กรดอะมิโนชนิดดี พืชอะไรที่มี Aspartic acid สูง

พืชอะไรที่มี Aspartic acid สูง

พืชอะไรที่มี Aspartic acid สูง เป็นคำถาม ที่ช่วยเปิดประตูให้เรา ได้มองเห็นบทบาท ของกรดอะมิโนตัวหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงาน การสังเคราะห์ฮอร์โมน และการทำงานของระบบประสาทในร่างกาย กรดแอสพาร์ติกพบได้ในอาหารจากธรรมชาติ และพืชรอบตัวเราหลายชนิด ก็เป็นแหล่งที่มีกรดแอสพาร์ติกสูง

  • กรดแอสพาร์ติกคืออะไร?
  • ประโยชน์ของกรดแอสพาร์ติก
  • พืชที่มีกรดแอสพาร์ติกสูง

กรดอะมิโน แอสพาร์ติก คืออะไร?

กรดแอสพาร์ติก คือกรดอะมิโนตัวหนึ่ง ที่ร่างกายใช้เป็นวัตถุดิบ ในการสร้างโปรตีน และยังเกี่ยวกับกระบวนการผลิตพลังงาน รวมถึงการทำงานของระบบประสาทบางส่วนด้วย จุดเด่นคือ ร่างกายสามารถสร้างกรดอะมิโนชนิดนี้ได้เอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งจากอาหารตลอดเวลา แต่ก็ยังพบอยู่อาหารธรรมชาติหลายชนิด

กรดแอสพาร์ติกมีบทบาทหลายอย่าง เช่นการเปลี่ยนสารตั้งต้นบางชนิด ให้กลายเป็นพลังงาน และการช่วยให้เซลล์สร้างสารสำคัญอื่นๆ ทำให้มันเป็นกรดอะมิโน ที่มีความจำเป็น ต่อการทำงานของร่างกาย แม้จะไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มกรดอะมิโนจำเป็น แต่คือกรดอะมิโนพื้นฐานที่ช่วยให้ระบบต่างๆในร่างกาย ทำงานได้ราบรื่น (17 กันยายน 2023) [1]

ประวัติ กรดแอสพาร์ติก การค้นพบครั้งแรก

กรดแอสพาร์ติก ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1827 โดยนักเคมีชาวฝรั่งเศส Auguste-Arthur Plisson และ Étienne-Ossian Henry ซึ่งได้ไฮโดรไลซ์สาร asparagine ที่สกัดจากหน่อไม้ฝรั่ง และพบว่ามีกรดอะมิโนชนิดใหม่เกิดขึ้น การค้นพบนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ asparagine ถูกแยกได้ครั้งแรกในปี 1806

ทำให้ปี 1827 กลายเป็นจุดสำคัญ ของการระบุกรดแอสพาร์ติก ในฐานะสารประกอบธรรมชาติชนิดหนึ่ง หลังจากนั้น กรดแอสพาร์ติกจึงได้รับการจัด ให้เป็นหนึ่งในกรดอะมิโน ที่ใช้สร้างโปรตีน โดยรูปแบบที่มีความสำคัญ ต่อสิ่งมีชีวิตคือ L-aspartic acid ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีน และกระบวนการ Metabolism

ส่วน D-aspartic acid แม้จะพบในธรรมชาติ แต่มีบทบาทเฉพาะด้านต่างออกไป เมื่อรวมกันแล้ว เส้นทางการค้นพบ ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 ทำให้กรดแอสพาร์ติก กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่นักเคมี และนักชีววิทยาศึกษาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน (26 ตุลาคม 2025) [2]

ประโยชน์ของกรดแอสพาร์ติก คืออะไร?

  • ช่วยลดความเหนื่อยล้า กรดแอสพาร์ติกมีส่วนช่วยให้ร่างกาย ทนต่อความเหนื่อยได้ดีขึ้น ช่วยให้รู้สึกมีแรง และฟื้นตัวไวขึ้น ระหว่างกิจกรรมที่ใช้พลังงานมาก
  • ช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต เป็นพลังงานได้ดีขึ้น สารนี้เกี่ยวกับกระบวนการเผาผลาญ ทำให้ร่างกายดึงพลังงานจากอาหาร มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ช่วยขับแอมโมเนียออกจากร่างกาย แอมโมเนียเป็นของเสีย ที่อาจเป็นพิษ หากสะสมมากเกินไป กรดแอสพาร์ติก ช่วยจับและกำจัดออกจากร่างกาย ได้อย่างปลอดภัย
  • ช่วยสนับสนุนการทำงาน ของระบบประสาท กรดแอสพาร์ติกมีบทบาท ในกระบวนการ ที่เกี่ยวกับสัญญาณประสาท และการสร้างสารชีวเคมีบางชนิด จึงมีส่วนช่วย ให้ระบบประสาททำงานราบรื่น
  • ช่วยเสริมการทำงาน ของระบบภูมิคุ้มกัน มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้าง Antibody ซึ่งเป็นสาระสำคัญ ที่ช่วยให้ร่างกาย ต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น

ที่มา: กรดแอสพาร์ติก (2 กรกฎาคม 2020) [3]

พืชที่มีกรดแอสพาร์ติกสูงมีอะไรบ้าง?

พืชอะไรที่มี Aspartic acid สูง

พืชที่มีกรดแอสพาร์ติกสูง โดยปริมาณต่อ 100 กรัม มีดังนี้

  • ถั่วลิสงมีกรดแอสพาร์ติกประมาณ 3.1 g. ให้กรดแอสพาร์ติกสูงที่สุด ในกลุ่มพืชทั่วไป เพราะเป็นแหล่งโปรตีนเข้มข้นตามธรรมชาติ เหมาะกับผู้ที่ต้องการโปรตีนจากพืช
  • เมล็ดลูกซัดมีกรดแอสพาร์ติกประมาณ 2.7 g. เมล็ดสมุนไพรที่อุดมด้วยกรดอะมิโน รวมถึงกรดแอสพาร์ติก ใช้ในอาหารอินเดีย และอาหารสุขภาพหลายชนิด
  • ถั่วลูกไก่มีกรดแอสพาร์ติกประมาณ 2.4 g. ถั่วโปรตีนสูง ที่เป็นที่นิยม ในอาหารมังสวิรัติ และมีกรดแอสพาร์ติกสูงมาก
  • ถั่วเหลืองมีกรดแอสพาร์ติกประมาณ 2.0 กรัม เป็นหนึ่งในแหล่งโปรตีนจากพืช ที่ดีที่สุดตามธรรมชาติ และเป็นวัตถุดิบของเต้าหู้ เทมเป้ และนมถั่วเหลือง
  • ถั่วลูปินมีกรดแอสพาร์ติกประมาณ กรัม เป็นถั่วเมล็ดใหญ่ โปรตีนสูง และมีกรดอะมิโนที่หลากหลาย รวมถึงกรดแอสพาร์ติกในปริมาณที่ดี
  • Goji berries มีกรดแอสพาร์ติกประมาณ 1.7 ก. แม้เป็นผลไม้ แต่มีกรดแอสพาร์ติก ค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับพืชชนิดอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน
  • ถั่วงอกถั่วเหลือง มีกรดแอสพาร์ติกประมาณ 1.7–1.8 ก. ให้สารอาหารดี ย่อยง่ายกว่าเมล็ดถั่วเหลือง และยังคงมีกรดแอสพาร์ติกสูง
  • Chili พริกสดมีกรดแอสพาร์ติกประมาณ 1.5 ก. เป็นผักที่แม้จะกินในปริมาณน้อย แต่มีกรดแอสพาร์ติกเข้มข้นตามธรรมชาติ ช่วยเพิ่มรสชาติความเผ็ดร้อน พร้อมสารอาหาร
  • ถั่วต่างๆ เช่นถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วขาวมีกรดแอสพาร์ติกประมาณ 1.0–1.4 gram ถั่วต้มและถั่วสุกต่างๆ ยังคงมีกรดแอสพาร์ติกในระดับที่ดี เหมาะสำหรับเพิ่มโปรตีนจากพืช
  • ผักใบ เช่นผักโขม ผักกาดเขียว มีกรดแอสพาร์ติกประมาณ 1 gram ถือว่ามีน้อยกว่าในกลุ่มถั่ว แต่ยังพบได้เล็กน้อย ในผักใบเขียวทั่วไป

กรดแอสพาร์ติกปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน

ปริมาณกรดแอสพาร์ติก ที่ควรได้รับต่อวัน ไม่มีการกำหนดอย่างเป็นทางการ เพราะกรดแอสพาร์ติก เป็นกรดอะมิโนไม่จำเป็น ร่างกายสามารถสังเคราะห์เองได้ จากกระบวนการภายใน จึงไม่จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร ในปริมาณตายตัว เหมือนกรดอะมิโนจำเป็นอื่นๆ การได้รับจากอาหารตามธรรมชาติก็เพียงพอ

แม้ไม่มีค่ากำหนดต่อวัน แต่ในชีวิตประจำวันคนทั่วไป มักได้รับกรดแอสพาร์ติกจากอาหารอยู่แล้ว ประมาณ 2–6 กรัมต่อวัน เพราะอาหารโปรตีนสูงเกือบทุกชนิด มีกรดอะมิโนชนิดนี้ อยู่ในโครงสร้างโปรตีนตามธรรมชาติ การกินอาหารที่มีโปรตีนครบถ้วน จึงเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยไม่ต้องเสริม

ข้อเสียของกรดแอสพาร์ติกคืออะไร?

  • อาจทำให้ระดับอะมิโนบางชนิดเสียสมดุล เมื่อได้รับมากเกินไป การได้รับกรดแอสพาร์ติก ในปริมาณสูงจากอาหารเสริม อาจไปรบกวนสมดุลของกรดอะมิโนอื่นๆ ในร่างกาย ทำให้การสร้างโปรตีน หรือกระบวนการบางอย่าง ทำงานผิดจังหวะ
  • อาจกระตุ้นระบบประสาทมากเกินไป เนื่องจากกรดแอสพาร์ติก มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการส่งสัญญาณประสาท การได้รับในปริมาณสูง อาจทำให้เกิดอาการกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ หรือรู้สึกตื่นตัวมากเกินไป
  • อาจทำให้เกิดอาการทางระบบทางเดินอาหาร ผู้ที่รับประทาน อาหารเสริมกรดแอสพาร์ติก ในปริมาณสูง อาจมีอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย หรือปวดท้องได้
  • ผู้ที่มีโรคตับ หรือไต ควรระวังเป็นพิเศษ เพราะกรดแอสพาร์ติก เกี่ยวข้องกับกระบวนการของร่างกาย ผู้ที่มีโรคตับหรือไต ควรระวังการได้รับในรูปแบบอาหารเสริม เนื่องจากอาจทำให้ร่างกาย ต้องทำงานหนักขึ้น ในการกำจัดของเสีย
  • อาจรบกวนยาในบางกลุ่ม แม้จะพบไม่บ่อย แต่การใช้ร่วมกับยาบางชนิด โดยเฉพาะยาที่มีผลต่อระบบประสาท อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาร่วมกัน

สรุปแล้ว พืชอะไรที่มีกรดแอสพาร์ติกสูง

แหล่งสำคัญอยู่ในกลุ่มถั่ว และเมล็ดพืช เช่นถั่วลิสง เมล็ดลูกซัด ถั่วลูกไก่ ถั่วเหลือง ถั่วลูปิน รวมถึงโกจิเบอร์รี่ ถั่วงอกถั่วเหลือง และพริกสด ส่วนผักใบเขียวมีน้อยกว่า การได้รับจากอาหารทั่วไปมักเพียงพอ และช่วยเสริมพลังงาน ระบบประสาท และภูมิคุ้มกันได้ดี แต่ก็ไม่ควรได้รับมากเกินจำเป็น เพราะอาจรบกวนสมดุลกรดอะมิโน

กรดแอสพาร์ติก ควรทานคู่กับอะไร?

กรดแอสพาร์ติกมักทำงานได้ดี เมื่อได้รับร่วมกับอาหารโปรตีนคุณภาพดี เช่นถั่วต่างๆ ธัญพืชเต็มเมล็ด เต้าหู้ ไข่ หรือเนื้อสัตว์ เพราะช่วยให้ร่างกายได้รับกรดอะมิโนที่หลากหลาย และสมดุลมากขึ้น นอกจากนี้ การทานร่วมกับคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่นข้าวโอ๊ต ยังช่วยเสริมให้ร่างกาย เปลี่ยนสารอาหารเป็นพลังงานได้ดีขึ้น

ใครที่ควรทานกรดแอสพาร์ติกเป็นพิเศษ

โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่ ไม่จำเป็นต้องเสริมกรดแอสพาร์ติกเป็นพิเศษ เพราะร่างกายสร้างเองได้ แต่ผู้ที่ออกกำลังกายหนัก หรือใช้พลังงานมาก ซึ่งอาจต้องการกรดอะมิโน เพื่อช่วยฟื้นฟู และลดความเหนื่อยล้า ผู้ที่กินมังสวิรัติ หรือวีแกน อาจได้รับกรดอะมิโนบางชนิดน้อยลง การกินอาหารโปรตีนจากพืช ที่มีกรดแอสพาร์ติกจะช่วยเสริมสมดุล

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง