ผลเสีย แมกนีเซียม เมื่อแร่ธาตุสำคัญกลายเป็นโทษ

ผลเสีย แมกนีเซียม

ผลเสีย แมกนีเซียม เป็นประเด็นที่ควรได้รับความสนใจ แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญ ที่ร่างกายต้องการสำหรับการทำงาน ของระบบประสาท กล้ามเนื้อ และการเผาผลาญพลังงานอย่างสมบูรณ์ แม้จะมีประโยชน์หลากหลาย แต่หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ในหลายด้าน

ผลเสีย แมกนีเซียม มีโทษกับร่างกายด้านไหนบ้าง

แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่การได้รับแมกนีเซียมมากเกินไป อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้

  • ผลเสียแมกนีเซียม ต่อปัญหาการทำงานของหัวใจ: ระดับแมกนีเซียมที่สูงเกินไป อาจส่งผลต่อการเต้นของหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นช้าลง หรือเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งมีอาการคล้ายกับ ผลเสีย โพแทสเซียม เมื่อมีระดับสูงเกินไปในร่างกาย
  • ความดันโลหิตต่ำ: การได้รับแมกนีเซียมมากเกินไปอาจทำให้ความดันโลหิต ลดลงอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
  • อาการท้องเสีย และปวดท้อง: การบริโภคแมกนีเซียมเสริม ในปริมาณสูง อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้ และปวดท้องได้
  • ปัญหาการหายใจ: ในกรณีที่รุนแรง การได้รับแมกนีเซียมเกินขนาด อาจทำให้เกิดปัญหาการหายใจ หรือภาวะหยุดหายใจได้

เพื่อป้องกันผลข้างเคียงเหล่านี้ ควรบริโภคแมกนีเซียม ตามปริมาณที่แนะนำต่อวัน และปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ ก่อนเริ่มรับประทานอาหารเสริมแมกนีเซียม โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัว หรือกำลังรับประทานยาอื่นๆ [1]

แมกนีเซียม กินทุกวันได้ไหม

แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย และควรได้รับทุกวัน การรับประทานแมกนีเซียม ในปริมาณที่เหมาะสม สามารถกินได้ทุกวัน โดยปริมาณที่แนะนำต่อวัน สำหรับผู้ใหญ่เพศชายคือ 400-420 มิลลิกรัม และสำหรับผู้ใหญ่เพศหญิงคือ 310-320 มิลลิกรัม

อย่างไรก็ตาม การรับประทานแมกนีเซียม เกินความต้องการของร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง เช่นท้องเสีย คลื่นไส้ หรือปวดเกร็งหน้าท้อง ดังนั้น ควรรับประทานแมกนีเซียม ในปริมาณที่เหมาะสม และปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ ก่อนเริ่มรับประทานอาหารเสริมแมกนีเซียม [2]

จะรู้ได้อย่างไรว่าขาดแม็กนีเซียม

การทราบว่าร่างกายขาดแมกนีเซียม สามารถสังเกตได้ จากอาการต่างๆ ดังนี้

  • กล้ามเนื้อกระตุกและตะคริว: การขาดแมกนีเซียม อาจทำให้เกิดการกระตุกของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า และเกิดตะคริวบ่อยครั้ง
  • อ่อนเพลียและอ่อนแรง: ระดับแมกนีเซียมต่ำ อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า และอ่อนแรง
  • คลื่นไส้และอาเจียน: อาการคลื่นไส้ และอาเจียนอาจเกิดขึ้น เมื่อร่างกายขาดแมกนีเซียม
  • การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์: การขาดแมกนีเซียม อาจทำให้เกิดความวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือสับสน
  • จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ: ระดับแมกนีเซียมต่ำ อาจส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ

หากคุณมีอาการดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการตรวจเลือด วัดระดับแมกนีเซียม และรับคำแนะนำในการรักษา [3]

บทบาทที่สำคัญของแมกนีเซียมต่อร่างกาย

แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุ ที่มีบทบาทสำคัญ ในร่างกายมนุษย์ มีหน้าที่ในกระบวนการทางชีวภาพมากกว่า 300 อย่าง ตั้งแต่การสร้างพลังงาน ไปจนถึงการสนับสนุนการทำงาน ของระบบประสาท และกล้ามเนื้อ โดยบทบาทของแมกนีเซียมในร่างกาย มีดังนี้

  • สนับสนุนระบบประสาท และกล้ามเนื้อ แมกนีเซียมช่วยในการส่งสัญญาณ ระหว่างเซลล์ประสาท และเซลล์กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว และช่วยลดอาการตะคริวได้
  • การผลิตพลังงาน แมกนีเซียมเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตพลังงานระดับเซลล์ โดยเฉพาะการสังเคราะห์ ATP (Adenosine Triphosphate) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกาย
  • สนับสนุนสุขภาพกระดูก แมกนีเซียมช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และวิตามินดีในร่างกาย ทำให้กระดูกแข็งแรง และลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
  • ช่วยควบคุมความดันโลหิต แมกนีเซียมมีส่วนช่วย ในการคลายหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตลดลง และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และหลอดเลือด
  • ลดความเครียดและซึมเศร้า แมกนีเซียมช่วยเพิ่มการทำงาน ของระบบประสาท ที่เกี่ยวข้องกับการผ่อนคลาย และอาจช่วยลดอาการซึมเศร้าได้

แหล่งสารอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง

ผลเสีย แมกนีเซียม
  • ผักใบเขียว เช่นผักโขม คะน้า และบรอกโคลี มีแมกนีเซียมสูง และยังให้สารอาหารอื่นๆ ที่สำคัญ
  • ธัญพืชเต็มเมล็ด ข้าวกล้อง ควินัว และข้าวโอ๊ต เป็นแหล่งแมกนีเซียมที่ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานในแต่ละวัน
  • ถั่วและเมล็ดพืช เช่นอัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง และถั่วลิสง ให้แมกนีเซียมพร้อมกับโปรตีน และไขมันดี
  • ปลาและอาหารทะเล ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล และปลาซาร์ดีน เป็นแหล่งแมกนีเซียมและโอเมก้า-3
  • Dark chocolate ช็อกโกแลตที่มีโกโก้มากกว่า 70% ให้แมกนีเซียมสูง และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ

ข้อแนะนำการเสริมแมกนีเซียม

ในกรณีที่ไม่สามารถได้รับแมกนีเซียมเพียงพอจากอาหาร แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยประเภทของแมกนีเซียม แบ่งออกได้ดังนี้

  • Magnesium Citrate เป็นแมกนีเซียมที่มีการดูดซึมง่าย และละลายน้ำได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะอาการท้องผูก เพราะช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมแมกนีเซียม ในระดับทั่วไป เพื่อบำรุงร่างกาย ควรเริ่มต้นในปริมาณน้อย
  • Magnesium Glycinate มีการจับคู่กับกรดอะมิโนไกลซีน (Glycine) ทำให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความเครียด และส่งเสริมการนอนหลับ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา การขาดแมกนีเซียมในระยะยาว มีความอ่อนโยนต่อกระเพาะอาหาร เหมาะกับผู้ที่มักเกิดการระคายเคือง ในระบบทางเดินอาหาร
  • Magnesium Oxide เป็นแมกนีเซียมที่มีความเข้มข้นสูง แต่การดูดซึมของร่างกายต่ำกว่าชนิดอื่น นิยมใช้ในกรณีรักษาภาวะขาดแมกนีเซียม ในระดับทั่วไป เนื่องจากราคาไม่แพง และหาซื้อได้ง่าย นอกจากนี้ ยังใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ แต่เนื่องจากการดูดซึมน้อย อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมแมกนีเซียมในระดับสูง

สรุป ผลเสีย แมกนีเซียม ส่งผลต่อหัวใจ ความดันโลหิตต่ำ

ผลเสียแมกนีเซียม เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นปัญหา ที่เกิดจากการขาดแร่ธาตุนี้ หรือการได้รับในปริมาณ ที่เกินความจำเป็น การดูแลสุขภาพ ด้วยการรับประทานอาหารที่สมดุล และการปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ เมื่อมีข้อสงสัย เกี่ยวกับแมกนีเซียม ถือเป็นกุญแจสำคัญ ในการป้องกันผลเสีย ที่อาจเกิดขึ้น และช่วยเสริมสร้างสุขภาพ ให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

29