Menu
ซูโม่ หรือ มวยปล้ำ นั้นถือว่าเป็นกีฬาประจำชาติของญี่ปุ่น [1] โดยความเป็นมาของ SUMO นั้นจะเริ่มจาก ศตวรรษที่ 8 ซึ่งจะมีในวังหลวงเท่านั้น โดยตอนแรกเป็นการสร้างความบันเทิง แก่ชาว วังในเกียวโต จนได้พัฒนามาเป็นกีฬาในปัจจุบัน แต่ก็ยังยึดประเพณีในอดีตไว้คงเดิม เพราะเนื่องจาก มีประวัติที่ยาวนานมากถึง 1500 ปี
ซึ่ง การต่อสู้ นั้นจะต้องมีรูปร่างที่ใหญ่ ห้ามมีน้ำหนักต่ำกว่า 75 กิโลกรัม โดยทั้งสองฝ่ายต้องทำให้ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง ล้มลงไปกับพื้นให้ได้ ซึ่งต้องทำให้อวัยวะส่วนใด ส่วนหนึ่ง นอกจากฝ่าเท้าเท่านั้นที่ไม่เกี่ยว ซึ่งโลกของนักซูโม่ นั้นถ้าไปถึงจุดสูงสุดก็คือการได้เป็น โยโกสุนะ ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด
โดยการ แข่งขันนั้น จะเริ่มเพียงปีละ 6 ครั้งเท่านั้น โดยเหล่านักกีฬาก็จะมีการเก็บตัว และ สร้างหุ่นตัวเองให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยเดือนที่จะแข่งจะมีเดือน มีนาคม มกราคม พฤษภาคม กรกฎาคม กันยายน พฤศจิกายน
เป็นกีฬาที่ต้องมีรูปร่างอ้วนใหญ่ [2] ซึ่งจะต้องใช้น้ำหนักที่เยอะมาก ในการจะเข้ามาแข่งขันกีฬาชนิดนี้ เป็นกีฬาที่ใช้พลัง และ การวัดกำลังของแต่ฝ่าย โดยต้องมีส่วนสูงที่ไม่ต่ำกว่า 165 เซนติเมตร พร้อมกับน้ำหนัก ที่ต้องเกิน 75 กิโลกรัม เรื่องอายุนั้นจะต้องมีอายุที่มากกว่า 23 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกีฬาที่สามารถเล่นได้เฉพาะผู้ชาย
นักกีฬา สายมืออาชีพ นั้นต้องได้รับการฝึกฝนที่ Heya พร้อมกับการฝึกที่เคร่งครัดอย่างยิ่ง อาหารก็จะมีการจัดไว้ให้ ซึ่งอาหาร ที่เหล่านักกีฬาชอบเป็นอย่างมากนั้น และ ยังมีประโยชน์อีกด้วย ซึ่งจะมีอยู่เมนูหนึ่งที่เหล่านักกีฬาชอบมากก็คือ
จังโกะนาเบะ เป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยปริมาณที่มหาศาล พร้อมกับอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ โดยกีฬานี้นั้นเชื่อว่าการแข่งขันนั้นต้องยืนสองขา เกือบตลอดเวลา โดยความเชื่อก็บอกว่าการที่ จะกินเนื้อสัตว์ควรกินสัตว์ที่มี 4 ขา เพื่อจะเป็นสิ่ง มงคลต่อการแข่งขัน
ในการแข่งขัน ซูโม่ นั้นจะมีหลายองค์ประกอบมากมาย โดยการแข่งขันครั้งหนึ่งของกีฬานี้นั้นจะไม่มีการแบ่ง น้ำหนัก แต่จะประชันเรื่องของ กำลัง และ เทคนิคของแต่ละคน
เวทีซูโม่ จะเป็นสังเวียนที่ทำมาจากดิน ที่ทำเป็นสี่เหลี่ยม โดยตรงกลางจะมีวงกลมที่ ทำจากเชือกฟาง โดยจะเรียกว่า โดะเฮียว ซึ่งในสนามนี้มาจากพิธีกรรมทางศาสนา จึงเลยห้ามไม่ให้ผู้หญิงเหยียบเข้าไป
กติกานั้น จะกำหนดอยู่ที่ว่าใคร นั้นจะอยู่นอกวงกลม หรือ มีส่วนใดในร่างกายได้สัมผัสกับพื้น เช่น มือแตะพื้น หรือ ล้ม ก็ถือว่าแพ้ทันที โดยก่อนแข่งขันนั้นจะต้อง ทำพิธีกรรมที่เอาเกลือมาโรยเพื่อการชำระล้างในความเชื่อทางศาสนา หลังจากที่กรรมการ ให้สัญญาณก็จะพุ่งเข้าประชันกันทันที
ข้อห้าม ที่ไม่ควรทำ ในการแข่งขันนั้น ห้ามใช้การต่อย หรือ ถีบ อย่างเด็ดขาด หากทำก็จะถูกปรับแพ้ทันที โดยการต่อสู้นั้นจะสามารถใช้เทคนิคที่ได้ฝึกฝนมาเท่านั้น อย่างเช่น การผลัก ยกคู่ต่อสู้ หรือจะเป็นการพุ่งเข้ากระแทกอย่างรุนแรง
ยูทากะ ฮากิวาระ โดยจะมีฉายาว่า คิเซโนะซาโตะ [3] ผู้ที่มีตำแหน่งถึง ชั้นโยโกสุนะ โดยสามารถคว้าแชมป์การแข่งขันรายการแรกมาได้ในปี 2017 โดยตัวเขาได้กล่าวว่าการที่เป็นแชมป์ได้นั้น “มาจากแรงใจ ของบรรดาผู้สนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นครูฝึก หรือ กำลังใจที่ดีจากคนรอบข้าง” จนได้แชมป์ระดับสูงมาครอง
โดยเขาเป็นคนแรกของ ญี่ปุ่น ที่สามารถครองแชมป์ ซูโม่ ได้ โดยเป็นคนที่ 4 ซึ่งก่อนหน้านั้นล้วนเป็นชาว มองโกเลีย กันทั้งหมด เขาก็สามารถสร้างความฮือฮา ให้กับชาวญี่ปุ่น ได้อย่างมากมหาศาล เลยทีเดียว
เนื่องจาก ซูโม่ นั้นได้ก่อให้เกิดขึ้นจากเพียงแค่สร้างความบันเทิง จนได้เข้าสู่การเป็นกีฬาประจำชาติญี่ปุ่น รวมถึงกีฬาชนิดนี้นั้นจะต้องมีข้อกำหนดสำหรับคนที่จะเป็นนักกีฬาซูโม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหนัก หรือ จะเป็นเรื่องความสูง รวมไปถึงต้องเคารพกติกา ของกีฬานี้อีกด้วย เมื่อปีที่ผ่านมาก็ได้มีแชมป์รุ่นโยโกสุนะ ที่เป็นชาวญี่ปุ่นคนแรก
