
ข้อมูลสมอง กับการพนัน เข้าใจโลกของการเดิมพัน
- J. Kanji
- 21 views

ข้อมูลสมอง กับการพนัน แสดงให้เห็นว่าสมอง ไม่ได้คิดแค่เรื่องชนะหรือแพ้ แต่ทำงานร่วมกันหลายส่วน ทั้งความจำ อารมณ์ เหตุผล และระบบรางวัล ภายในเสี้ยววินาที การพนันจึงเป็นมากกว่าความบันเทิง เพราะสะท้อนการตอบสนอง ของสมองต่อความคาดหวัง และแรงกระตุ้น ในทุกจังหวะของเกม
สมองส่วนไหนที่ทำงานเวลาพนัน ?
ช่วงที่ สมองตอน หลุดโฟกัส ในคาสิโน เป็นจังหวะที่สมาธิของผู้เล่น เริ่มสั่นคลอนจากแรงกระตุ้นรอบตัว สมองส่วนเหตุผลจึงอ่อนแรงลง และเปิดทางให้ความรู้สึกตื่นเต้น เข้าครอบงำ ตอนที่เราวางเดิมพัน สมองจะสลับเปิดหลายระบบพร้อมกัน เหมือนวงออร์เคสตราที่มีทั้งเสียงสงบ และเสียงเร้า
- Prefrontal cortex (PFC) — ศูนย์กลางของเหตุผล และการควบคุมตัวเอง ถ้าส่วนนี้ทำงานดี เราจะรู้ว่า “พอแค่นี้” แต่ในผู้เล่นที่เล่นหนัก สมองส่วนนี้จะทำงานน้อยลง ทำให้เส้นแบ่งระหว่างความสนุก กับความเสี่ยงเริ่มพร่า (3 กันยายน 2015) [1]
- Striatum — ส่วนหนึ่งของระบบรางวัล (reward circuit) สมองส่วนนี้ เกี่ยวข้องกับความรู้สึก “ได้” “ชนะ” “คาดหวัง” โดยพบว่าเวลาเล่นการพนัน ระบบรางวัลนี้ถูก “กด” หรือ “กระตุ้น” แตกต่างจากกิจกรรมทั่วไป
- Amygdala — ควบคุมอารมณ์ และความตื่นเต้น โดยเฉพาะเวลาลุ้น หรือเกือบได้รางวัล
- Anterior cingulate cortex (ACC) — ตรวจสอบความผิดพลาด และความเสี่ยง แต่ในผู้เล่นติดพนัน พบว่าทำงานช้ากว่าปกติ
พูดง่าย ๆ คือขณะพนันสมองส่วน “เหตุผล” กับส่วน “ความอยาก” ต้องต่อสู้กันตลอดเวลา และส่วนหลังมักชนะ เมื่อความตื่นเต้นเริ่มเข้าครอบงำ สมองจะลดการทำงาน ของเหตุผลลงชั่วขณะ ทำให้เราตัดสินใจเร็ว และเสี่ยงมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว การรับรู้ถึงวงจรนี้ จึงเป็นก้าวแรก ในการควบคุมพฤติกรรมให้ดีขึ้น
ระบบรางวัล Dopamine เหตุผลที่สมองชอบความเสี่ยง
ในภาวะ Flow State นักพนันมืออาชีพ สมองจะจดจ่ออยู่กับการเล่นอย่างเต็มที่ จนรู้สึกเหมือนเวลาช้าลง หรือหยุดนิ่ง ซึ่งเชื่อมโยงกับการทำงาน ของโดปามีนในช่วงคาดหวังผลที่สูงขึ้น โดปามีน (Dopamine) คือสารเคมีที่ทำให้เรารู้สึกดี เมื่อได้รางวัล ไม่ว่าจะเป็นการชนะเกม หรือได้กินของอร่อย
แต่ในการพนัน มันมีลูกเล่นซับซ้อนกว่านั้น นักประสาทวิทยาพบว่า สมองจะปล่อยโดปามีนสูงที่สุดใน “ช่วงคาดหวัง” มากกว่าตอนที่ชนะจริง เช่น ตอนลูกเต๋ากำลังหมุน หรือไพ่กำลังเปิด ความรู้สึกนี้ทำให้ผู้เล่น อยากอยู่ในเกมต่อเรื่อย ๆ
และเมื่อสมองได้รับโดปามีนซ้ำ ๆ มากเกินไป มันจะเริ่มชิน (เรียกว่า tolerance) ทำให้ต้องการการกระตุ้นมากกว่าเดิม ถึงจะรู้สึกตื่นเต้นเท่าเดิม จุดนี้เองที่หลายคนเริ่มเล่นนานขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว
เมื่อสมองเริ่มติดพฤติกรรมเสี่ยง

ในสถานการณ์ที่ผู้เล่น อยู่ร่วมโต๊ะกับคนอื่น สมองอาจเกิดการทำงานของ Mirror Neuron ในโต๊ะคาสิโน ซึ่งทำให้เรามีแนวโน้ม เลียนแบบอารมณ์ ท่าทาง หรือความตื่นเต้นของคนรอบข้างโดยไม่รู้ตัว ส่งผลต่อการตัดสินใจ และเพิ่มแรงกระตุ้นให้เสี่ยงมากขึ้น การพนันซ้ำ ๆ ไม่ได้กระตุ้นแค่สารเคมี แต่ยัง “เปลี่ยนวงจรการคิด” ของสมองจริง ๆ
ตอนแรกอาจเป็นเพียงความสนุก แต่เมื่อสมองจดจำความตื่นเต้นนั้นไว้ มันจะส่งสัญญาณให้ “อยากกลับมาทำอีก” คล้ายกับพฤติกรรมเสพติดอื่น ๆ เช่น ช็อกโกแลต หรือสารเสพติด ผลที่ตามมาคือ สมองส่วนเหตุผล (PFC) ควบคุมอารมณ์ได้น้อยลง ระบบรางวัลตอบสนองเร็วเกินไป เมื่อหยุดเล่นจะรู้สึก “เบื่อ” หรือ “ว่างเปล่า” เพราะโดปามีนตกฮวบ
งานวิจัยปี 2014 ของ A. E. Goudriaan และคณะ รายงานว่าผู้ที่มีภาวะ Gambling Disorder มีการทำงานของ prefrontal cortex และ anterior cingulate cortex ลดลงเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม ซึ่งสะท้อนถึงการควบคุม แรงกระตุ้นที่อ่อนลง และเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญ ที่ทำให้เกิดการติดพนัน (20 พฤษภาคม 2014) [2]
เกมถูกออกแบบให้สมองติดได้อย่างไร ?
สมองกับ บรรยากาศ ในโต๊ะพนัน มีบทบาทร่วมกัน ในการกระตุ้นความอยากเล่น นักออกแบบเกมคาสิโน รู้ดีว่าความลับอยู่ที่ “สมองมนุษย์” พวกเขาไม่ได้ขายแค่เกม แต่ขายความรู้สึกที่สมองเรียกร้อง ฟีเจอร์ที่ใช้กระตุ้นระบบรางวัล ของสมองมีอยู่หลายแบบ เช่น
- Near-miss (เกือบชนะ) — แม้ไม่ได้รางวัลจริง แต่สมองปล่อยโดปามีน เหมือนชนะ เพราะรู้สึก “ใกล้มาก”
- แสงและเสียง — เสียงเหรียญตก ไฟกะพริบ หรือ เอฟเฟกต์ชนะ ช่วยกระตุ้นสมองส่วนรางวัลอย่างแรง
- Illusion of Control — เมื่อผู้เล่นได้กดปุ่ม หรือเลือกเอง สมองจะคิดว่า “เราควบคุมผลได้” แม้เป็นการสุ่มจริง ๆ
- ระบบสะสมแต้ม และโบนัสต่อเนื่อง — ทำให้สมองไม่รู้ว่าควร “หยุดเมื่อไร” เพราะมีรางวัลถัดไปให้รอ
ทั้งหมดนี้คือการ “ออกแบบเพื่อสมอง” โดยเฉพาะ แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ออกแบบเกมไม่ได้เพียงสร้าง เพื่อความบันเทิง แต่ยังเข้าใจกลไกทางจิตวิทยา และประสาทวิทยาอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้ผู้เล่นเกิดแรงจูงใจ และอยากอยู่ในเกมนานขึ้น
ผลกระทบระยะยาวของการพนันต่อสมอง
ในงาน UCLA Health ปี 2021 รายงานว่า สมองของผู้ที่เล่นพนันเรื้อรัง มีการทำงานของ prefrontal cortex ต่ำลง และ ventral striatum ตอบสนองน้อยลงกว่าเดิม เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (28 ธันวาคม 2021) [3] ซึ่งหมายความว่า สมองเริ่ม “ชาชิน” ต่อความสุข และต้องการการกระตุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ผลทางจิตใจก็ตามมา เช่น
- เครียดง่ายขึ้น
- สมาธิสั้น
- ควบคุมอารมณ์ยาก
- มีแนวโน้มเกิดภาวะซึมเศร้า หรือวิตกกังวล
ในทางกายภาพ สมองอาจไม่เสียหายแบบถาวร เหมือนสารเสพติดรุนแรงแต่ “วงจรพฤติกรรม” ที่ฝังแน่นไว้จะยากต่อการเปลี่ยน การกลับมาควบคุมพฤติกรรมเหล่านี้ ต้องอาศัยเวลา และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง สมองสามารถปรับตัวได้ แต่ต้องผ่านกระบวนการฟื้นฟู เช่น การฝึกสมาธิ และการเปลี่ยนรูปแบบรางวัล ในชีวิตประจำวัน
ดูแลสมองอย่างไรไม่ให้การพนันครอบงำ ?
ในกระบวนการนี้ Serotonin กับความอดทน ในเกมพนัน ก็มีบทบาทสำคัญ เพราะผู้เล่นที่ฝึกใจเย็น จะสามารถรักษาสมดุล ของสารสื่อประสาทชนิดนี้ได้ดีขึ้น ช่วยควบคุมอารมณ์ และลดแรงกระตุ้น ให้อยู่ในจุดที่สมเหตุสมผล สิ่งสำคัญไม่ใช่การห้ามเล่น แต่คือ “รู้ตัวว่ากำลังเล่นแบบไหน”ลองเริ่มจากแนวทางง่าย ๆ เหล่านี้
- กำหนด “เวลา” และ “งบประมาณ” ชัดเจนก่อนเล่น
- หยุดทันทีเมื่อรู้สึกว่าเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ได้
- ฝึกสมาธิหรือ mindfulness วันละนิด เพื่อให้สมองส่วน PFC แข็งแรงขึ้น
- หลีกเลี่ยงการพนันตอนเครียด เหนื่อย หรืออารมณ์ไม่มั่นคง
- ถ้าเริ่มรู้สึก “อยากเล่นทั้งที่ไม่อยากได้รางวัล” หรือ “รู้ว่าเสียแต่ยังเล่น” ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
การให้เวลากับการสังเกตความคิด และอารมณ์ในแต่ละวัน ช่วยให้เรารู้ทันสัญญาณของความอยาก และความตื่นเต้น ก่อนที่จะเผลอตัดสินใจเสี่ยง งานวิจัยของ Gotink และคณะ ปี 2016 พบว่า การฝึกสติอย่างต่อเนื่อง 8 สัปดาห์ ช่วยเพิ่มการทำงานของสมองส่วน prefrontal cortex และลดพฤติกรรมเสี่ยงได้จริง
ข้อมูลสมอง กับการพนัน กับบทสรุป
ข้อมูลสมอง กับการพนัน ชี้ให้เห็นว่าสมองของเรา ถูกออกแบบมาให้ “รักความไม่แน่นอน” และนั่นคือเหตุผลที่การพนัน สามารถดึงดูดคน ได้ทุกยุคทุกสมัย ความเข้าใจนี้ช่วยให้เรารู้ว่า ทำไมมันถึงเสี่ยง และเราสามารถควบคุมได้อย่างไร หากเราเข้าใจสมองของตัวเองดีพอ เราก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของมัน
สมองตอบสนองอย่างไร ในช่วงที่กำลังลุ้นผลเดิมพัน ?
สมองจะปล่อยโดปามีน ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงคาดหวังผลที่ใกล้ชนะ ภาวะนี้ทำให้ผู้เล่นรู้สึกจดจ่อ และตื่นเต้นกว่าตอนชนะจริง คล้ายกับอาการ Flow State ที่เกิดในนักพนันมืออาชีพ เมื่อสมองอยู่ในโหมดโฟกัสสูงสุด
ทำไมบางคนถึงติดง่ายกว่าคนอื่น ?
เพราะแต่ละคนมีโครงสร้างสมอง และสมดุลของสารสื่อประสาทต่างกัน โดยเฉพาะโดปามีน และเซโรโทนิน หากสมองส่วนควบคุมตนเองอย่าง prefrontal cortex ทำงานน้อยลง ก็จะต้านแรงกระตุ้นได้ยากขึ้น ส่งผลให้เสี่ยง ต่อการติดพฤติกรรมพนันมากกว่า


