พริกหวานแดงไลโคปีน สารสีแดงในผัก ที่มีประโยชน์

พริกหวานแดงไลโคปีน

พริกหวานแดงไลโคปีน (Red Bell Pepper) เป็นผักที่มีสีสันสดใส และมีรสชาติหวานอร่อย นอกจากจะเป็นส่วนประกอบ ที่เพิ่มความสวยงาม ให้กับอาหารแล้ว พริกหวานแดง ยังมีประโยชน์ ทางโภชนาการมากมาย หนึ่งในสารอาหารที่โดดเด่น ในพริกหวานแดง คือไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

พริกหวานแดงไลโคปีน คืออะไร ลักษณะ รสชาติ

Red Bell Pepper เป็นสมาชิกของตระกูล Solanaceae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับมะเขือเทศ และมันฝรั่ง พริกหวานแดงมีรูปร่าง เป็นทรงกลม มีเปลือกเรียบ และเงา เมื่อสุกเต็มที่ สีของพริก จะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ภายในมีเมล็ดเล็กๆ ที่สามารถนำไปเพาะปลูกได้

พริกหวานแดงมีรสชาติหวาน ไม่เผ็ด เนื้อของพริก กรอบอร่อย ทำให้เหมาะกับการบริโภคสด หรือใช้ในการปรุงอาหาร หลายประเภท พริกหวานแดงสามารถซื้อได้ทั่วไป ในตลาดสด ร้านผักผลไม้ หรือทางออนไลน์ ตัวอย่างเช่น Makro พริกหวานแดงปริมาณ 1 กิโลกรัม ราคา 132 บาท [1]

พริกหวานแดงไลโคปีน สารกลุ่ม Carotenoids คืออะไร

ไลโคปีนเป็นสารประกอบ ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งเป็นสารสีธรรมชาติ ที่ให้สีแดง และสีส้มในผักและผลไม้ เช่น มะเขือเทศ แตงโม และพริกหวานแดง ไลโคปีนมีคุณสมบัติ ต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกัน การเกิดความเสียหายของเซลล์ ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ทำให้ลดความเสี่ยง ของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ

พริกหวานแดงไลโคปีน ประโยชน์ไลโคปีนในพริกหวาน

  • ลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจ และหลอดเลือด: ไลโคปีนช่วยลดระดับ คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ในเลือด ทำให้ลดความเสี่ยง ของการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด
  • ป้องกันโรคมะเร็ง: การบริโภคไลโคปีน สามารถลดความเสี่ยง ของการเกิดโรคมะเร็ง หลายชนิด เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งปอด
  • บำรุงผิวพรรณ: ไลโคปีนช่วยปกป้องผิว จากการถูกทำลายโดยรังสี UV และช่วยให้ผิว ดูสุขภาพดีขึ้น
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: การบริโภคไลโคปีนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง และต้านทานโรค ได้ดียิ่งขึ้น

โดยในพริกหวานสีแดง จะมีปริมาณไลโคปีน อยู่ที่ประมาณ 1.5 มิลลิกรัมถึง 8.6 มิลลิกรัมต่อปริมาณ 100 กรัม [2]

พริกหวานแดงไลโคปีน และควรทานวันละกี่ มก.

ปริมาณที่แนะนำ สำหรับการบริโภคไลโคปีน คือประมาณ 10 มิลลิกรัมต่อวัน โดยควรได้รับ จากแหล่งอาหาร ตามธรรมชาติ เช่น พริกหวานสีแดง, มะเขือเทศ, แตงโม, และผลไม้สีแดงอื่นๆ เนื่องจากไลโคปีน จากอาหารธรรมชาติเช่น มะเขือเทศมีไลโคปีน จะมีประสิทธิภาพ ในการดูดซึม และใช้ประโยชน์ ได้ดีกว่าอาหารเสริม [3]

พริกหวานแดงไลโคปีน ข้อแนะนำการทานพริกหวาน

พริกหวานแดงไลโคปีน
  • เลือกพริกหวานแดง ที่สดใหม่: ควรเลือกพริกหวานแดง ที่มีสีสันสดใส ไม่มีรอยช้ำ หรือจุดสีน้ำตาล พริกหวานแดงที่สดใหม่ จะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด
  • ล้างให้สะอาด: ล้างพริกหวานแดง ให้สะอาดก่อนรับประทาน หรือปรุงอาหาร เพื่อลดสารเคมี หรือสิ่งสกปรก ที่อาจติดมากับผัก
  • รับประทานแบบสด: การบริโภคพริกหวานแดงสด ในสลัดหรือทานกับ Dip จะช่วยรักษาสารอาหารสำคัญ เช่น วิตามินซี และไลโคปีน
  • ปรุงอาหาร ในระดับความร้อนต่ำ: การปรุงอาหาร ในระดับความร้อนต่ำ หรือในระยะเวลาสั้นๆ เช่น การผัดหรือย่าง จะช่วยรักษาสารอาหาร ที่สำคัญไว้ได้
  • ผสมกับอาหารอื่นๆ: ผสมพริกหวานแดง กับอาหารอื่นๆเช่น ผักหลากหลายชนิด เนื้อสัตว์ หรือชีส เพื่อเพิ่มคุณค่าโภชนาการ และความอร่อย

พริกหวานแดงไลโคปีน ข้อควรระวังการทานพริกหวาน

  • สารเคมี และยาฆ่าแมลง: พริกหวานแดงอาจมีสารเคมี หรือยาฆ่าแมลงตกค้าง การเลือกซื้อพริกหวานแดง
    Organic หรือจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เป็นทางเลือกที่ดี
  • การแพ้พริกหวาน: บางคนอาจมีอาการ แพ้พริกหวาน ควรสังเกตอาการ เช่น ผื่นคัน หรือปวดท้อง หากมีอาการเหล่านี้ ควรหยุดทาน และปรึกษาแพทย์
  • การเก็บรักษา: พริกหวานแดงที่เก็บรักษาไม่ดี อาจเสื่อมสภาพ และสูญเสียสารอาหาร ควรเก็บในตู้เย็น และในภาชนะที่ปิดสนิท เพื่อรักษาความสด
  • การบริโภค ที่มากเกินไป: การบริโภคพริกหวานแดงมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือไม่สบายท้อง ควรบริโภค ในปริมาณที่เหมาะสม
  • การปรุงอาหาร ในระดับความร้อนสูง: การปรุงอาหาร ในระดับความร้อนสูง อาจทำให้สารอาหารบางส่วน ในพริกหวานแดง สูญเสียไป ควรหลีกเลี่ยง การปรุงอาหารในวิธีนี้ หากต้องการรักษา คุณค่าทางโภชนาการ

สรุป พริกหวานแดงไลโคปีน เพิ่มสีสัน หวานอร่อย

พริกหวานแดงไม่เพียงแต่มีรสชาติหวานอร่อย และเพิ่มสีสันให้กับอาหาร แต่ยังเป็นแหล่งที่ดี ของไลโคปีน ซึ่งมีประโยชน์ ต่อสุขภาพในหลายๆด้าน การเพิ่มพริกหวานแดง ในอาหารประจำวัน สามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพ และลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

293