ทำความรู้จัก ไทโฮจุตสึ คือ ศิลปะแบบไหนกันแน่

ไทโฮจุตสึ คือ

ไทโฮจุตสึ คือ อาจจะแตกต่างจากศิลปะ การต่อสู้ทั่วไปตรงที่ ไม่ได้มุ่งชนะคู่ต่อสู้ แต่เน้นการใช้กำลังเท่าที่จำเป็น ควบคุมสถานการณ์ และลดความเสี่ยง

  • ไทโฮจุตสึมีความหมายใด?
  • การต่อสู้ที่สำคัญเป็นแบบไหน?
  • ฝึกต่อเนื่องได้รับประโยชน์อะไร

ความหมายของศิลปะไทโฮจุตสึ

ไทโฮจุตสึ (逮捕術) แปลตรงตัวว่า ศิลปะการจับกุม เป็นศิลปะการต่อสู้ที่ญี่ปุ่น พัฒนาขึ้นใน ปี ค.ศ. 1947 (พ.ศ. 2490) หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น (NPA: National Police Agency) (8 กันยายน 2025) [1]

เพื่อให้ตำรวจใช้ในการจับกุมผู้ร้ายได้อย่างปลอดภัย มีการผสมผสาน หลักการจาก ยูโด 40%, เคนโด 30%, และ ไอคิโดกับคาราเต้ 30% เพื่อให้ครอบคลุมทั้งการล็อก การทุ่ม การใช้อาวุธ และการควบคุมตัว

จากซามูไรตำรวจ สู่ตำรวจสมัยใหม่

ในสมัยเอโดะ (1603–1868) การรักษากฎหมาย และความสงบเรียบร้อย เป็นหน้าที่ของ ซามูไรและยาม ซึ่งทำหน้าที่ทั้งป้องกันภัย ปราบปรามโจร และรักษาความสงบในเมือง ซามูไรใช้ เคนจุสึ (Kenjutsu) และศิลปะการต่อสู้ดั้งเดิม ในการควบคุมผู้ร้าย แต่การฝึกนี้เน้น การชนะคู่ต่อสู้ มากกว่าการควบคุมตัว 

หลังการปฏิรูปเมจิ (ค.ศ. 1868) ญี่ปุ่นเริ่มปรับระบบ การปกครองให้ทันสมัย รัฐบาลยกเลิกชนชั้นซามูไร และตั้งสำนักงานตำรวจสมัยใหม่ (Modern Police) ขึ้นแทน ระบบนี้ต้องการตำรวจ ที่สามารถทำงาน ได้อย่างมืออาชีพ เป็นไปตามกฎหมาย (8 กันยายน 2025) [2]

ไทโฮจุตสึ ใช้อาวุธอะไร ?

  • กระบองสั้น : ใช้ในการป้องกันตัว และควบคุมคู่ต่อสู้ โดยไม่ทำร้ายร่างกายเกินจำเป็น สามารถใช้กดแขน ล็อกข้อมือ หรือป้องกันการโจมตี ฝึกควบคุมท่าพื้นฐาน ครั้งละ 200–400 ครั้ง
  • กุญแจมือ : ใช้เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของผู้ต้องหา เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในการจับกุม ต้องฝึกการใส่/ถอดอย่างปลอดภัย 20–50 ครั้ง ในแต่ละเซสชัน และฝึกการประเมินสภาพข้อมือ (เลือด การไหลเวียน) ทุกครั้งหลังใส่.
  • เชือกหรือสายรัด : ความยาวที่ใช้บ่อย 3–8 เมตร ขึ้นกับเทคนิค (เชือกสั้นสำหรับมัดเร็ว 3–4 ม., เชือกยาวสำหรับผูก/เทคนิคยืดหยุ่น 6–8 ม.) บางครั้งใช้สำหรับ ควบคุมผู้ต้องหา ในกรณีที่กุญแจมือไม่เพียงพอ 

การต่อสู้ของไทโฮจุตสึ เป็นแบบไหน

ไทโฮจุตสึ คือ

การต่อสู้ในไทโฮจุตสึ ไม่ใช่การประลอง เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม แต่เป็นการจัดการ สถานการณ์ให้ปลอดภัย ยุติธรรม การเคลื่อนไหวจึงเน้น การควบคุม มากกว่าการทำร้าย ใช้การชก หรือผลักเพียงชั่วคราว เพื่อสร้างช่องทาง เบี่ยงเบนความสนใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นเทคนิคล็อก ขยับสมดุล หรือทุ่มที่ลดแรงกระแทก

เพื่อให้สามารถตรึง และใส่เครื่องมือล็อค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำคัญอยู่ที่การอ่านระยะ และจังหวะ การรักษาตำแหน่งที่ได้เปรียบ และการสื่อสารด้วยคำสั่งชัดเจน ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เพื่อให้ผู้ถูกควบคุม ยุติความต้านทาน โดยตลอดกระบวนการจะยึดหลัก ใช้กำลังเท่าที่จำเป็น และคำนึงถึงความปลอดภัย ทั้งของผู้ปฏิบัติและผู้ถูกจับ (9 ตุลาคม 2021) [3]

หากฝึกต่อเนื่อง จะได้ประโยชน์ด้านใด ?

  • ร่างกายแข็งแรงและสมดุล : การฝึกการทุ่ม การล็อก และการเคลื่อนไหว ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ระบบกล้ามเนื้อ และข้อต่อมีความยืดหยุ่น รวมถึงพัฒนาความอึดทน ความคล่องตัว
  • พัฒนาปฏิกิริยาและการควบคุมตัวเอง : ฝึกให้รู้จักการใช้แรงอย่างพอดี ควบคุมจังหวะ และตอบสนองต่อสถานการณ์ ได้เร็วโดยไม่เสียสมดุล
  • ฝึกสมาธิและวินัย : ไทโฮจุตสึไม่ได้เน้น การใช้กำลังเพียงอย่างเดียว แต่เน้นการประเมินสถานการณ์ ตัดสินใจอย่างมีสติ ทำให้ผู้ฝึกมีสมาธิ รู้จักยับยั้งชั่งใจ
  • การป้องกันตัวอย่างมีประสิทธิภาพ : เทคนิคที่เรียนรู้ สามารถนำไปใช้จริงได้ ในชีวิตประจำวัน โดยเน้นการป้องกัน ควบคุม ไม่ใช่การทำร้าย ฝ่ายตรงข้ามเกินจำเป็น

เพราะเหตุใด ไทโฮจุตสึใกล้เคียงกับศิลปะต่อสู้อื่น ?

เหตุผลที่ไทโฮจุตสึ ใกล้เคียงกับศิลปะการต่อสู้อื่นๆ เป็นเพราะจุดกำเนิด และการพัฒนาของมัน อาศัยรากฐานจากศิลปะ ต่อสู้หลายแขนง โดยเฉพาะศิลปะญี่ปุ่นดั้งเดิม เช่น ยูยิตสู ยูโด เคนโด และคาราเต้ ซึ่งเน้นการควบคุมตัว การทุ่ม การล็อกข้อต่อ และการใช้อาวุธเบื้องต้น

ลักษณะเหล่านี้ เป็นสิ่งที่มีอยู่ในศิลปะการต่อสู้อื่นเช่นกัน เพียงแต่ไทโฮจุตสึ ถูกปรับให้เหมาะ กับการจับกุมมากกว่า การต่อสู้เพื่อชัยชนะ แต่อีกสาเหตุคือ การออกแบบไทโฮจุตสึ มีความเป็น “การเลือกใช้” (selective adaptation) เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่น เลือกหยิบเทคนิคที่ใช้ได้จริง จากหลายแขนง

แล้วนำมาประยุกต์เข้าด้วยกัน ทำให้ท่าทางหลายอย่างคล้ายคลึงกับยูโด (การทุ่ม), คล้ายยูยิตสู (การล็อกข้อ), คล้ายคาราเต้ (การโจมตีเพื่อหยุดยั้ง) หรือแม้แต่คล้ายเคนโด (การใช้กระบองและอาวุธควบคุม) เช่นเดียวกับ อิไอโด คืออะไร

ไทโฮจุตสึ คือ กับท้ายที่สุดนี้

สรุป ไทโฮจุตสึ คือ ศิลปะการจับกุมที่พัฒนามาจาก รากฐานซามูไรสู่การใช้งาน ของตำรวจสมัยใหม่ เป็นศาสตร์ที่ผสมผสาน ระหว่างการต่อสู้การควบคุม ทำให้ไม่เพียงเป็นศิลปะการป้องกันตัว แต่ยังเป็นวิถีแห่งการใช้ปัญญา และการเคารพชีวิตของทั้งสองฝ่าย

ทำไมถึงเรียกว่า ศิลปะลูกผสม ?

ไทโฮจุตสึถูกเรียกว่า ศิลปะลูกผสม เพราะรวมเทคนิคจากหลายศิลปะ การต่อสู้ดั้งเดิมของญี่ปุ่น เช่น ยูยิตสู ยูโด คาราเต้ และเคนโด มาปรับใช้เพื่อการจับกุม ผู้ต้องหาอย่างปลอดภัย ไม่เน้นทำร้าย แต่เน้นควบคุมสถานการณ์

ใครสามารถฝึกได้บ้าง ?

การฝึกไทโฮจุตสึส่วนใหญ่ถูกออกแบบสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับงานบังคับใช้กฎหมาย แต่ในปัจจุบันก็มีสถาบันบางแห่ง เปิดสอนให้บุคคลทั่วไปที่สนใจ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

บทความที่น่าสนใจ