปคือ ท่าเรือไบรตันที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทั้งเสียงเครื่องเล่น เสียงหัวเราะ

จากนั้นเดินขึ้นมาทางในเมืองแวะถ่ายรูปที่พระราชวังหลวง ซึ่งเป็นพระราชวังสไตล์อินเดียสุดแปลกตา ใกล้กันคือย่าน เดอะเลนส์ ที่มีร้านคาเฟ่และของฝากเก๋ๆ มากมาย เช่น Café Coho หรือ Pelicano Coffee Roasters คาเฟ่ที่ขึ้นชื่อในรีวิวของอินฟลูฯสายกาแฟ (16 พฤษภาคม 2025) [2]

ช่วงบ่ายสามารถเดินต่อไปยัง Brighton Beach เพื่อพักเท้าและชมวิวทะเล ถ้าโชคดีจะได้เห็นนักดนตรีข้างถนนเล่นเพลงสดต้อนรับพระอาทิตย์ตก อินฟลูฯหลายคนรีวิวตรงกันว่า “แสงเย็นของไบรตันคือช่วงเวลาที่ทุกอย่างกลายเป็นทอง” ถ่ายภาพไหนก็ดูมีชีวิต

รีวิวจากอินฟลูฯที่ไปจริง ฟีลเหมือนอยู่ยุโรปใต้แต่ไม่ต้องบินไกล

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ไบรตันเป็นเมืองฮิตในหมู่ครีเอเตอร์ คือแสงธรรมชาติและบรรยากาศที่ให้โทนสีพาสเทลแบบยุโรปใต้ โดยไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์

อินฟลูฯไทย รีวิวไว้ว่า “Brighton คือเมืองที่ทำให้คนยิ้มง่ายกว่าปกติ” ส่วนช่องท่องเที่ยวต่างประเทศ เรียกเมืองนี้ว่า “the happiest spot in England” เพราะไม่ว่าจะมาฤดูไหน เมืองนี้ก็มีชีวิตชีวาเสมอ

จุดถ่ายรูป + มุมที่รีวิวตรงกันว่า แสงเย็นของไบรตันคือที่สุด

จุดถ่ายรูปหลักของไบรตันคือแนวชายฝั่งทั้งหมด โดยเฉพาะบริเวณ ท่าเรือไบรตัน และซากของ ท่าเรือไบรตันตะวันตก ที่เหลือเพียงโครงเหล็กกลางทะเล อินฟลูฯหลายคนแนะนำให้มาถ่ายช่วงเย็น 5 โมงถึง 1 ทุ่ม เพราะแสงจะอาบทะเลเป็นสีทองและสะท้อนกับเครื่องเล่นบน Pier ได้พอดี (23 ตุลาคม 2025) [3]

อีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือ สวนของพระราชวังหลวง ซึ่งให้แสงรำไรผ่านต้นไม้ สวยแบบไม่ต้องใช้แฟลช และ Hove Beach Huts บ้านไม้สีพาสเทลเรียงริมทะเล จุดนี้เป็นที่โปรดของช่างภาพเพราะให้ฟีลเหมือนเมืองชายฝั่งฝรั่งเศส

ใครชอบภาพมุมสูง สามารถขึ้น British Airways i360 หอชมวิวทรงแท่งแก้วที่สูงกว่า 160 เมตร มองเห็นทั้งเมืองและทะเลแบบ 360 องศา สายถ่ายภาพพูดเหมือนกันว่า แค่มีมือถือก็ได้รูปลงคอนเทนต์ทั้งเดือน

สรุป เที่ยว ไบรตัน เมืองชายทะเลที่ไม่ใช่แค่พักใจ แต่ให้แรงบันดาลใจใหม่

ไบรตันคือเมืองที่ทำให้รู้ว่าความสุขบางครั้งไม่ต้องเดินทางไกล เมืองนี้ไม่พยายามให้คนรัก แต่มันมีพลังบางอย่างที่ทำให้ทุกคนอยากกลับมาอีก ไม่ว่าจะเป็นคนอังกฤษที่มาพักสั้น ๆ หรือชาวต่างชาติที่มาหลบฝนจากลอนดอน ที่นี่คือ พื้นที่พักใจของเกาะอังกฤษ อย่างแท้จริง

เมืองนี้เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศคาเฟ่ ศิลปะ และทะเลพร้อมกัน เหมาะทั้งกับคู่รักที่อยากเดินเล่นริมทะเลและสายโซโล่ที่อยากอยู่กับตัวเอง อินฟลูฯหลายคนพูดเหมือนกันว่า Brighton ไม่ใช่เมืองหนีจากชีวิต แต่เป็นเมืองที่ทำให้คุณอยากกลับไปใช้ชีวิต

เหมาะกับใคร และเที่ยวช่วงไหนดีที่สุด

  • คนที่อยากสัมผัสความสดใสของอังกฤษ แบบไม่ไกลจากลอนดอน
  • คู่รักที่อยากถ่ายรูปริมทะเล ตอนพระอาทิตย์ตก
  • คนทำคอนเทนต์ที่อยากได้โทนสีพาสเทลแบบธรรมชาติ
  • ช่วงที่เหมาะที่สุดคือเดือน พฤษภาคม–กันยายน เพราะอากาศดี แสงสวย และกิจกรรมกลางแจ้งเยอะที่สุด

งบเที่ยว + การเดินทางจากลอนดอน

  • รถไฟ London – Brighton (ไป–กลับ) 1,000–1,500 บาท
  • อาหาร + คาเฟ่ 1,200–1,800 บาท
  • ที่พัก (1 คืน) 2,500–3,500 บาท

รวมทั้งหมด ประมาณ 5,000–6,800 บาทต่อคน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง