แรดิชสารอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แรดิชเป็นหนึ่งในผักหัว ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ได้รับความนิยมทั่วโลกด้วยความอร่อย และสดชื่นที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นแหล่งของสารอาหาร ที่หลากหลาย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
Radish เป็นพืชหัวที่อยู่ในตระกูล Brassicaceae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Raphanus sativus มีถิ่นกำเนิด ในภูมิภาคเอเชียกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้รับการปลูก และบริโภคอย่างแพร่หลายทั่วโลก แรดิชมีหลากหลายสายพันธุ์ โดยที่พบบ่อย คือแรดิชหัวกลมสีแดง และแรดิชหัวขาวยาว
แรดิชสามารถหาซื้อได้ง่ายทั่วไป ทั้งตลาดสด ตลาดผักจากต่างประเทศ Supermarket เช่น Tesco Lotus มีสาขามากมายทั่วประเทศไทย ทั้งในรูปแบบ Hypermarket, supermarket, และ express, Big C, Makro, Central Food Hall, Tops, Villa Market หรือช่องทางออนไลน์เช่น simummuang market ที่จำหน่ายแรดิช กิโลละ 60 บาท [1]
แรดิชเป็นพืช ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะวิตามินซี วิตามินบี6 โพแทสเซียม และแมกนีเซียม นอกจากนี้ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ และเส้นใยอาหาร ที่มีประโยชน์ ต่อระบบย่อยอาหาร และสุขภาพทั่วไป สารอาหารในแรดิช ปริมาณต่อ 100 g มี 15 และอื่นๆ ดังนี้
ที่มา: Radishes, raw [2]
ปริมาณโพแทสเซียม ที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน สำหรับผู้ใหญ่คือประมาณ 3,500 ถึง 4,700 มิลลิกรัม โพแทสเซียมมีบทบาทสำคัญ ในการทำงานของกล้ามเนื้อ การทำงานของหัวใจ และการรักษาสมดุล ของของเหลวในร่างกาย โพแทสเซียมมีบทบาทในการทำงานหลายอย่าง ดังนี้ [3]
แรดิชเป็นพืชที่ปลูก ง่ายและเติบโตเร็ว มักใช้เวลาเพียง 20-30 วันหลังการปลูกก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ วิธีการปลูกแรดิชมีขั้นตอนดังนี้
แรดิช (Radish) เป็นผักหัว ที่สามารถรับประทานได้หลายรูปแบบ ทั้งดิบและปรุงสุก มีความสดชื่นและรสชาติเผ็ดร้อนเล็กน้อย ทำให้เป็นที่นิยม ในหลายเมนูอาหาร นี่คือวิธีการบริโภค และเมนูยอดนิยมที่ใช้แรดิช เป็นส่วนประกอบ
แรดิชเป็นพืชที่มีประโยชน์หลากหลาย ทั้งในด้านโภชนาการและสุขภาพ การปลูกแรดิชไม่ยุ่งยาก และสามารถเก็บเกี่ยวได้ ในเวลาอันสั้น ทำให้เป็นพืชที่เหมาะ สำหรับการปลูกในสวนครัว หรือในพื้นที่จำกัด เพื่อการบริโภค ภายในครัวเรือน