การล่าเสือ ผิดกฎหมาย วิกฤตธรรมชาติ ที่ถูกมองข้าม

การล่าเสือ ผิดกฎหมาย

การล่าเสือ ผิดกฎหมาย เสือโคร่งถือเป็นสัตว์ป่าที่สำคัญ ต่อระบบนิเวศโลกและประเทศไทย ถูกจัดเป็น สัตว์ป่าสงวน การล่าเสือผิดกฎหมายยังคงเป็นปัญหาที่รุนแรง ส่งผลต่อประชากรเสือ และความสมดุลของธรรมชาติ บทความนี้จะเจาะลึกปัญหา การล่าเสือผิดกฎหมาย ผลกระทบ และแนวทางอนุรักษ์อย่างครบถ้วน

  • การล่าเสือผิดกฎหมายทำให้จำนวนเสือลดลงอย่างหนัก
  • เกิดจากความต้องการค้าชิ้นส่วนเสือในตลาดมืด
  • เป็นภัยต่อระบบนิเวศและสมดุลธรรมชาติ
  • เป็นอาชญากรรมที่กฎหมายหลายประเทศเอาผิดรุนแรง
  • ต้องอาศัยความร่วมมือทุกฝ่ายเพื่อยับยั้งการล่าเสือ

การล่าเสือผิดกฎหมาย คืออะไร?

การล่าเสือ ผิดกฎหมาย หมายถึง การล่าเสือโคร่งหรือสัตว์ป่าสงวนอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ หรือฝ่าฝืนพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ซึ่งครอบคลุมการล่าเพื่อเอาหนัง ฟัน กระดูก หรือลูกเสือไปเลี้ยงผิดกฎหมาย

การล่าเสือผิดกฎหมายไม่ใช่ปัญหาเฉพาะประเทศไทย แต่เป็นปัญหาระดับโลก โดยเฉพาะในเอเชียและรัสเซีย ซึ่งเสือโคร่งและเสือชนิดต่างๆ มีประชากรลดลงอย่างรวดเร็ว

สถานการณ์การล่า เสือผิดกฎหมาย ในโลกและไทย

สถานการณ์การล่าเสือผิดกฎหมายในโลก

  • ประชากรเสือโคร่งโลก: จากรายงานของ WWF ปี พ.ศ. 2565 พบว่า ประชากรเสือโคร่งทั่วโลกเหลือเพียงประมาณ 3,200 ตัว ลดลงกว่า 95% จากต้นศตวรรษที่ 20 (29 กรกฎาคม 2014) [1]
  • ประเทศที่มีการล่าเสือสูงสุด: อินเดีย รัสเซีย ไทย และบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ข้อมูลปี พ.ศ. 2564-2565 พบว่ามีการจับกุมผู้ล่าเสือผิดกฎหมายในหลายประเทศกว่า 100 ราย ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการค้าสัตว์ป่าสงวน

สถานการณ์การล่าเสือผิดกฎหมายในประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเสือโคร่งป่าชั้นสูงอยู่ในเขตรักษาพันธุ์และป่าสงวน เช่น ป่าตะวันตกและภาคเหนือ

  • สถิติปี พ.ศ. 2564: เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการล่าเสือและสัตว์ป่าสงวนได้มากกว่า 50 ราย
  • พื้นที่เสี่ยง: อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ป่าสะแกราช

การล่าเสือผิดกฎหมายในประเทศไทยมักเกี่ยวข้องกับการค้าหนังเสือ กระดูกเสือ และลูกเสือเพื่อขายผิดกฎหมาย

ต้นตอของปัญหา อะไรคือแรงจูงใจ ในการล่าเสือ?

การล่าเสือ ผิดกฎหมาย

การล่าเสือเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมานานในหลายภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะในเอเชียและแอฟริกา ซึ่งเสือถือเป็นสัตว์ที่มีความสวยงาม แข็งแรง และทรงอิทธิพลในธรรมชาติ แต่ในความงดงามเหล่านี้ กลับมีปัญหาแรงจูงใจที่ซับซ้อนซ่อนอยู่เบื้องหลังการล่าเสือ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชากรเสือลดลงอย่างรวดเร็ว

1. แรงจูงใจด้านเศรษฐกิจและการค้า
หนึ่งในแรงจูงใจหลักในการล่าเสือคือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หนังเสือมีราคาสูงในตลาดทั้งในและต่างประเทศ ถูกนำไปใช้ทำเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และของตกแต่งราคาแพง อวัยวะและชิ้นส่วนร่างกายของเสือ เช่น กระดูก ฟัน และอวัยวะภายใน ถูกนำไปใช้ในยาสมุนไพร หรือพิธีกรรมบางวัฒนธรรม โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออก ซึ่งมีความเชื่อว่าชิ้นส่วนเหล่านี้ สามารถเสริมพลังหรือบำรุงร่างกายได้

2. แรงจูงใจทางวัฒนธรรมและสัญลักษณ์
การล่าเสือไม่ใช่เพียงเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความเชื่อและสถานะทางสังคม ในอดีต การล่าเสือถือเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ ความแข็งแรง และความเป็นผู้มีอำนาจ ผู้ที่สามารถล่าเสือได้มักได้รับเกียรติยศและความนับถือในชุมชน อีกทั้งบางวัฒนธรรมยังเชื่อว่าอวัยวะบางส่วนของเสือ สามารถนำโชคลาภหรือพลังวิเศษมาให้

3. แรงจูงใจด้านความปลอดภัยและการปกป้องทรัพย์สิน
ในบางพื้นที่ การล่าเสือเกิดจากความจำเป็นด้านความปลอดภัย เนื่องจากเสืออาจเข้าใกล้หมู่บ้าน ทำร้ายสัตว์เลี้ยง หรือแม้กระทั่งคุกคามชีวิตมนุษย์ การล่าในลักษณะนี้มักเป็นการจัดการชั่วคราวเพื่อปกป้องชุมชนและทรัพย์สิน

4. แรงจูงใจเชิงกีฬาและการท้าทาย
การล่าสัตว์เพื่อความสนุกหรือล่าเหรียญรางวัล เป็นอีกแรงจูงใจที่ปรากฏชัดในบางประเทศ โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 19-20 การล่าเสือถือเป็นความท้าทายสำหรับนักล่า และเป็นการแสดงถึงความสามารถและความกล้าหาญ การได้หนังหรือหัวเสือถือเป็น รางวัลของความสำเร็จ

5. ปัญหาการจัดการทรัพยากรและการขาดความรู้
นอกจากแรงจูงใจโดยตรงแล้ว การล่าเสือยังเกิดจากปัญหาการจัดการทรัพยากร และความไม่รู้เกี่ยวกับความสำคัญของเสือต่อระบบนิเวศ เสือเป็นสัตว์ผู้ล่าชั้นสูงที่ช่วยควบคุมประชากรสัตว์อื่นๆ การลดจำนวนเสือลงอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลในธรรมชาติ

เจาะลึก หากเราล่าเสื้อผิดกฎหมาย จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

การล่าเสือผิดกฎหมายไม่ใช่แค่ทำร้ายสัตว์ป่า แต่เป็นการทำผิดกฎหมายร้ายแรง กระทบต่อธรรมชาติ ระบบนิเวศ เศรษฐกิจ และสังคมโดยรวม ผู้ที่กระทำมักต้องรับโทษหนัก และส่งผลเสียระยะยาวทั้งต่อตนเอง และส่วนรวม การล่าเสือยังเปิดช่องให้เกิดเครือข่ายอาชญากรรม ด้านสัตว์ป่าที่เชื่อมโยงกับการลักลอบค้า การทุจริตและกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ

ผลกระทบ ของการล่าเสือ ผิดกฎหมาย

1. สูญพันธุ์และระบบนิเวศเสื่อมโทรม
เสือโคร่งเป็นนักล่าชั้นสูง การลดจำนวนเสือทำให้ประชากรสัตว์กินพืชเพิ่มขึ้น ส่งผลให้พืชพันธุ์ในป่าลดลงและระบบนิเวศเสียสมดุล

  • ตัวอย่าง: หากไม่มีเสือ ป่าจะเต็มไปด้วยกวางและสัตว์กินพืชอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้ต้นไม้และพืชพันธุ์พื้นถิ่นถูกทำลาย

2. ผลกระทบต่อความปลอดภัยของมนุษย์
การล่าเสือและการทำลายป่าอาจทำให้สัตว์ป่าเข้าใกล้ชุมชนมากขึ้น เกิดอุบัติเหตุกับมนุษย์ เช่น เสือหรือสัตว์ป่ากลับเข้าหมู่บ้านเพื่อหาอาหาร

3. ผลทางกฎหมายและเศรษฐกิจ

  • การล่าเสือผิดกฎหมายถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง
  • ผู้กระทำผิดอาจถูกปรับสูง จำคุกหลายปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • การค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายทำลายภาพลักษณ์ประเทศ และลดรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

แนวทางป้องกัน และการอนุรักษ์เสือป่า

วันอนุรักษ์เสือโคร่งถูกกำหนดขึ้นใน ปี พ.ศ.2553 เพื่อเน้นความสำคัญของเสือโคร่งในระบบนิเวศและสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ ปกป้อง และคุ้มครองเสือโคร่ง การควบคุมประชากรสัตว์กินพืช ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ หากมีเสือโคร่งน้อยเกินไปหรือมากเกินไป จะส่งผลกระทบต่อประชากรสัตว์และระบบนิเวศ การรักษาจำนวนเสือโคร่งจึงสำคัญต่อความสมบูรณ์ของป่าและระบบนิเวศโดยรวม (2022) [2]

1. บังคับใช้กฎหมายเข้มงวด
เจ้าหน้าที่ควรจับกุมผู้ล่าสัตว์ป่าผิดกฎหมายและลงโทษอย่างจริงจัง

2. อนุรักษ์ถิ่นที่อยู่อาศัยของเสือ

  • สร้างเขตรักษาพันธุ์และป้องกันการบุกรุกป่า
  • พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติให้เพียงพอสำหรับเสือและสัตว์อื่นๆ

3. สร้างความตระหนักรู้ในสังคม
ประชาชนควรตระหนักถึงความสำคัญของเสือและผลกระทบจากการล่าสัตว์ป่า

4. ความร่วมมือระหว่างประเทศ
เนื่องจากการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายมักข้ามพรมแดน การร่วมมือระหว่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็น

คำแนะนำสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว

  • ไม่สนับสนุนการซื้อขายสินค้าที่ทำจากสัตว์ป่าสงวน
  • รายงานการล่าและการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายให้เจ้าหน้าที่
  • สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อช่วยฟื้นฟูป่าและประชากรสัตว์ป่า

การล่าเสือ มีความผิด ทางกฎหมาย ยังไง?

การล่าเสือถือว่า ผิดกฎหมาย เพราะเสือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ จึงมีกฎหมายคุ้มครองอย่างเข้มงวดในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย โดยผิดกฎหมายในลักษณะต่อไปนี้

1. ผิดตามกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า
ในประเทศไทย เสือเป็นสัตว์ป่าสงวน/สัตว์ป่าคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งระบุชัดว่า ห้ามล่า ห้ามฆ่า ห้ามครอบครอง ห้ามค้า ห้ามนำเข้าส่งออก การกระทำข้างต้นทั้งหมดถือว่าผิดกฎหมายโดยตรง หากฝ่าฝืน จะมี โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (19 กันยายน 2022) [3]

2. ผิดเพราะเสือเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ตามกฎหมายระหว่างประเทศ
เสือทุกชนิดถูกขึ้นบัญชีไว้ใน CITES (อนุสัญญาว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์) อยู่ในบัญชีที่ห้ามค้าระหว่างประเทศ การล่าเพื่อนำชิ้นส่วนออกขายจึงเป็นความผิดระดับสากลด้วย

3. ผิดเพราะการใช้เครื่องมือและอาวุธล่าสัตว์ป่า
การใช้ปืนดัดแปลง กับดัก หรืออุปกรณ์ล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์ หรืออุทยานแห่งชาติถือเป็นความผิดเพิ่มเติม ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ, พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และกฎหมายควบคุมอาวุธปืน

4. ผิดเมื่อครอบครองชิ้นส่วนเสือ
แม้ไม่ได้เป็นคนล่าโดยตรง แต่ถ้า มีหนังเสือ มีฟัน กระดูก อวัยวะ ซื้อ-ขาย ขนส่ง ก็ถือว่าผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน เพราะถือว่าเกี่ยวข้องกับการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย

5. ผิดแม้เพียงพยายามล่า
แค่เข้าป่าเพื่อเตรียมล่า หรือมีอุปกรณ์ที่บ่งบอกเจตนา ก็อาจถูกดำเนินคดีได้ตามเจตนากระทำผิด

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ได้ที่ library.parliament

สรุป การล่าเสือ ผิดกฎหมาย นักล่าในตลาดมืด สัตว์ป่า

การล่าเสือ ผิดกฎหมาย คือการจับหรือฆ่าเสือโดยฝ่าฝืน กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการส่วนประกอบของเสือ เช่น หนัง เขี้ยว และอวัยวะต่างๆ การกระทำนี้ทำให้จำนวนเสือลดลงอย่างรวดเร็วและคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพ หลายประเทศจึงเพิ่มมาตรการปราบปรามและรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์เสือ

จะป้องกัน การล่าเสือผิดกฎหมาย ได้อย่างไร?

การป้องกันการล่าเสือผิดกฎหมาย ทำได้ด้วยการเพิ่มการลาดตระเวน และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในพื้นที่อนุรักษ์ ควรสร้างความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่น ให้มีรายได้ทางเลือกแทนการล่าสัตว์ ใช้เทคโนโลยี เช่น กล้องดักถ่ายและระบบติดตาม เพื่อตรวจจับการบุกรุกอย่างทันท่วงที พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึง ความสำคัญของการอนุรักษ์เสือ และผลกระทบจากการล่าผิดกฎหมาย

การล่าสัตว์ ผิดกฎหมาย มีบทลงโทษอย่างไร?

ในประเทศไทย การล่าเสือหรือสัตว์ป่าคุ้มครองถือว่าผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 (และฉบับก่อนหน้า) กำหนดโทษไว้ชัดเจน คือ หากได้กระทำการล่าสัตว์ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะวิธีใด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง