ผลเสีย แมงกานีส (Manganese) ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย

ผลเสีย แมงกานีส

ผลเสีย แมงกานีส อาจไม่ใช่เรื่องที่หลายคนตระหนัก ในชีวิตประจำวัน แต่การบริโภคหรือได้รับแร่ธาตุนี้เกินความจำเป็น อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ แมงกานีสเป็นแร่ธาตุ ที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อย เพื่อสนับสนุนการทำงานของเอนไซม์ การเผาผลาญพลังงาน และการสร้างกระดูก แต่หากได้รับมากเกินไป อาจเกิดผลเสียที่ไม่คาดคิด

ผลเสีย แมงกานีส ความเป็นพิษจากปริมาณมากเกิน

การได้รับแมงกานีส ในปริมาณที่มากเกินไป อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ดังนี้

  • ผลเสียแมงกานีสปัญหาทางระบบประสาท อาจเกิดอาการสั่น กล้ามเนื้อกระตุก เดินลำบาก อาการที่คล้ายกับโรค Parkinson
  • สะสมในร่างกาย อาจสะสมในตับ สมอง ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ หากได้รับแมงกานีสเกินความจำเป็น
  • ผลต่อระบบทางเดินอาหาร อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และปวดท้องได้เช่นเดียวกับ ผลเสีย ทองแดง เมื่อได้รับปริมาณมากเกินไป
  • ปัญหาการทำงานของปอด ในบางกรณี ที่ได้รับแมงกานีสในปริมาณสูง อาจส่งผลต่อระบบหายใจ หรือปอด
  • การรบกวนการดูดซึมแร่ธาตุอื่นๆ แมงกานีสที่มากเกินไป อาจขัดขวางการดูดซึมของแร่ธาตุ เช่นธาตุเหล็ก และสังกะสี
  • ผลกระทบต่อสมอง และอารมณ์ อาจมีผลกระทบต่อสมอง เช่นทำให้เกิดความจำเสื่อม อารมณ์แปรปรวน หรือภาวะซึมเศร้า
  • พิษเรื้อรัง การบริโภคแมงกานีสมากเกินไป ในระยะยาว อาจทำให้เกิดพิษเรื้อรัง ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมอย่างรุนแรง

แร่ธาตุแมงกานีส คืออะไร

แมงกานีส (Manganese) เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่ง ที่มีสัญลักษณ์ทางเคมีคือ Mn และมีเลขอะตอม 25 พบได้ในธรรมชาติ ในรูปของสารประกอบ แมงกานีสมีบทบาทสำคัญ ทั้งในสิ่งมีชีวิต และอุตสาหกรรม

โดยในสิ่งมีชีวิต แมงกานีสเป็นแร่ธาตุ ที่ร่างกายต้องการในปริมาณเล็กน้อย เพื่อช่วยในกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย เช่น การเผาผลาญ การสร้างกระดูก และการป้องกันอนุมูลอิสระ [1]

แร่ธาตุแมงกานีส มีประโยชน์อะไรบ้าง

แมงกานีสเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย มีบทบาทสำคัญ ในหลายกระบวนการทางชีวภาพ ดังนี้

  • ช่วยกระตุ้นเอนไซม์: แมงกานีสมีส่วน ในการกระตุ้นเอนไซม์ ที่จำเป็นต่อการนำ Biotin วิตามินบี1 และวิตามินซี มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย
  • ส่งเสริมการสร้างกระดูก: มีความจำเป็น ต่อการพัฒนาโครงสร้างของกระดูก โดยช่วยลดการสูญเสียแคลเซียมในร่างกาย และมีส่วนสำคัญ ในการผลิตเลือด
  • ช่วยในการเผาผลาญสารอาหาร: มีส่วนในการสังเคราะห์โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ช่วยให้ร่างกายสามารถใช้ Choline ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • สนับสนุนการทำงาน ของระบบประสาท และสมอง: ช่วยเลี้ยงเส้นประสาทและสมอง ทำให้ระบบประสาทและสมอง ทำงานได้อย่างเป็นปกติ
  • มีส่วนในการผลิตฮอร์โมนเพศ: ช่วยในการผลิตฮอร์โมนเพศ และมีความจำเป็น ต่อการปล่อยพลังงานในร่างกาย
  • ช่วยในการผลิตน้ำนม: มีความจำเป็น ต่อการผลิตน้ำนม ในหญิงตั้งครรภ์ และช่วยในการสร้างยูเรีย ซึ่งเป็นส่วนประกอบของปัสสาวะ

ที่มา: แมงกานีส คือ ( Manganese ) อะไร [2]

 

บทบาทของแร่ธาตุแมงกานีสในร่างกาย

แมงกานีสจัดเป็นแร่ธาตุ ที่จำเป็นต่อสุขภาพ และทำหน้าที่ดังนี้

  • ช่วยในกระบวนการเผาผลาญ แมงกานีสมีบทบาทสำคัญ ในกระบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน โดยทำงานร่วมกับเอนไซม์ เพื่อสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย
  • ส่งเสริมการสร้างกระดูก แมงกานีสเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระดูก ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และการเจริญเติบโตของกระดูก โดยเฉพาะในวัยเด็ก และวัยรุ่น
  • ป้องกันอนุมูลอิสระ แมงกานีสทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่ง ของเอนไซม์ที่เรียกว่า Superoxide Dismutase (SOD) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดความเสียหาย ของเซลล์จากอนุมูลอิสระ
  • สนับสนุนระบบประสาท แมงกานีสช่วยในการทำงานของระบบประสาท โดยเฉพาะในการส่งสัญญาณ ระหว่างเซลล์ประสาท และการควบคุมสมดุล ทางเคมีในสมอง

แมงกานีสมีในอาหารอะไรบ้าง

ผลเสีย แมงกานีส

แมงกานีสเป็นแร่ธาตุ ที่พบได้ในอาหารหลากหลายประเภท ดังนี้

  • หอยแมลงภู่: หอยแมลงภู่ปรุงสุก 85 กรัมมีแมงกานีสประมาณ 5.8 มิลลิกรัม
  • ข้าวกล้อง: ข้าวกล้องหุงสุก 1 ถ้วยหรือ 195 กรัมมีแมงกานีสประมาณ 2.1 มิลลิกรัม
  • Hazelnut: เมล็ดHazelnut 56 กรัมมีแมงกานีสประมาณ 3.1 มิลลิกรัม
  • ขนมปัง Whole Wheat: ขนม Whole Wheat 1 แผ่น (28 กรัม) มีแมงกานีส 0.7 milligram
  • เต้าหู้: เต้าหู้ครึ่งถ้วย (126 กรัม) มีแมงกานีส 1.5 milligram
  • ปลากะพง: ปลากะพงปรุงสุก 85 กรัม มีแมงกานีส 1.0 milligram
  • เมล็ดฟักทอง: เมล็ดฟักทอง 1 ถ้วย (129 กรัม) มีแมงกานีสอยู่ประมาณ 5.9 มก.
  • ชาดำ: ชาดำ 1 ถ้วย (237 กรัม) มีแมงกานีสอยู่ประมาณ 0.5 มก.
  • ผักโขม: ผักโขมสุก 1 ถ้วย (180 กรัม) มีแมงกานีสที่ 1.7 mg.
  • ถั่วลิมา: ถั่วลิมา 1 ถ้วย (170 กรัม) มีแมงกานีสที่ 2.1 mg.

การบริโภคอาหารเหล่านี้ จะช่วยให้ร่างกายได้รับแมงกานีส ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ [3]

ผลเสียจากการขาดแมงกานีส

แมงกานีสเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย การขาดแมงกานีส อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ดังนี้

  • การเจริญเติบโตของกระดูกบกพร่อง: แมงกานีสมีบทบาทสำคัญ ในการสร้าง และรักษาความแข็งแรงของกระดูก การขาดแมงกานีส อาจทำให้กระดูกอ่อนแอ หรือเกิดความผิดปกติได้
  • ความทนทานต่อกลูโคสลดลง: การขาดแมงกานีสอาจทำให้ร่างกาย ไม่สามารถจัดการกับระดับน้ำตาลในเลือด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความเสี่ยง ต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
  • ผื่นผิวหนัง: การขาดแมงกานีส อาจทำให้เกิดผื่น หรือปัญหาผิวหนังอื่นๆ
  • การเปลี่ยนแปลงของเส้นผม: อาจทำให้สี หรือเนื้อผมเปลี่ยนแปลง
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ: ระบบภูมิคุ้มกันอาจอ่อนแอลง ทำให้ร่างกาย เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น
  • การสมานแผลบกพร่อง: แผลอาจหายช้ากว่าปกติ

สำหรับปริมาณที่แนะนำของแมงกานีสแตกต่างกันไปตามอายุและเพศ เด็ก 1-3 ปี 1.2 มิลลิกรัมต่อวัน เด็ก 4-8 ปี: 1.5 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้ชายวัยผู้ใหญ่: 2.3 มิลลิกรัม/วัน ผู้หญิงวัยผู้ใหญ่: 1.8 มิลลิกรัม/วัน และสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร อาจต้องการแมงกานีสมากขึ้น

สรุป ผลเสีย แมงกานีส ต่อระบบประสาท สุขภาพจิต และปอด

ผลเสีย แมงกานีส ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายในคนทั่วไป แต่สำหรับผู้ที่สัมผัส หรือบริโภคในปริมาณสูง อาจเผชิญกับผลกระทบต่อปัญหาทางระบบประสาท ปอด ระบบทางเดินอาหาร และสุขภาพจิต การใส่ใจในปริมาณที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงแหล่งที่เสี่ยง ต่อการสะสมเกินจำเป็น จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อปกป้องสุขภาพในระยะยาว

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง