
บราซิลนัท มีวิตามินอี หนึ่งในถั่ว Superfood
- Fiona
- 25 views

บราซิลนัท มีวิตามินอี (Brazil Nut) เป็นถั่วที่มีชื่อเสียง ในด้านคุณค่าทางโภชนาการสูง และมักได้รับการยกย่องว่าเป็น “Superfood” ด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพที่หลากหลาย หนึ่งในสารอาหารที่สำคัญ ที่พบได้ในบราซิลนัทก็คือ วิตามินอี (Vitamin E) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูง มีความสำคัญต่อสุขภาพมากมาย
บราซิลนัท มีวิตามินอี Brazil Nut คืออะไร
บราซิลนัทคือ เมล็ดที่มาจากต้นไม้บราซิลนัท (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bertholletia excelsa) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ และสูงมาก สามารถสูงได้ถึง 50 เมตร พบได้ทั่วไปในป่าฝนเขตร้อน ในทวีปอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในประเทศบราซิล โบลิเวีย และเปรู เมล็ดบราซิลนัท มักจะถูกเก็บเกี่ยวจากธรรมชาติ
พืชตระกูลไหน บราซิลนัทจัดอยู่ในวงศ์ Lecythidaceae ซึ่งเป็นวงศ์ของพืชดอก ที่มีลักษณะเฉพาะตัวเช่น การมีผลที่เป็นฝัก ที่มีเปลือกหนา และแข็งมาก ภายในฝักมีเมล็ด ที่เป็นแหล่งอาหารสำคัญ สำหรับสัตว์หลายชนิด นอกจากนี้ยังมีเมล็ด ที่มนุษย์ใช้บริโภคเป็นอาหาร [1]
บราซิลนัทมีวิตามินอี ปริมาณวิตามินอีที่ในบราซิลนัท
บราซิลนัทเป็นหนึ่งในแหล่งธรรมชาติ ที่ดีที่สุดของวิตามินอีเช่นเดียวกับ อัลมอนด์ มีวิตามินอี และ ถั่วลิสง มีวิตามินอี โดยเฉพาะอัลฟา-โทโคเฟอรอล (alpha-tocopherol) ซึ่งเป็นรูปแบบของวิตามินอี ที่มีความสามารถ ในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีที่สุด วิตามินอีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งทำหน้าที่ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์ จากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระคือโมเลกุลที่ไม่เสถียร ซึ่งสามารถทำลายเซลล์ และส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ เช่นโรคหัวใจ มะเร็ง และโรคเกี่ยวกับระบบประสาท การบริโภคบราซิลนัท จึงเป็นวิธีที่ดี ในการเสริมวิตามินอีให้แก่ร่างกาย เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเหล่านี้ โดยบราซิลนัทมีวิตามินอีประมาณ 5.73 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม หรือประมาณ 38% [2]
บราซิลนัทมีวิตามินอี และประโยชน์วิตามินอีในบราซิลนัท
- การป้องกันโรคหัวใจ และหลอดเลือด วิตามินอีในบราซิลนัทมีบทบาทสำคัญ ในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชัน ของคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ช่วยระบบการไหลเวียนของเลือด ทำงานได้ดีขึ้น
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน วิตามินอีช่วยกระตุ้นการทำงาน ของระบบภูมิคุ้มกัน โดยช่วยให้ร่างกายมีความสามารถ ในการต่อสู้กับเชื้อโรค และการติดเชื้อต่างๆ ได้ดีขึ้น การบริโภคบราซิลนัทเป็นประจำ สามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคที่เกิดจากการติดเชื้อได้
- บำรุงผิวพรรณ วิตามินอีมีคุณสมบัติ ในการบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น และยืดหยุ่น ช่วยลดการอักเสบ และป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย บราซิลนัทเป็นแหล่งของวิตามินอี ที่สามารถช่วยบำรุงผิว ให้ดูอ่อนเยาว์ และสดใสได้เป็นอย่างดี
- ป้องกันมะเร็ง ด้วยคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ที่แข็งแกร่ง วิตามินอีในบราซิลนัท สามารถช่วยลดความเสี่ยง ในการเกิดมะเร็งหลายชนิด เช่นมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยการลดความเสียหาย ที่เกิดจากอนุมูลอิสระในเซลล์ และเนื้อเยื่อ
- บำรุงสายตา วิตามินอีมีบทบาท ในการป้องกันความเสื่อมของดวงตา ที่เกิดจากอายุ เช่นโรคจอประสาทตาเสื่อม (macular degeneration) การบริโภคบราซิลนัทเป็นประจำ จะช่วยให้สายตามีสุขภาพที่ดี และป้องกันโรค ที่เกี่ยวข้องกับอายุได้
ที่มา: ถั่วบราซิล [3]
บราซิลนัทมีวิตามินอี ตัวอย่างเมนูจากบราซิลนัท

- สลัดบราซิลนัท เพิ่มบราซิลนัทบดหรือสับ ลงในสลัดเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสกรอบ และสารอาหาร เช่นสลัดผักโขมและสตรอว์เบอร์รี ใส่บราซิลนัทลงไปเพื่อเพิ่มโปรตีนและไขมันดี
- Granola และ Muesli บราซิลนัทเป็นส่วนผสมที่ดีใน Granola หรือ Muesli แค่ผสมบราซิลนัทสับกับข้าวโอ๊ต ถั่วอื่นๆ และผลไม้อบแห้ง แล้วอบจนกรอบ ก็จะได้อาหารเช้าที่อุดมไปด้วยสารอาหาร
- ขนมปังและ Muffin สามารถสับบราซิลนัทให้ละเอียดแล้ว ใส่ลงในแป้งขนมปังหรือ Muffin เพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ นอกจากนี้ยังสามารถใช้บราซิลนัทสับ แทนการใช้ถั่วชนิดอื่นในสูตรขนมปัง หรือ Muffin
- เนยถั่วบราซิลนัท บราซิลนัทสามารถนำมาทำเป็นเนยถั่วได้ โดยการบดบราซิลนัทจนได้เป็นเนื้อเนียนละเอียด จากนั้นสามารถใช้เนยถั่วบราซิลนัท ทาบนขนมปังหรือใช้เป็นส่วนผสม ในสูตรขนมหวานต่างๆ
- ขนมหวานและของทานเล่น บราซิลนัทเป็นส่วนผสมที่ดีในขนมหวาน Brownies, cookies หรือ fudge การใส่บราซิลนัทสับในขนมหวาน จะเพิ่มความกรอบและรสชาติที่เข้มข้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้บราซิลนัท เคลือบช็อกโกแลต เป็นของทานเล่นได้อีกด้วย
บราซิลนัทมีวิตามินอี ข้อแนะนำการบริโภคบราซิลนัท
- บริโภคในปริมาณที่เหมาะสม บราซิลนัทมีสารซีลีเนียม (Selenium) ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากบริโภค ในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ข้อแนะนำทั่วไป คือการบริโภคบราซิลนัทไม่เกิน 2-4 เม็ดต่อวัน เพื่อป้องกันการได้รับซีลีเนียมเกินขนาด
- เป็นแหล่งพลังงานที่ดี บราซิลนัทมีปริมาณไขมันสูง ซึ่งเป็นไขมันดี ที่ช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอล และยังให้พลังงานสูง การบริโภคเป็นของว่าง หรือผสมในอาหาร จึงช่วยเสริมพลังงานในระหว่างวันได้
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินอีและซีลีเนียมในบราซิลนัท มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย การบริโภคบราซิลนัท สามารถช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง
บราซิลนัทมีวิตามินอี ข้อควรระวังการบริโภคบราซิลนัท
- การได้รับซีลีเนียมเกินขนาด บราซิลนัทมีปริมาณซีลีเนียมสูงมาก การบริโภคซีลีเนียม ในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะพิษจากซีลีเนียม (Selenium Toxicity) ซึ่งอาจมีอาการเช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ผมร่วง เล็บเปราะ หรือในกรณีที่รุนแรง อาจทำให้เกิดปัญหา เกี่ยวกับระบบประสาท และหัวใจได้
- หลีกเลี่ยงการบริโภคหากแพ้ถั่ว บางคนอาจมีอาการแพ้ถั่ว และบราซิลนัท ก็เป็นถั่วชนิดหนึ่ง หากมีประวัติแพ้ถั่ว ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคบราซิลนัท หรือควรปรึกษาแพทย์ ก่อนที่จะเพิ่มบราซิลนัทในอาหาร
- คำนึงถึงปริมาณแคลอรี บราซิลนัทมีปริมาณแคลอรีสูง การบริโภคในปริมาณมาก อาจทำให้ได้รับแคลอรีเกินความจำเป็น และอาจส่งผล ให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินได้ หากกำลังควบคุมน้ำหนัก ควรบริโภคบราซิลนัท ในปริมาณที่พอเหมาะ
- การเก็บรักษา บราซิลนัทมีไขมันสูง และสามารถเกิดการออกซิเดชันได้ง่าย หากเก็บรักษาไม่ถูกวิธี ซึ่งจะทำให้ถั่วเหม็นหืน และสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ ควรเก็บบราซิลนัท ในภาชนะที่ปิดสนิท และเก็บไว้ในที่เย็นและแห้ง หรือเก็บในตู้เย็น เพื่อรักษาคุณภาพให้นานขึ้น
สรุป บราซิลนัท มีวิตามินอี ป้องกันโรคหัวใจ บำรุงผิว เสริมภูมิ
บราซิลนัทเป็นถั่ว ที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพในหลายด้าน ตั้งแต่การป้องกันโรคหัวใจ บำรุงผิวพรรณ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ไปจนถึงการป้องกันมะเร็ง การเพิ่มบราซิลนัทในอาหาร จึงเป็นการลงทุนที่ดี ในการดูแลสุขภาพในระยะยาว
- Tags: ถั่ว


