ไวน์กับ แชมเปญ ความแตกต่างหลักๆ ด้านใดบ้าง

ไวน์กับ แชมเปญ

ไวน์กับ แชมเปญ เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีประวัติยาวนานและได้รับความนิยมทั่วโลก แม้หลายคนจะมองว่าแชมเปญเป็นเพียงไวน์ประเภทหนึ่ง แต่ในความจริงแล้วแชมเปญมีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากไวน์ทั่วไปอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งกำเนิด วิธีผลิต รวมถึงเสน่ห์ของรสชาติ มาทำความรู้จักทั้งสองแบบอย่างละเอียด เพื่อให้เลือกดื่มได้ตรงกับความชอบและโอกาสมากที่สุด

  • รสสัมผัสต่างกัน ไวน์หลากหลาย แชมเปญซ่าและหอมยีสต์
  • แชมเปญคือสปาร์กลิงไวน์จากแคว้น Champagne เท่านั้น
  • ไวน์มีหลายประเภท ส่วนแชมเปญเป็นไวน์ที่มีฟองละเอียดเป็นเอกลักษณ์

ประเภทและรสชาติ ที่แตกต่างกัน ของไวน์

ไวน์ (Wine) คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้จากการนำองุ่น ไปบดเพื่อคั้นน้ำหวานออกมา จากนั้นจึงนำไปผ่านกระบวนการหมักแอลกอฮอล์ ซึ่งแตกต่างจากการผลิตเครื่องดื่มเช่นเบียร์ วิสกี้ หรือสาเก ที่ต้องมีกระบวนการซับซ้อน องุ่นเป็นวัตถุดิบที่มีความสมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว โดยองค์ประกอบหลักของไวน์คือน้ำ น้ำตาล และกรด (14 ธันวาคม 2021) [1]

ประเภทของไวน์ที่นิยม

  • ไวน์แดง (Red Wine) ใช้องุ่นแดงที่หมักพร้อมเปลือก จึงมีรสเข้ม กลิ่นผลไม้ดำ แทนนินเด่น เหมาะกับสเต๊กหรืออาหารรสจัด
  • ไวน์ขาว (White Wine) ทำจากองุ่นขาวหรือองุ่นแดงที่แยกเปลือกก่อนหมัก ให้ความสดชื่น เปรี้ยวละมุน เหมาะกับอาหารทะเล
  • โรเซ่ไวน์ (Rosé Wine) สีชมพูสวย รสดื่มง่าย กลิ่นผลไม้แดงอ่อน เหมาะกับการสังสรรค์
  • สปาร์กลิงไวน์ (Sparkling Wine) มีฟองจากการหมัก เช่น Prosecco, Cava แต่ไม่ใช่แชมเปญ

สิ่งที่ทำให้ไวน์แต่ละขวดรสไม่เหมือนกัน

  • พันธุ์องุ่น (Varietal)
  • แหล่งปลูกองุ่น (Terroir)
  • เทคนิคการหมักและการบ่ม
  • สภาพอากาศในปีนั้นๆ (Vintage)

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ไวน์จึงเป็นเครื่องดื่มที่มีเสน่ห์และหลากหลายที่สุดชนิดหนึ่งในโลก

สามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับ ไวน์แดง&ไวน์ขาว เพิ่มเติมได้ที่ central

ต้นกำเนิดไวน์ ยุคโบราณ มีมาอย่างไร?

ไวน์ มานานนับพันปี จากจีนยุคโบราณ ใน ค.ศ. 7000 ปีก่อนคริสตกาล ไวน์เป็นเครื่องดื่มที่มีมาหลายพันปี โดยมีการค้นพบเมล็ดองุ่นโบราณ และร่องรอยการหมักไวน์ ในอิหร่านและจีนโบราณ การทำไวน์ในยุคอียิปต์โบราณเป็นไปอย่างมีระบบ และไวน์ยังปรากฏในตำนานเทพเจ้าหลายองค์ เช่น เทพโอซิริสของอียิปต์ และบาซิอูซของกรีก นอกจากนี้ไวน์ยังเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาคริสต์ด้วย

ไวน์ในสมัยก่อนที่ผู้คนมักผสมน้ำทะเล และเครื่องเทศ มีรสชาติแตกต่างจากไวน์ในปัจจุบันมาก และในศตวรรษที่ 19 ไวน์เคยถูกถือเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลัง โดยคนงานจะได้รับไวน์เป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างเนื่องจากในยุคนั้นน้ำดื่มยังไม่สะอาดพอ

ที่มา: ไวน์ (22 ตุลาคม 2025) [2]

รสชาติ กลิ่นและโครงสร้าง ของไวน์แต่ละแบบ

รสชาติไวน์จะถูกแบ่งตาม 5 องค์ประกอบ คือ

1.ความหวาน (Sweetness): เป็นรสชาติที่เหลือจากน้ำตาลในสายพันธุ์องุ่นที่นำมาทำไวน์ มีการแบ่งระดับความหวาน เช่น

  • Dry (หวานน้อย): มีน้ำตาลน้อยกว่า 1%
  • Off Dry/Medium Dry (หวานปานกลาง): มีน้ำตาลมากกว่า 3%
  • Sweet (หวานมาก): มีน้ำตาลมากกว่า 5%

2.รสชาติเปรี้ยว (Acidity): เป็นรสชาติที่เกิดจากกรดในองุ่น (เช่น กรดซิตริก, กรดทาร์ทาริก) โดยมีค่าความเป็นกรด (pH) อยู่ที่ประมาณ 2.5-4.5 มีการแบ่งระดับความเปรี้ยว เช่น

  • Low acidity (เปรี้ยวน้อย): ให้ความรู้สึกกลมกล่อมหรือนุ่มนวล
  • Medium acidity (เปรี้ยวปานกลาง): เป็นรสชาติที่สมดุล
  • High acidity (เปรี้ยวมาก): มักมาจากองุ่นที่ยังไม่สุกดี ทำให้มีรสเปรี้ยวชัดเจน

3.รสชาติขม/ฝาด (Tannin): เป็นรสชาติที่มาจากสารประกอบที่พบได้จากผิวองุ่น เมล็ด และก้าน มีการแบ่งระดับความขม เช่น

  • Low Tannin (ขมน้อย)
  • Medium Tannin (ขมปานกลาง)
  • Astringent (ขมมาก)

4. แอลกอฮอล์ (Alcohol): แอลกอฮอล์เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการหมักไวน์ โดยมีการแปรสภาพน้ำตาลในองุ่นให้กลายเป็นแอลกอฮอล์และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ระดับแอลกอฮอล์ในไวน์มีการแบ่งคร่าวๆ ดังนี้

  • Low Alcohol (มีแอลกอฮอล์น้อยกว่า 10%)
  • Medium Alcohol (มีแอลกอฮอล์ 10-15%)
  • High Alcohol (มีแอลกอฮอล์มากกว่า 15%)

5. ความเข้มข้น (Body): รสชาติหนัก/เบาของเนื้อไวน์นั้นขึ้นอยู่กับ 4 ปัจจัยที่กล่าวมาก่อนหน้า (Sweetness, Acidity, Tannin, Alcohol) โดยขึ้นอยู่กับปริมาณส่วนประกอบที่เป็นของเหลว การแบ่งระดับความเข้มข้นมีดังนี้

  • Light body (เนื้อสัมผัสบางเบา)
  • Medium body (เนื้อสัมผัสปกติ)
  • Full Body (เนื้อสัมผัสหนักแน่น)

ที่มา: เลือก รสชาติไวน์ ที่ใช่ ให้ตรงไลฟ์สไตล์ที่ชอบ (30 มกราคม 2024) [3]

การพัฒนาการของ แชมเปญใน ยุคโบราณ

แชมเปญ (Champagne) คือไวน์ชนิดฟองหรือสปาร์กลิงไวน์ (Sparkling Wine) ที่ผลิตเฉพาะจาก ภูมิภาคแชมเปญในประเทศฝรั่งเศส เท่านั้น ตามกฎหมายของฝรั่งเศสและสหภาพยุโรป ไวน์ฟองที่ผลิตจากภูมิภาคอื่น ไม่สามารถเรียกว่า “Champagne” ได้ แม้ว่ากระบวนการผลิตจะเหมือนกันก็ตาม

  • ค.ศ. 1620 – มีบันทึกว่าชาวไร่องุ่นในภูมิภาคแชมเปญ ประเทศฝรั่งเศส พบปัญหาไวน์ฟองเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจจากการหมักซ้ำในขวด
  • ค.ศ. 1640 – นักบวช ดงเปรีญง (Dom Pérignon) เริ่มพัฒนากระบวนการผลิตให้ฟองละเอียดและรสชาติสมดุล
  • ค.ศ. 1690 – แชมเปญเริ่มได้รับความนิยมในราชสำนักฝรั่งเศสและยุโรปเป็นเครื่องดื่มหรูหรา
  • ค.ศ. 1890 – การพัฒนาขวดและจุกคอร์กที่แข็งแรงช่วยให้การขนส่งแชมเปญเป็นไปได้ง่ายขึ้น ทำให้แพร่หลายไปทั่วโลก

จุดเด่นที่ แชมเปญมี คืออะไร?

จุดเด่นของแชมเปญ ที่ทำให้แตกต่างจากไวน์ชนิดอื่น

  1. ฟองละเอียดและคงตัว – ฟองแชมเปญมีขนาดเล็กและละเอียด ทำให้รู้สึกหรูหราและเพลิดเพลินเมื่อดื่ม
  2. รสชาติซับซ้อน – มีรสชาติหลากหลาย ตั้งแต่สดชื่น เปรี้ยวเล็กน้อย ไปจนถึงหวานนุ่ม และมีกลิ่นขนมอบหรือผลไม้ตามการบ่ม
  3. ความพรีเมียมและสัญลักษณ์แห่งการฉลอง – แชมเปญมักใช้ในงานสำคัญ งานเฉลิมฉลอง และเหตุการณ์พิเศษ
  4. ผลิตจากองุ่นคุณภาพสูง – ส่วนใหญ่ใช้ Chardonnay, Pinot Noir, Pinot Meunier ทำให้ได้รสชาติที่สมดุล
  5. ประวัติศาสตร์ยาวนาน – เป็นเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศสตั้งแต่ศตวรรษที่ 17

วิธีผลิตแบบดั้งเดิม (Méthode Traditionnelle)
แชมเปญต้องผ่าน การหมักครั้งที่สองในขวด เพื่อสร้างแรงดันและฟอง ทำให้ได้ฟองที่ละเอียดกว่าและความซับซ้อนสูงกว่าเครื่องดื่มสปาร์กลิงทั่วไป

ประเภทของแชมเปญที่พบได้บ่อย

  • Brut – แห้ง ดื่มง่าย
  • Extra Brut / Brut Nature – แห้งมาก เหมาะสำหรับสายดื่มจริงจัง
  • Demi-Sec – หวานละมุน เหมาะกับของหวาน
  • Rosé Champagne – มีความผลไม้มากขึ้น สีสันสวยงาม

แชมเปญจึงถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มแห่งการเฉลิมฉลองและความหรูหรา

ความแตกต่าง ระหว่างไวน์ และแชมเปญ ที่ผู้บริโภคควรรู้

ไวน์กับ แชมเปญ

การดื่ม ไวน์กับ แชมเปญ เป็นกิจกรรมที่หลายคนชื่นชอบ แต่หลายคนอาจสับสนระหว่างสองเครื่องดื่มนี้ แม้ทั้งคู่ทำจากองุ่นและมีรสชาติหลากหลาย แต่ความแตกต่างใน กรรมวิธีการผลิต ภูมิศาสตร์ และลักษณะฟอง ทำให้แชมเปญมีความพิเศษและหรูหรากว่า

ความแตกต่างหลักระหว่างไวน์และแชมเปญ
1. ชนิดและฟอง

  • ไวน์ (Wine) ส่วนใหญ่เป็นไวน์ธรรมดา ไม่มีฟอง
  • แชมเปญ (Champagne) เป็น ไวน์ฟอง ที่มีฟองละเอียดและคงตัว เนื่องจากผ่านการหมักครั้งที่สองในขวด

2. ภูมิศาสตร์และการตั้งชื่อ

  • ไวน์สามารถผลิตได้ทั่วโลก
  • แชมเปญต้องผลิตเฉพาะใน ภูมิภาคแชมเปญ ประเทศฝรั่งเศส ตามกฎหมายเท่านั้น

3. กรรมวิธีการผลิต

  • ไวน์ทั่วไปหมักครั้งเดียวในถังหรือขวด
  • แชมเปญผ่าน การหมักครั้งที่สองในขวด (Méthode Champenoise) และบ่มบนตะกอนยีสต์ ทำให้ฟองละเอียดและรสชาติซับซ้อน

4. รสชาติและสัมผัส

  • ไวน์มีรสชาติหลากหลาย แต่ฟองไม่คงตัว
  • แชมเปญมีรสชาติซับซ้อนและฟองละเอียดที่ทำให้รู้สึกหรูหรา

5.ความพรีเมียมและการใช้

  • ไวน์สามารถดื่มทั่วไปหรือคู่กับอาหาร
  • แชมเปญมักเป็น เครื่องดื่มสัญลักษณ์แห่งการฉลอง ใช้ในงานพิเศษหรืองานสำคัญ

สรุปแล้ว ไวน์กับ แชมเปญ ความต่างที่ คนทั่วโลกหลงรัก

ไวน์กับ แชมเปญ ต่างเป็นเครื่องดื่มที่มีประวัติ วัฒนธรรม และความรุ่มรวยของรสชาติในแบบของตัวเอง แชมเปญคือไวน์ชนิดหนึ่งที่มีวิธีการผลิตเฉพาะ จึงให้ความพรีเมียมมากกว่า ขณะที่ไวน์ก็หลากหลายกว่าและเหมาะกับทุกคน การเลือกดื่มทั้งคู่จึงขึ้นอยู่กับโอกาสและความชอบของแต่ละคน

ไวน์หรือแชมเปญ เลือกแบบไหนดี?

ไวน์เหมาะกับผู้ที่ต้องการความหลากหลาย ของรสชาติและการจับคู่กับอาหาร ส่วนแชมเปญเหมาะกับโอกาสพิเศษที่ต้องการความหรูหรา และความรู้สึกเฉลิมฉลอง ทั้งสองอย่างมีความโดดเด่นในแบบของตนเอง การเลือกจึงขึ้นอยู่กับความชอบ โอกาส และบรรยากาศที่ต้องการสร้าง หากคุณรักรสชาติสดชื่นมีฟอง แชมเปญคือคำตอบ แต่ถ้าชอบกลิ่นและรสลึกซึ้งหลากหลาย ไวน์คือทางเลือกที่ดีที่สุด

แชมเปญต้อง ผลิตจากที่ไหน จึงเรียกได้ว่าของแท้?

แชมเปญแท้ต้องผลิตจาก ภูมิภาคแชมเปญ (Champagne) ในประเทศฝรั่งเศส เท่านั้น ตามกฎหมายทั้งของฝรั่งเศสและสหภาพยุโรป ไวน์ฟองที่ผลิตนอกภูมิภาคนี้แม้ใช้กรรมวิธีเดียวกัน ก็ไม่สามารถเรียกว่า Champagne ได้ การควบคุมภูมิศาสตร์นี้ช่วยรับประกันคุณภาพขององุ่น และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงความพรีเมียมและชื่อเสียงระดับโลกของแชมเปญ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง