Beetroot หรือ บีทรูท เป็นหนึ่งในผักที่มีสีสันที่สวยงาม และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีรสชาติหวาน และมักใช้ในการทำอาหารหลากหลายวิธี บทความนี้จะนำเสนอข้อมูล เกี่ยวกับประวัติ การเพาะปลูก ประโยชน์ และการนำบีทรูทมารับประทาน
บีทรูท เติบโตได้ดี ในดินร่วนซุย ที่มีการระบายน้ำดี มักปลูกในภูมิอากาศที่เย็น จนถึงอบอุ่น เช่น ในยุโรป อเมริกาเหนือ และแอฟริกาใต้ บีทรูทสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ในบางภูมิภาค ที่มีสภาพอากาศที่เหมาะสม
ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการเพาะปลูก และผลผลิตของบีทรูท มีการผลิตบีทรูททั่วโลกประมาณ 260 ล้านเมตริกตัน ใกล้เคียงกับการผลิตในปี 2005 ที่มีการผลิตอยู่ที่ 241,985,317 เมตริกตัน [1]
บีทรูท เป็นรากของพืชในตระกูล Amaranthaceae ซึ่งรวมถึง Swiss Chard บีทรูทมีลักษณะเด่น ด้วยสีแดงสด หรือม่วง และมักใช้ทั้งในการทำอาหาร และเป็นส่วนประกอบในสลัด หรือเครื่องดื่ม มีรสชาติหวาน และอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ โดยเฉพาะวิตามิน C ไฟเบอร์ และธาตุเหล็ก
บีทรูท มีต้นกำเนิดจาก ภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน และได้รับการปลูกครั้งแรก โดยชาวอียิปต์โบราณ ต่อมาได้แพร่กระจายไปยังยุโรป ในสมัยโบราณ และถูกใช้ ในหลายวัตถุประสงค์ ทั้งในการปรุงอาหาร และการใช้เป็นยารักษาโรค
บีทรูท มีประโยชน์มากมาย มีสารอาหารเช่น Fiber, folate, mangane และ iron นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยน้ำตาลธรรมชาติ และสารประกอบที่ช่วยลดความดันโลหิต และบำรุงสุขภาพหัวใจ แหล่งข้อมูล ที่ 1 ระบุว่าบีทรูทปริมาณ 100 กรัม มี Calories 43
ที่มา: Nutrition alert: Here’s what a 100-gram serving of beetroot contains [2]
ที่มา: Food database and calorie counter [3]
บีทรูท มีจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ทั้งในตลาดผักผลไม้นำเข้า และในซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ มักขายเป็นรากสด แต่บางที อาจพบในรูปแบบกระป๋องหรือ แช่แข็งได้ ตัวอย่างราคาบีทรูทที่วางจำหน่ายทั่วไป
บีทรูท สามารถรับประทานได้หลายวิธี ทั้งสดและปรุงสุก ยกตัวอย่างเช่น
Beetroot เป็นผักที่ไม่เพียงแต่มีสีสันสวยงาม แต่ยังเต็มไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำให้เป็นที่นิยม ในหมู่ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างสุขภาพ ด้วยอาหารธรรมชาติ