โปรไฟล์ โจน เบอนัวต์ นักวิ่งที่สร้างประวัติศาสตร์โลก

โปรไฟล์ โจน เบอนัวต์

โปรไฟล์ โจน เบอนัวต์ นักวิ่งหญิงผู้สร้างประวัติศาสตร์ คว้าเหรียญทองมาราธอนหญิง โอลิมปิกครั้งแรกในปี 1984 ที่ลอสแอนเจลิส แรงบันดาลใจของเธอ ทำให้ผู้หญิงทั่วโลก กล้าที่จะก้าวต่อ ทั้งในสนามและชีวิตจริง เรื่องราวนี้ คือบทเรียนของความพยายาม และการไม่ยอมแพ้ เธอคือตำนานที่พิสูจน์ว่า ความฝันไม่มีวันสายเกินไป

จุดเริ่มต้นของเบอนัวต์ จากเมืองเล็กในรัฐเมน

Joan Benoit เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1957 ที่เมือง Cape Elizabeth รัฐเมน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมืองชายฝั่งเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ และอากาศบริสุทธิ์ เธอเริ่มต้นเส้นทางนักกีฬา ด้วยการเล่นสกี แต่ชีวิตกลับเปลี่ยน เมื่อเธอได้รับบาดเจ็บที่ขาหัก จากอุบัติเหตุบนภูเขา

เหตุการณ์นั้น กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะเธอเลือกใช้การ “วิ่ง” เป็นวิธีฟื้นฟูร่างกาย และในไม่ช้า วิ่งก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เมื่อเข้าเรียนใน Bowdoin College เธอเข้าร่วมทีมกรีฑา ของมหาวิทยาลัย

แม้ว่าช่วงเวลานั้น โปรแกรมกีฬาหญิง ยังไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่ เธอจึงต้องลงแข่งกับนักกีฬาชายหลายครั้ง แต่ความท้าทายนั้น กลับหล่อหลอมให้เธอแข็งแกร่งขึ้น และพัฒนาอย่างรวดเร็ว (17 ตุลาคม 2025) [1]

การแจ้งเกิดของเบอนัวต์ใน Boston Marathon

ปี 1979 ถือเป็นปีที่ชื่อ “Joan Benoit” เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการ เธอเข้าร่วม Boston Marathon เป็นครั้งแรก และสร้างความประหลาดใจ ให้ทุกคนด้วยการคว้าแชมป์ ในวัยเพียง 21 ปี ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 35 นาที 15 วินาที ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ ของนักวิ่งหญิงสหรัฐฯ ในเวลานั้น (2023-2025) [2]

ในปี 1983 เธอกลับมาที่ Boston อีกครั้งและทำเวลาได้เพียง 2:22.43 วินาที กลายเป็นสถิติที่ดีที่สุดในโลก ของนักวิ่งหญิงในยุคนั้น สถิตินี้ช่วยผลักดัน ให้วงการมาราธอนหญิง ได้รับการยอมรับมากขึ้น และเปิดทางให้สหพันธ์โอลิมปิก บรรจุมาราธอนหญิง เป็นการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ในโอลิมปิก 1984

เหรียญทองแห่งประวัติศาสตร์ในโอลิมปิก 1984

ในปี 1984 การแข่งขันมาราธอนหญิง ถูกจัดขึ้นในโอลิมปิกเป็นครั้งแรก ที่นครลอสแอนเจลิส และเบอนัวต์คือผู้สร้างตำนานใหม่ ก่อนการแข่งขันเพียง 17 วัน เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่า ซึ่งเป็นข่าวที่ทำให้หลายคน คิดว่าเธอคงไม่สามารถ ลงแข่งได้แน่นอน

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม เบอนัวต์ไม่เพียงลงแข่งได้ แต่เธอเปิดเกมหนีตั้งแต่ไมล์ที่ 3 (ประมาณกิโลเมตรที่ 5) และไม่เคยถูกแซง จนถึงเส้นชัย จบการแข่งขันด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 24 นาที 52 วินาที คว้าเหรียญทอง และกลายเป็น “ผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ได้เหรียญทอง มาราธอนโอลิมปิก” (5 สิงหาคม 2024) [3]

เหตุการณ์นั้น ได้รับการถ่ายทอดสดทั่วโลก และถูกบันทึกไว้ ในประวัติศาสตร์ของ International Olympic Committee (IOC, 1984) ชัยชนะครั้งนั้น ไม่เพียงเปลี่ยนชีวิตของเธอ แต่ยังเปลี่ยนมุมมองของโลก ต่อความสามารถของผู้หญิง ในกีฬาระยะไกลอย่างถาวร

ยุคทองของเบอนัวต์ และสถิติระดับโลก

หลังจากคว้าเหรียญทองโอลิมปิก Benoit ยังคงสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง ในปี 1985 เธอคว้าแชมป์ Chicago Marathon ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 21 นาที 21 วินาที ซึ่งกลายเป็นสถิติใหม่ ของนักวิ่งหญิงอเมริกัน และยังคงติดอันดับหนึ่ง ในเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุด ของโลกในทศวรรษนั้น

ในช่วงปี 1980s เธอเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับนักวิ่งหญิงรุ่นหลังมากมาย รวมถึงนักวิ่งอย่าง ซันย่า ริชาร์ดส์-รอสส์ ที่เคยกล่าวถึงเบอนัวต์ว่าเป็น “หนึ่งในผู้หญิง ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าความเร็ว และความแข็งแรง ไม่จำกัดเพศ”

นอกจากนี้ เบอนัวต์ยังสามารถ รักษามาตรฐานการวิ่ง ในระดับสูงได้ต่อเนื่องยาวนาน แม้ในวัยเกิน 40 ปี เธอยังคงทำเวลามาราธอน ได้ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง 50 นาที ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง สำหรับนักวิ่งมืออาชีพในระยะยาว

จากนักวิ่งสู่ผู้สร้างกิจกรรมเพื่อชุมชน

โปรไฟล์ โจน เบอนัวต์

เบอนัวต์ไม่ได้หยุดอยู่แค่ การเป็นนักกีฬา แต่เธอกลายเป็น “ผู้นำแรงบันดาลใจ” ให้กับวงการวิ่งหญิงทั่วโลก ในปี 1998 เธอก่อตั้งงานวิ่ง TD Beach to Beacon 10K ที่บ้านเกิดในเมือง Cape Elizabeth เพื่อระดมทุนช่วยองค์กรการกุศล และเด็กด้อยโอกาส ปัจจุบันงานวิ่งนี้ ดึงดูดนักวิ่งกว่า 6,000 คนจากทั่วโลกทุกปี

ในปีเดียวกัน เธอได้รับเกียรติให้เข้าสู่หอเกียรติยศ นักวิ่งระยะไกลแห่งชาติ (National Distance Running Hall of Fame) และยังได้รับการยกย่องจาก USA Track & Field ว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิก กีฬามาราธอนหญิง

แม้เข้าสู่วัย 60 ปี เบอนัวต์ยังคงลงแข่งมาราธอน ในฐานะนักวิ่งรุ่น Masters โดยในปี 2015 เธอทำเวลาใน Chicago Marathon ได้ 2 ชั่วโมง 47 นาที 50 วินาที ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถิติที่โดดเด่น ของนักวิ่งรุ่นอายุ 55–59 ปีในสหรัฐฯ และยังได้รับการกล่าวถึง ในสื่อหลายสำนัก ว่าเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้หญิงทั่วโลก

บันดาลใจจากนักวิ่งเบอนัวต์

สิ่งที่ทำให้เบอนัวต์ แตกต่างจากนักกีฬาทั่วไป ไม่ใช่แค่เหรียญทองหรือสถิติ แต่คือ “จิตวิญญาณของการวิ่ง” ที่เธอส่งต่อให้ผู้อื่น เธอมักกล่าวว่า “การวิ่งคือภาษาที่สื่อถึง ความเป็นมนุษย์ของเรา ทุกก้าวคือบทเรียน ของความพยายาม”

ในบทสัมภาษณ์กับ Boston Globe (2021) เธอกล่าวว่าเป้าหมายในชีวิต ไม่ใช่แค่การชนะ แต่คือการช่วยให้คนอื่น ค้นพบความสุขจากการวิ่ง เช่นเดียวกับที่เธอค้นพบ เมื่อครั้งยังเป็นเด็กสาว ที่เริ่มวิ่งเพื่อรักษาขาที่หัก

เรื่องราวของเบอนัวต์ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของชัยชนะในสนาม แต่คือการยืนยันว่า “ความสำเร็จเริ่มต้น จากการไม่ยอมแพ้” และนั่นคือเหตุผลที่ชื่อของเธอ ยังคงอยู่ในหัวใจของนักวิ่งทั่วโลก จนถึงวันนี้

โปรไฟล์ โจน เบอนัวต์ กับบทสรุป

เบอนัวต์คือสัญลักษณ์ ของพลังหญิง ในวงการกีฬามาราธอน เธอไม่เพียงสร้างสถิติใหม่ แต่ยังทำลายข้อจำกัดทางเพศ ความกลัว และอุปสรรคทางกายภาพ ด้วยความมุ่งมั่น ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เธอพิสูจน์ว่า “นักสู้ที่แท้จริง” ไม่จำเป็นต้องมีร่างกาย ที่สมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่หัวใจที่ไม่ยอมแพ้ ต่อเส้นทางที่เลือกเดิน

เบอนัวต์เริ่มต้นเข้าสู่วงการมาราธอนได้อย่างไร ?

เธอเริ่มวิ่งหลังจากประสบอุบัติเหตุ ขาหักในวัยมัธยม และใช้การวิ่งเป็นวิธีบำบัดร่างกาย ก่อนจะค้นพบพรสวรรค์ และเข้าสู่เส้นทางนักวิ่งอาชีพเต็มตัว การเริ่มต้นครั้งนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้เธอกลายเป็นตำนานในภายหลัง

ทำไมชัยชนะในโอลิมปิก 1984 ของเบอนัวต์ถึงสำคัญมาก ?

เพราะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่มีการจัดมาราธอนหญิงในโอลิมปิก และเธอเป็นผู้หญิงคนแรก ที่คว้าเหรียญทองได้ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนให้วงการกีฬา เปิดโอกาสให้ผู้หญิงมากขึ้น และยังสร้างแรงผลักดัน ให้ผู้หญิงทั่วโลก หันมาสนใจกีฬามากขึ้นด้วย

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง