Pea หรือ ถั่วลันเตา เป็นหนึ่งในพืช ที่มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก เนื่องจากความหลากหลายของสายพันธุ์ รสชาติที่อร่อย และคุณค่าทางโภชนาการที่สูง ถั่วลันเตามีความสำคัญ ไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่รับประทานได้ แต่ยังใช้ในการปรับปรุงคุณภาพดินด้วย
Pea เป็นพืชตระกูลถั่วที่มีฝัก คล้ายกับ Fava Bean เมล็ดของมันมักเป็นสีเขียว หรือเหลือง และมีขนาดที่แตกต่างกันไปตามชนิด ถั่วลันเตาถูกนำมาใช้ปรุงอาหารในหลายรูปแบบ รวมทั้งใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารจานหลัก และของว่าง
Pea มีประวัติการปลูกที่ยาวนานมากกว่า 7,000 ปี โดยมีหลักฐานการใช้ ในตะวันออกกลาง และเอเชีย ในยุโรปถั่วลันเตาได้รับการนำเข้ามาจากการค้า ข้ามภูมิภาค และได้กลายเป็นอาหารพื้นฐาน ในหลายวัฒนธรรม
Pea ปลูกได้ดีในดิน ที่มีการระบายน้ำดี และต้องการแสงแดดเพียงพอ มักปลูกในฤดูใบไม้ผลิ และเก็บเกี่ยวในต้นฤดูร้อน การผลิตถั่วลันเตาทั่วโลก มีมากหลายล้านตันต่อปี ประเทศไทยนิยมปลูกในภาคเหนือ โดยมีพื้นที่ปลูกมากที่สุด ในจังหวัดลำปาง นครสวรรค์ และเชียงใหม่ รวมกว่า 7,651 ไร่ [1]
ถั่วลันเตา อุดมไปด้วยโปรตีน ไฟเบอร์ วิตามิน รวมทั้งแร่ธาตุอย่าง นอกจากนี้ ถั่วลันเตายังมี Calorie ที่ต่ำ ทำให้เหมาะสำหรับการควบคุมน้ำหนัก และรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ถั่วลันเตา 100 มี 81 kcal
ที่มา: ถั่วลันเตา [2]
ถั่วลันเตา มีจำหน่ายในรูปแบบสด แช่แข็ง และกระป๋อง สามารถหาซื้อได้ที่ตลาดสด และห้างร้านทั่วไป ยกตัวอย่างราคาขายทั่วไป ดังนี้
ที่มา: ถั่วลันเตา [3]
Pea สามารถรับประทานได้ทั้งสด และปรุงสุก เหมาะสำหรับทำสลัด ผัด หรือนึ่ง เพื่อคงรสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการ ถั่วลันเตาแช่แข็งเหมาะสำหรับการทำซุป แกง ข้าวผัด เพราะคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้ดี ถั่วลันเตากระป๋อง ใช้สำหรับทำอาหาร ที่ต้องการความรวดเร็ว และความสะดวก
Pea เป็นพืชที่ไม่เพียงแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังให้รสชาติที่ยอดเยี่ยม และความหลากหลายในการปรุงอาหาร