Cherry tomato หรือมะเขือเทศเชอร์รี เป็นหนึ่งในผลไม้ยอดนิยม ที่พบในครัวเรือนทั่วโลก ด้วยขนาดเล็กกะทัดรัด สีสันสดใส และรสชาติที่หวานกรอบ ทำให้มะเขือเทศเชอร์รี ไม่เพียงแต่เป็นวัตถุดิบ ที่น่าสนใจ ในการทำอาหาร แต่ยังเป็นของว่าง ที่มีประโยชน์อีกด้วย
มะเขือเทศเชอร์รี มีที่มาจากอเมริกาใต้ เป็นกลุ่มสายพันธุ์หนึ่งของมะเขือเทศ การนิยมใช้มะเขือเทศเชอร์รี ในอาหารตะวันตก เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ 20 เนื่องจากความหลากหลาย ของสีสัน และรสชาติ ที่สามารถเพิ่มความคุณค่า และความสนุกสนาน ให้กับจานอาหาร
มะเขือเทศเชอร์รีอุดมไปด้วยวิตามิน C, โพแทสเซียม และไลโคปีน สารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ [1] และลดความเสี่ยง ของโรคมะเร็งบางชนิด นอกจากนี้ ยังมีเส้นใยอาหาร ที่ช่วยในระบบย่อยอาหาร และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ในมะเขือเทศเชอร์รี 100 กรัม มี 18 kilocalories และปริมาณสารอาหารอื่นๆ ดังนี้
ที่มา : มากกว่าผิวสวย [2]
มะเขือเทศเชอร์รีมีรสชาติหวาน และเปรี้ยวเล็กน้อย พร้อมกับเนื้อสัมผัสกรอบ ที่ทำให้เป็นที่ชื่นชอบ ไม่เพียงแต่ในการทานสด แต่ยังใช้เป็นส่วนประกอบในสลัด อาหารอบ หรือแม้กระทั่งการปรุง เป็นซอสมะเขือเทศ มะเขือเทศเชอร์รีสามารถหา ซื้อได้ง่ายทั่วไป มีราคาถูกเข้าถึงได้ง่าย โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ
ที่มา : มะเขือเทศเชอรี่ [3]
มะเขือเทศเชอร์รีสามารถนำมาใช้งานได้หลากหลาย ในการทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็นสลัด, พาสต้า, หรืออาหารอบ ที่ต้องการความสดชื่น จากผลไม้ รวมถึงการทานสด เพื่อรับประโยชน์ จากวิตามิน และเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้มะเขือเทศเชอร์รี ในการตกแต่งจานอาหาร เพื่อเพิ่มสีสัน และความน่ากิน
ควรระวังในบางกรณี เช่น บุคคลที่มีปัญหาสุขภาพ เกี่ยวกับกรดในกระเพาะอาหาร อาจต้องลดการบริโภคมะเขือเทศ ที่มีรสเปรี้ยว นอกจากนี้ ควรล้างมะเขือเทศเชอร์รีอย่างสะอาด ก่อนบริโภค เพื่อลดความเสี่ยงจากสารเคมี และแบคทีเรีย ที่อาจตกค้างบนผิว
มะเขือเทศเชอร์รี เพิ่มสีสันที่สวยงามให้กับจานอาหาร และเต็มไปด้วยประโยชน์ ทางโภชนาการ ที่สำคัญต่อสุขภาพ เช่น วิตามิน, แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ การนำมะเขือเทศเชอร์รี มาใช้ในการทำอาหาร เป็นวิธีที่ดี ในการเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการในมื้ออาหาร