เที่ยว Leicester ประวัติศาสตร์เก่าแก่ ศูนย์วัฒนธรรม และเมืองหลวง East Midlands

เที่ยว Leicester

เที่ยว Leicester (เลสเตอร์) คือการมาสัมผัสเมืองที่มีทั้งรากประวัติศาสตร์ระดับพันปีและชีวิตเมืองสมัยใหม่ที่คึกคักไปพร้อมกัน เลสเตอร์อาจไม่ใช่ชื่อแรกๆ ที่คนคิดถึงเวลาแพลนเที่ยวอังกฤษ แต่ถ้าชอบเมืองที่มีเรื่องเล่าแน่นๆ ทั้งโรมัน ยุคกลาง จนถึงกษัตริย์ Richard III (พระเจ้าริชาร์ดที่ 3) เมืองนี้คือขุมสมบัติของสายประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง

สิ่งที่ทำให้เลสเตอร์น่าสนใจคือความบาลานซ์ระหว่างของเก่ากับของใหม่ ภายในระยะเดินไม่กี่นาทีจากใจกลางเมือง คุณจะเจอทั้ง Leicester Cathedral ที่เป็นที่พักของพระศพพระเจ้าริชาร์ดที่สาม พิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ที่เล่าเรื่องการค้นพบกระดูกกษัตริย์ในลานจอดรถ

เพราะเป็นเมืองหลวงของภูมิภาค East Midlands (มิดแลนด์ตะวันออก) การเดินทางมาเลสเตอร์ก็ง่ายทั้งจาก ลอนดอน, เบอร์มิงแฮม หรือเมืองใหญ่รอบๆ มีรถไฟตรงจากหลายสถานี ใช้เวลาไม่นาน และค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้แรงเท่าเมืองท่องเที่ยวเมนสตรีม การแวะเลสเตอร์สักหนึ่งวัน เป็นตัวเลือกที่ทั้งคุ้ม ทั้งได้เปิดโลกเพิ่มจากเส้นทางเดิมๆ

  • ทำไมเลสเตอร์ถึงเป็นเมืองที่ควรแวะของมิดแลนด์ตะวันออก
  • เมืองใหญ่ที่เดินง่ายมีความคึกคัก
  • มหาวิหารใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมายหลายชั้น

ทำไม เที่ยว Leicester ถึงเป็นเมืองที่ควรแวะในทริป East Midlands

เลสเตอร์เป็นเมืองที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์อังกฤษได้แบบครบชั้น ตั้งแต่ยุคโรมันที่ใช้ชื่อว่า Ratae Corieltauvorum ยุคกลางที่เมืองเติบโตเป็นจุดยุทธศาสตร์ จนถึงยุคสมัยใหม่ที่กลายเป็นหัวใจของมิดแลนด์ตะวันออกในวันนี้ ร่องรอยแต่ละยุคฝากไว้ทั้งในแผนผังเมือง อาคารเก่า ซากโบราณสถาน (พฤษภาคม 2025) [1]

อีกเหตุผลที่ทำให้เลสเตอร์น่าแวะคือความครบในเมืองเดียว คุณสามารถจัดทริปแบบเดินเท้าจากสถานีรถไฟไปยังโซนเมืองเก่า มหาวิหารเลสเตอร์ และ King Richard III Visitor Centre ได้ในระยะไม่กี่ร้อยเมตร แล้วต่อด้วยการเดินเล่นในย่านช้อปปิง ตลาด และริมแม่น้ำ Soar ได้ในวันเดียวกัน

สุดท้ายเลสเตอร์ยังเป็นเมืองที่ให้ภาพอังกฤษในมุมที่ต่างจากลอนดอนหรือเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตอื่นๆ เพราะเป็นเมืองที่คนทำงานจริง เรียนจริง ใช้ชีวิตจริง แต่ในเวลาเดียวกันก็ให้คุณได้สัมผัสประวัติศาสตร์แบบแน่นๆ ผ่านแลนด์มาร์กสำคัญอย่างมหาวิหารกลางเมืองและศูนย์เรียนรู้ริชาร์ดที่สาม จึงเหมาะทั้งกับคนที่มาเที่ยวครั้งแรก

เมืองที่มีรากประวัติศาสตร์ลึก ตั้งแต่โรมันถึงยุคกษัตริย์ริชาร์ดที่-3

เลสเตอร์ มีรากเหง้ากลับไปไกลถึงยุคโรมัน เมื่อครั้งถูกเรียกว่า Ratae Corieltauvorum เมืองในฐานะศูนย์กลางทหารและการปกครองในยุคนั้นยังทิ้งหลักฐานไว้ในรูปซากอาบน้ำโรมันและโครงสร้างโบราณที่นักโบราณคดีขุดค้นเจอในตัวเมือง ทำให้คนที่สนใจประวัติศาสตร์ยุคโรมันสามารถตามรอยได้ผ่านทัวร์ เดินสำรวจ หรือพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น

กระโดดมาที่ปลายยุคกลาง เรื่องเล่าเกี่ยวกับกษัตริย์ริชาร์ดที่ 3 คือจุดที่ทำให้เลสเตอร์กลับมาเป็นที่สนใจระดับโลกอีกครั้ง การค้นพบโครงกระดูกในปี 2012 ภายในพื้นที่ลานจอดรถของสภาเมือง กลายเป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก และเมื่อการพิสูจน์ดีเอ็นเอยืนยันว่าเป็นพระศพของริชาร์ดที่สามจริง เมืองนี้ก็กลายเป็นฉากสุดท้ายของ ราชาที่โลกไม่เคยลืม

ปัจจุบันเรื่องเล่านี้ถูกจัดวางอย่างมีชั้นเชิงในพิพิธภัณฑ์ ที่อยู่ติดกับมหาวิหารเลสเตอร์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินตามเส้นทางจากชีวิตของกษัตริย์ สงคราม Wars of the Roses การตายที่ Bosworth Field การฝังศพใน Greyfriars Friary และปริศนาที่ยืดเยื้อมากว่า 500 ปี ก่อนถูกคลี่คลายในศตวรรษที่ 21 (20 พฤศจิกายน 2025) [2]

เมืองใหญ่ที่เดินง่าย มีความคึกคักแบบ multicultural

แม้เลสเตอร์จะเป็นเมืองใหญ่ในเชิงประชากร แต่โซนใจกลางเมืองกลับเดินง่ายและกระชับกว่าที่คิด จากสถานีรถไฟสามารถเดินเข้าสู่ย่าน City Centre, Leicester Cathedral, ตลาดกลางเมือง และริมน้ำได้ทั้งหมดแบบไม่รู้สึกว่าต้องย้ายโหมดการเดินทางบ่อย แผนที่เมืองถูกจัดวางให้ถนนสายหลักและพื้นที่คนเดินตัดกันอย่างเข้าใจง่าย

อีกเอกลักษณ์สำคัญของเลสเตอร์คือความเป็น multicultural แบบชัดเจน เมืองนี้มีชุมชนเชื้อสายเอเชีย แอฟริกา และยุโรปผสมกันอย่างกลมกลืน ทำให้ชีวิตบนถนนมีความหลากหลายมาก ทั้งร้านอาหารอินเดีย ปากีสถาน ตะวันออกกลาง ผสมกับผับอังกฤษ คาเฟ่ และร้านขนมปังแบบโฮมเมด

สำหรับนักเดินทางที่เกรงใจว่าเมืองใหญ่จะรู้สึกห่างเหิน บรรยากาศในเลสเตอร์กลับตรงข้าม เพราะแม้เมืองจะยุ่งในบางช่วงเวลา แต่โทนในหลายย่านยังคงความเป็นกันเอง ร้านค้าท้องถิ่น ตลาด และคาเฟ่เล็กๆ ยังมีคนเจ้าถิ่นดูแลอยู่จริงๆ ใครชอบเมืองที่มีทั้งความคึกคักและมุมพักสายตา เลสเตอร์คือเมืองที่ตอบโจทย์ได้ครบ

มหาวิหารเลสเตอร์ และ พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ใจกลางเรื่องราวประวัติศาสตร์อังกฤษ

มหาวิหารเป็นหัวใจทางจิตวิญญาณและประวัติศาสตร์ของเมือง ตั้งอยู่กลางย่านเมืองเก่าที่ล้อมรอบด้วยอาคารหินและตึกเตี้ยสไตล์วิคตอเรียน ภายนอกอาจไม่ได้ใหญ่เท่ามหาวิหารระดับประเทศอย่าง York Minster หรือ Lincoln Cathedral แต่ความสำคัญของที่นี่กลับสูงมาก (ธันวาคม 2025) [3]

พื้นที่รอบมหาวิหารถูกจัดให้เป็นลานและสวนที่คนในเมืองใช้พักผ่อน เดินผ่าน หรือจัดกิจกรรมชุมชน มีรูปปั้น Richard III ตั้งอยู่ใกล้ๆ ทำหน้าที่เหมือนตัวแทนเตือนใจว่าครั้งหนึ่งคนที่เคยถูกจารึกอย่างขัดแย้งในประวัติศาสตร์ กลับมามีสุสานที่สมศักดิ์ศรีแล้วที่นี่ บรรยากาศจึงผสมทั้งความขลัง ความสงบ

สำหรับนักเดินทาง การแวะวิหารเลสเตอร์ไม่ใช่แค่การชมสถาปัตยกรรม แต่เป็นโอกาสในการสัมผัสช่วงเวลาหนึ่งของอังกฤษที่ถูกรีเซ็ตเรื่องเล่าผ่านการค้นพบและการฝังพระศพใหม่ในปี 2015 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ระดับโลกที่ถ่ายทอดสดไปยังผู้ชมจำนวนมาก และยังคงถูกเล่าต่อในนิทรรศการ งานเขียน และสารคดีจนถึงทุกวันนี้

มหาวิหารกลางเมือง ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์หลายชั้น

ภายในมหาวิหารมีองค์ประกอบสถาปัตยกรรมหลายยุคผสมกัน ทั้งส่วนที่พัฒนามาจากโบสถ์ยุคกลาง หอคอยสูงที่กลายเป็นจุดเด่นของสกายไลน์เมือง และพื้นที่ภายในที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อรองรับผู้มาเยือนจำนวนมากหลังการค้นพบกษัตริย์ริชาร์ดที่-3 ทำให้มหาวิหารแห่งนี้เป็นตัวอย่างของอาคารศาสนาที่ปรับตัวตามยุคสมัย

จุดที่หลายคนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษคือหลุมฝังพระศพกษัตริย์ริชาร์ดที่-3 ที่ถูกออกแบบเป็นหลุมศพหินอย่างงดงาม อยู่ในตำแหน่งที่ให้เกียรติและเปิดให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมได้ ตรงนี้ช่วยเชื่อมโยงพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์เข้ากับความอยากรู้อยากเห็นทางประวัติศาสตร์ของผู้มาเยือนอย่างแนบเนียน

เดินรอบๆ ภายในมหาวิหารยังจะเจอจุดเล็กๆ อย่างแผ่นจารึก รูปปั้น กระจกสี และส่วนจัดแสดงที่เล่าถึงประวัติของโบสถ์และเมืองเลสเตอร์ในมุมต่างๆ ใครชอบสังเกตรายละเอียดแบบเงียบๆ จะใช้เวลาอยู่ในโบสถ์ได้นานกว่าที่คิด

เที่ยว Leicester

ศูนย์เรียนรู้ King Richard III Visitor Centre ที่เล่าเรื่องได้ทรงพลังมาก

พิพิธภัณฑ์พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ตั้งอยู่ในอาคารโรงเรียนเก่า ติดกับพื้นที่ที่เคยเป็นลานจอดรถของสภาเมือง จุดที่ค้นพบพระศพจริงๆ พิพิธภัณฑ์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อลำดับเรื่องราวของกษัตริย์ริชาร์ดที่สาม ตั้งแต่เส้นทางขึ้นครองราชย์ ช่วงสงคราม Wars of the Roses ไปจนถึงการตายและการหายสาบสูญของร่างกายใน Greyfriars Friary

นิทรรศการใช้ทั้งสื่อมัลติมีเดีย จำลองฉาก แผงข้อมูล และวัตถุจัดแสดง เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจบริบททางการเมืองและสงครามในยุคนั้น แบบไม่รู้สึกว่ากำลังอ่านตำราเรียน ประเด็นสำคัญคือส่วนที่เล่าเรื่องการขุดค้นและกระบวนการพิสูจน์ดีเอ็นเอ ซึ่งการค้นพบครั้งนี้เกิดจากการร่วมมือของนักประวัติศาสตร์ โบราณคดี และวิทยาศาสตร์

ท้ายสุด ผู้เข้าชมจะได้ลงไปดูพื้นที่ขุดค้นจริง ที่ตอนนี้ถูกครอบด้วยโครงสร้างโปร่งให้มองเห็นตำแหน่งหลุมศพเดิมของ Richard III จุดนี้ทำให้เรื่องเล่าที่ดูเหมือนไกลตัว กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้และอยู่ตรงหน้า เป็นประสบการณ์ที่คนรักประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาดเมื่อมา เที่ยว Leicester

Leicester Old Town & Riverside คาเฟ่ ศิลปะ ตลาดเก่า และย่านเดินเล่นสุดเพลิน

นอกเหนือจากโบสถ์และศูนย์เรียนรู้ เรื่องสนุกของการเที่ยวเลสเตอร์ คือการเดินเล่นในย่านเมืองเก่าและริมน้ำ Old Town มีตรอกเล็กๆ อาคารสไตล์เก่า ผสมกับร้านอาหารและบาร์สมัยใหม่ ทำให้บรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในเมืองที่มีทั้งอดีตและปัจจุบันซ้อนทับกันอยู่

บริเวณตลาดกลางเมืองและย่านร้านค้าใกล้ๆ มักคึกคักในช่วงกลางวัน มีทั้งร้านผลไม้สด ของกินเล่น ร้านเสื้อผ้า และร้านของใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นพื้นที่ที่ทำให้เห็นว่าคนในเมืองใช้ชีวิตกันอย่างไร ไม่ได้จัดฉากเพื่อท่องเที่ยวมากเกินไป ใครที่ชอบดูผู้คนและใช้เวลาในเมืองจริงๆ จะเพลินกับโซนนี้มาก

ถ้าอยากพักจากตัวเมืองแป๊บเดียว ก็สามารถเดินลงไปโซนแม่น้ำ Soar ได้ ระยะทางไม่ไกล และให้บรรยากาศผ่อนคลายมาก เหมาะกับการเดินเล่นหลังจากใช้เวลาในโบสถ์หรือพิพิธภัณฑ์มาเยอะๆ ทั้งวัน ถนนบางเส้นให้ฟีลชุมชนเก่า บางเส้นเป็นย่านช้อปปิงเต็มตัว เหมาะสำหรับคนที่ชอบเดินสำรวจมากกว่าตามเช็กลิสต์แลนด์มาร์ก

คาเฟ่และย่านสร้างสรรค์ รอบตลาดเก่า

รอบๆ ตลาดเก่าและถนนสายหลักของเลสเตอร์ มีคาเฟ่และร้านเบเกอรี่มากมาย ทั้งแบบเชนและแบบอิสระ แต่ถ้าอยากได้คาแรกเตอร์ของเมือง แนะนำมองหาคาเฟ่ท้องถิ่นที่ใช้ตึกเก่าปรับปรุงใหม่ ภายในตกแต่งแบบวินเทจผสมมินิมอล เป็นพื้นที่ที่ทั้งคนท้องถิ่นและนักศึกษาใช้ทำงาน อ่านหนังสือ หรือคุยกันอย่างสบายๆ

หลายร้านเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนสร้างสรรค์ในเมือง มีการจัดแสดงงานศิลปะเล็กๆ ของศิลปินท้องถิ่น หรือขายโปสการ์ด งานเพนต์ ภาพถ่ายเกี่ยวกับเลสเตอร์และมิดแลนด์ตะวันออก ใครชอบของกระจุกกระจิกแนวครีเอทีฟจะมีอะไรให้สอยกลับไปเป็นที่ระลึกแน่นอน

ย่านนี้ยังเหมาะกับการใช้เป็นจุดพักระหว่างการเที่ยวแลนด์มาร์ก เพราะอยู่ไม่ไกลจากวิหารเลสเตอร์และพิพิธภัณฑ์พระเจ้าริชาร์ดที่-3 เดินไม่กี่นาทีก็ถึง ทำให้แพลนหนึ่งวันในเมืองนี้ไหลลื่นแบบไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง

ย่านริมแม่น้ำ Soar เดินเล่น นั่งชิล ดูชีวิตเมือง

แม่น้ำ Soar เป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ที่ช่วยเพิ่มความชิลให้เลสเตอร์ เส้นทางเดินเลียบแม่น้ำมีทั้งช่วงที่ผ่านย่านเมืองและช่วงที่ให้วิวพื้นที่สีเขียว ทำให้คนที่เบื่อการเดินในเมืองสามารถเปลี่ยนบรรยากาศมาสูดอากาศริมแม่น้ำได้ง่ายๆ

ตามทางเดินจะเห็นทั้งนักปั่นจักรยาน คนจูงหมา และคนที่มานั่งเล่น อ่านหนังสือ หรือคุยกันแบบไม่รีบร้อน บางช่วงมีเรือคลองจอดอยู่ริมตลิ่ง เพิ่มฟีลชนบทอังกฤษเข้าไปอีกนิดในเมืองใหญ่ ใครชอบถ่ายรูปหรือชอบนั่งมองน้ำเงียบๆ จะหลงรักย่านนี้ได้ไม่ยาก

ถ้าแพลนดีๆ สามารถจัดเส้นทางจากใจกลางเมืองลงสู่ริมน้ำ แล้ววนกลับขึ้นมาย่านร้านอาหารและบาร์ เพื่อปิดท้ายวันด้วยมื้อเย็นแบบสบายๆ ได้อย่างลงตัว เป็นการจบวันเที่ยวเลสเตอร์แบบทั้งได้ใช้ขาเดิน ทั้งได้ใช้หัวใจรับบรรยากาศเมืองจริงๆ

สรุป เที่ยว Leicester เมืองประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต และศูนย์วัฒนธรรมที่เดินง่ายกว่าที่คิด

ภาพรวมของเลสเตอร์ คือเมืองที่มีชั้นของประวัติศาสตร์หนาแน่น แต่เล่าเรื่องออกมาได้เข้าถึงง่าย ไม่ว่าคุณจะเป็นสายประวัติศาสตร์จริงจัง หรือเป็นแค่นักเดินทางที่อยากรู้จักอังกฤษให้มากขึ้น เมืองนี้พร้อมเสนอทั้งแลนด์มาร์กสำคัญ คอนเทนต์ดีๆ ในพิพิธภัณฑ์ และบรรยากาศชีวิตจริงของคนเมืองในทุกวัน

ในขณะเดียวกัน เมืองเลสเตอร์ก็ทำให้เห็นด้านที่ร่วมสมัยของอังกฤษผ่านความหลากหลายทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม และอาหาร การเดินเล่นในย่านเมืองเก่ากับตลาด คาเฟ่ และริมน้ำ ทำให้เข้าใจว่าทำไมเมืองนี้จึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง multicultural ของประเทศ เป็นเมืองที่ไม่ได้สวยแบบจัดจ้าน แต่มีเสน่ห์แบบจริงใจและชัดเจนในตัวเอง

หากกำลังแพลนทริปมิดแลนด์ตะวันออก แล้วต้องการเมืองที่ผสมทั้งเรื่องเล่าเก่าแก่และพลังชีวิตสมัยใหม่ เลสเตอร์คือตัวเลือกที่ควรใส่ลงไปในแผนอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะมาแบบเดย์ทริปหรือค้างหนึ่งคืน เมืองนี้มีพอให้คุณกลับไปพร้อมทั้งภาพถ่ายดีๆ และเรื่องเล่าที่อยากเล่าต่อให้คนอื่นฟัง

เมืองที่มาแล้วจะรู้สึกผูกพันแบบเงียบๆ เพราะความจริงใจของเมือง

เลสเตอร์เป็นเมืองประเภทที่อาจไม่ทำให้คุณตกตะลึงตั้งแต่แรกเห็น แต่จะค่อยๆ สะสมความรู้สึกดีผ่านรายละเอียดเล็กๆ ทั้งจากผู้คน เรื่องเล่าประวัติศาสตร์ที่ถูกเล่าดีๆ และบรรยากาศเมืองที่ไม่ได้เสแสร้งเพื่อท่องเที่ยวเกินไป จนหลายคนรู้สึกผูกพันกับเมืองนี้แบบเงียบๆ พอกลับไปแล้วถึงนึกได้ว่า เลสเตอร์คือหนึ่งในเมืองที่อยากกลับมาอีกครั้ง

ค่าใช้จ่ายและค่าเดินทาง (เป็นบาท)

สำหรับงบประมาณคร่าวๆ แบบเดย์ทริปจากลอนดอนหรือเมืองใหญ่ใกล้เคียง สามารถคิดประมาณได้ดังนี้

  • รถไฟไปกลับ ลอนดอน–Leicester: ประมาณ 800–1,600 บาทต่อคน (ขึ้นกับเวลาและการจองล่วงหน้า)
  • ค่าเข้าชม พิพิธภัณฑ์พระเจ้าริชาร์ดที่-3: ประมาณ 450–700 บาท
  • ค่าอาหารและคาเฟ่ทั้งวัน: ราว 800–1,200 บาท ขึ้นกับสไตล์การกิน
  • ค่าเดินทางภายในเมือง: ส่วนใหญ่เดินได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ขนส่งสาธารณะมากนัก

รวมแล้ว ทริปหนึ่งวันแบบสบายๆ ในเลสเตอร์ สามารถอยู่ในงบประมาณราว 2,000–3,500 บาทต่อคน ถ้าจองตั๋วรถไฟล่วงหน้า เลือกช่วงเวลา off-peak และบริหารมื้ออาหารดีๆ ก็สามารถกดงบลงกว่านี้ได้อีกพอสมควร เหมาะกับคนที่อยากเพิ่มอีกหนึ่งเมืองความทรงจำในทริปอังกฤษ โดยไม่ต้องเพิ่มงบแบบหวือหวาเกินไป

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง