กะหล่ำปลีม่วง ประโยชน์และสารแอนโทไซยานิน

กะหล่ำปลีม่วง

กะหล่ำปลีม่วง (red cabbage) เป็นผักที่มีลักษณะเด่น คือสีม่วงสดใส และรสชาติกรุบกรอบ ที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้ปรุงอาหาร ทั้งในสลัด ซุป หรืออาหารประเภทผัดต่างๆ กะหล่ำปลีม่วงไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อย แต่ยังอุดมไปด้วยประโยชน์ ต่อสุขภาพมากมาย

กะหล่ำปลีม่วง ประโยชน์ ดีต่อร่างกายในด้านต่างๆ

  • สารต้านอนุมูลอิสระ: สีม่วงของกะหล่ำปลี เกิดจากสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) ซึ่งเป็นสาร Antioxidant อิสระ ที่ช่วยป้องกัน การเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และช่วยลดการอักเสบ ในร่างกาย
  • วิตามินซีสูง: กะหล่ำปลีม่วงมีวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยในการดูดซึม iron และช่วยในการผลิต Collagen ที่สำคัญต่อผิวหนัง
  • ไฟเบอร์: fiber สูงช่วยในระบบย่อยอาหาร ป้องกันอาการท้องผูก และช่วยลดระดับ Cholesterol ในเลือด
  • แคลอรีต่ำ: กะหล่ำปลีม่วงเป็นผักที่มีแคลอรีต่ำ เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
  • วิตามินเค: กะหล่ำปลีม่วงมี Vitamin K ที่ช่วยในกระบวนการแข็งตัวของเลือด และช่วยเสริมสร้างกระดูก

กะหล่ำปลีม่วงโภชนาการ แคลอรีและสารอาหาร

กะหล่ำปลีม่วงหรือ Red cabbage ในปริมาณต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 31 แคลอรี (kcal) และปริมาณสารอาหารต่างๆ ดังนี้

  • ไขมันทั้งหมด 0.2 g.
  • ไขมันอิ่มตัว 0 g.
  • โซเดียม 27 mg.
  • โพแทสเซียม 243 mg.
  • คาร์โบไฮเดรต 7 g.
  • เส้นใยอาหาร 2.1 g.
  • น้ำตาล 3.8 g.
  • โปรตีน 1.4 g.
  • วิตามินซี 57 mg.
  • แคลเซียม 45 mg.
  • เหล็ก 0.8 mg.
  • วิตามินบี6 0.2 mg.
  • แมกนีเซียม 16 mg.

ที่มา: Cabbage, red, raw [1]

 

กะหล่ำปลีม่วง และการปลูกกะหล่ำปลีม่วง

การปลูกกะหล่ำปลีม่วง ไม่ยากมากนัก แต่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ เพื่อให้ได้ผลผลิต ที่มีคุณภาพดี

  • การเลือกพื้นที่ปลูก: ควรเลือกพื้นที่ ที่ได้รับแสงแดดเพียงพอ และมีดินที่ระบายน้ำได้ดี
  • การเตรียมดิน: ควรเตรียมดิน ให้มีความอุดมสมบูรณ์ โดยการใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก ลงในดินก่อนการปลูก
  • การเพาะเมล็ด: สามารถเพาะเมล็ด ในถาดเพาะเมล็ด หรือเพาะในดินโดยตรง ควรรดน้ำให้ชุ่ม แต่ไม่แฉะ
  • การดูแลรักษา: ควรรดน้ำให้เพียงพอ แต่ไม่ควรให้ดินแฉะ เพราะอาจทำให้รากเน่า ควรใส่ปุ๋ยเสมอ เพื่อให้ต้นเจริญเติบโตได้ดี
  • การเก็บเกี่ยว: กะหล่ำปลีม่วงสามารถเก็บเกี่ยวได้ เมื่อหัวกะหล่ำปลีเริ่มแน่น และมีขนาดใหญ่ ตามต้องการ ควรใช้มีดคมตัดให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้ต้นช้ำ

กะหล่ำปลีม่วง และสารแอนโทไซยานินในกะหล่ำปลีม่วง

แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) เป็นสารประกอบ Flavonoids ชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มของสาร phytochemicals ที่ทำให้เกิดสีม่วง สีแดง สีฟ้า และสีดำในผักและผลไม้ แอนโทไซยานินมีคุณสมบัติ ในการต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันการเกิดโรคต่างๆ และมีประโยชน์ต่อร่างกาย ในหลายด้าน

นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการบางคน แนะนำว่าการบริโภคแอนโทไซยานิน ประมาณ 12.5 กรัมต่อวัน อาจเป็นปริมาณที่เหมาะสม [2]

กะหล่ำปลีม่วง ประโยชน์ของแอนโทไซยานินในกะหล่ำปลีม่วง

  • ต้านอนุมูลอิสระ: แอนโทไซยานิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน โดยช่วยลดการอักเสบ และป้องกันการทำลายเซลล์ในร่างกาย
  • ป้องกันโรคหัวใจ: การบริโภคอาหารที่มีแอนโทไซยานินสูง สามารถช่วยลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจ โดยการลดการอักเสบในหลอดเลือด และปรับปรุงการทำงาน ของระบบหัวใจ และหลอดเลือด
  • ส่งเสริมสุขภาพสมอง: แอนโทไซยานินมีคุณสมบัติ ที่ช่วยปรับปรุงความจำ และการทำงานของสมอง โดยการลดการอักเสบ และการทำลายของเซลล์ประสาท
  • ป้องกันโรคมะเร็ง: การบริโภคอาหาร ที่มีแอนโทไซยานินสูง อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โดยการป้องกันการเจริญเติบโต ของเซลล์มะเร็ง และการกระจายตัว ของเซลล์มะเร็งในร่างกาย
  • ช่วยในระบบการย่อยอาหาร: แอนโทไซยานินมีคุณสมบัติ ที่ช่วยปรับปรุงการย่อยอาหาร และป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น การอักเสบ ของกระเพาะอาหาร และลำไส้
  • กะหล่ำปลีม่วงมีสารแอนโทไซยานิน ประมาณ 113 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม สารแอนโทไซยานินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ [3]

กะหล่ำปลีม่วง ข้อแนะนำ และวิธีการบริโภค

กะหล่ำปลีม่วง

เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากแอนโทไซยานิน ในกะหล่ำปลีม่วงอย่างเต็มที่ ควรบริโภคกะหล่ำปลีม่วง ในรูปแบบ ที่ไม่ผ่านการปรุงสุก มากเกินไป หรือทานเป็น ผักสด เช่น

  • สลัดกะหล่ำปลีม่วง: หั่นกะหล่ำปลีม่วงเป็นเส้นๆ ใส่ในสลัดสด หรือสลัดผลไม้ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร
  • น้ำผักผลไม้ผสมกะหล่ำปลีม่วง: นำกะหล่ำปลีม่วงมาคั้นแยกกาก เป็นน้ำผลไม้ หรือผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆ
  • ผักสดสำหรับจิ้มน้ำพริก: ใช้กะหล่ำปลีม่วง เป็นผักสด ในการจิ้มน้ำพริก หรือทานเป็นเครื่องเคียงต่างๆ เพื่อเพิ่มสีสัน และรสชาติ

สรุป กะหล่ำปลีม่วง สีสันดึงดูด มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

กะหล่ำปลีม่วงเป็นผัก ที่ไม่เพียงแต่มีสีสันสดใสดึงดูดตา แต่ยังอุดมไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายจากสารแอนโทไซยานิน นำมาประกอบอาหารทำได้หลากหลาย การบริโภคกะหล่ำปลีม่วงเป็นประจำ จึงเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับการดูแลสุขภาพ และเพิ่มความหลากหลาย ให้กับเมนูอาหารประจำวัน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
146