Chili หรือ พริก เป็นหนึ่งในเครื่องเทศที่มีอิทธิพล ต่ออาหารทั่วโลก มีความเผ็ดร้อนที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชนิด และพันธุ์ของพริก และได้กลายเป็นส่วนสำคัญ ที่ขาดไม่ได้ ในหลายวัฒนธรรมการกิน นอกจากจะให้รสชาติ ที่แสนจะน่าตื่นเต้นแล้ว พริกยังมีประโยชน์ทางโภชนาการมากมาย
พริก เติบโตได้ดีในสภาพอากาศอบอุ่นและชื้น ทำให้พบได้ทั่วไปในเขตร้อน และเขตอบอุ่นของโลก เช่น ประเทศไทย, อินเดีย, เม็กซิโก, และชิลี ดินที่มีการระบายน้ำดี และอุดมสมบูรณ์ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเพาะปลูกพริก
การผลิตพริกทั่วโลกมีปริมาณการผลิตที่สูง โดยข้อมูลจากองค์การอาหาร และเกษตรของสหประชาชาติ (FAO) ประเมินว่าการผลิตพริกทั่วโลก อยู่ที่ประมาณ 40.9 ล้านเมตริกตันต่อปี และจากข้อมูลในปี 2021 พบว่าการผลิตพริก ได้เพิ่มขึ้นจาก 5 ล้านตันในปี 1970 เป็น 36 ล้านตันในปี 2021 [1]
พริก ไม่ถือว่าเป็นผักในทางชีววิทยา แต่จัดอยู่ในหมวดหมู่ของผลไม้ ตามหลักการจำแนกทางพฤกษศาสตร์ เพราะเป็นผลที่พัฒนามาจากดอกของพืช และมีเมล็ดอยู่ภายใน
พริกเป็นผลไม้ขนาดเล็ก จากพืชตระกูล Capsicum มีทั้งแบบหวาน และแบบเผ็ด ให้ความแตกต่างในรสชาติ และระดับความเผ็ดที่หลากหลาย ผลพริกมีสีสันสดใส เช่น แดง, เขียว, เหลือง และส้ม
พริก มีต้นกำเนิดในอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ โดยมีหลักฐานการใช้งานในเม็กซิโก มาตั้งแต่ 7500 ปีก่อนคริสตกาล จากนั้นพริกได้แพร่กระจายไปทั่วโลก ผ่านเส้นทางการค้า และการเดินทางของชาวยุโรป ในศตวรรษที่ 15 และ 16
พริก มีวิตามิน C และ A สูง ช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ยังมีสาร capsaicin ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดอาการปวด และช่วยเผาผลาญไขมัน สารนี้ยังช่วยเพิ่มความร้อนในร่างกาย และกระตุ้นการเผาผลาญ แหล่งข้อมูลที่ 1 ระบุว่าพริกปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 101 Calories
ที่มา: Food database and calorie counter [2]
แหล่งข้อมูลที่ 2 ระบุว่าพริกปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 40 Calories
ที่มา: พลังงานและสารอาหาร [3]