บราซิลนัท มีวิตามินอี (Brazil Nut) เป็นถั่วที่มีชื่อเสียง ในด้านคุณค่าทางโภชนาการสูง และมักได้รับการยกย่องว่าเป็น “Superfood” ด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพที่หลากหลาย หนึ่งในสารอาหารที่สำคัญ ที่พบได้ในบราซิลนัทก็คือ วิตามินอี (Vitamin E) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูง มีความสำคัญต่อสุขภาพมากมาย
บราซิลนัทคือ เมล็ดที่มาจากต้นไม้บราซิลนัท (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bertholletia excelsa) ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ และสูงมาก สามารถสูงได้ถึง 50 เมตร พบได้ทั่วไปในป่าฝนเขตร้อน ในทวีปอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในประเทศบราซิล โบลิเวีย และเปรู เมล็ดบราซิลนัท มักจะถูกเก็บเกี่ยวจากธรรมชาติ
พืชตระกูลไหน บราซิลนัทจัดอยู่ในวงศ์ Lecythidaceae ซึ่งเป็นวงศ์ของพืชดอก ที่มีลักษณะเฉพาะตัวเช่น การมีผลที่เป็นฝัก ที่มีเปลือกหนา และแข็งมาก ภายในฝักมีเมล็ด ที่เป็นแหล่งอาหารสำคัญ สำหรับสัตว์หลายชนิด นอกจากนี้ยังมีเมล็ด ที่มนุษย์ใช้บริโภคเป็นอาหาร [1]
บราซิลนัทเป็นหนึ่งในแหล่งธรรมชาติ ที่ดีที่สุดของวิตามินอีเช่นเดียวกับ อัลมอนด์ มีวิตามินอี และ ถั่วลิสง มีวิตามินอี โดยเฉพาะอัลฟา-โทโคเฟอรอล (alpha-tocopherol) ซึ่งเป็นรูปแบบของวิตามินอี ที่มีความสามารถ ในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีที่สุด วิตามินอีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งทำหน้าที่ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์ จากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระคือโมเลกุลที่ไม่เสถียร ซึ่งสามารถทำลายเซลล์ และส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ เช่นโรคหัวใจ มะเร็ง และโรคเกี่ยวกับระบบประสาท การบริโภคบราซิลนัท จึงเป็นวิธีที่ดี ในการเสริมวิตามินอีให้แก่ร่างกาย เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเหล่านี้ โดยบราซิลนัทมีวิตามินอีประมาณ 5.73 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม หรือประมาณ 38% [2]
ที่มา: ถั่วบราซิล [3]
บราซิลนัทเป็นถั่ว ที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพในหลายด้าน ตั้งแต่การป้องกันโรคหัวใจ บำรุงผิวพรรณ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ไปจนถึงการป้องกันมะเร็ง การเพิ่มบราซิลนัทในอาหาร จึงเป็นการลงทุนที่ดี ในการดูแลสุขภาพในระยะยาว