ถั่วที่มีโอเมก้า3และ6 ถั่วเป็นแหล่งของกรดไขมันที่สำคัญ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มพลังงาน แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน โดยเฉพาะกรดไขมันโอเมก้า-3 โอเมก้า-6 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ ในการรักษาสมดุล และการทำงานของร่างกาย บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับถั่วที่มีโอเมก้า-3 โอเมก้า-6
โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่มีหลายชนิด ซึ่งที่สำคัญได้แก่ Alpha-Linolenic Acid, ALA พบมากในพืช เช่น เมล็ดแฟลกซ์, chia seeds, วอลนัท Eicosapentaenoic Acid, EPA พบมากในปลาทะเล เช่น แซลมอน,Mackerel และ Docosahexaenoic Acid, DHA พบมากในปลาทะเลเช่นเดียวกับ EPA และมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของสมอง
แนะนำให้บริโภคโอเมก้า-3 ประมาณ 250-500 มิลลิกรัมของ EPA และ DHA รวมกันต่อวัน สำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งสามารถได้รับจากการรับประทานปลาที่มีไขมันสูง อย่างน้อยสองครั้งต่อสัปดาห์1 สำหรับ ALA (alpha-linolenic acid) แนะนำให้บริโภค 1.6 กรัมต่อวันสำหรับผู้ชายและ 1.1 กรัมต่อวันสำหรับผู้หญิง
โอเมก้า 3 มีความสามารถ ในการลดการอักเสบ ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีทั้งโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ในสัดส่วนที่เหมาะสม จะช่วยรักษาสมดุลและป้องกันโรคต่างๆ [1]
โอเมก้า-6 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวอีกชนิดหนึ่งที่สำคัญ ที่พบมากในน้ำมันพืช เช่นน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด โดยกรดไขมันโอเมก้า-6 ที่สำคัญ ได้แก่ Linoleic-Acid, LA Arachidonic-Acid, AA ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้ จากกรด Linoleic
แนะนำให้บริโภคโอเมก้า-6 ประมาณ 10 กรัมต่อวันของกรด LA สำหรับผู้ใหญ่ การบริโภคโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ในสัดส่วนที่สมดุล เป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพ เนื่องจากโอเมก้า-6 มีความสามารถในการเพิ่มการอักเสบ เมื่อบริโภคมากเกินไป [2]
การเพิ่มเฮเซลนัท, ถั่วแระญี่ปุ่น, และวอลนัทในอาหารประจำวันสามารถทำได้ง่ายๆ เช่น การโรยถั่วเหล่านี้ในสลัดหรือโยเกิร์ต หรือรับประทานเป็นของว่างระหว่างมื้อ นอกจากจะช่วยเพิ่มปริมาณโอเมก้า 3 และ 6 ให้กับร่างกายแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ และระบบประสาทอีกด้วย
ที่มา: โอเมก้า 3 [3]
เฮเซลนัท, ถั่วแระญี่ปุ่น, และวอลนัทเป็นถั่วที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ การรับประทานถั่วเหล่านี้เป็นประจำ จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และสนับสนุนการทำงานของสมองและหัวใจ ดังนั้นการรวมถั่วเหล่านี้เข้าไปในอาหารประจำวัน จึงเป็นทางเลือกที่ดี ในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม