ควรทำความเข้าใจ พืชอะไรที่มี Histidine สูง

พืชอะไรที่มี Histidine สูง

พืชอะไรที่มี Histidine สูง เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการทำความเข้าใจ กรดอะมิโนจำเป็นตัวหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ การสร้างเอนไซม์ และการดูแลระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ฮิสทิดีนมักพบในอาหารโปรตีนสูงหลายชนิด รวมถึงพืชบางกลุ่ม ที่ให้ปริมาณน่าสนใจเช่นกัน เราจะพาไปดูว่ามีพืชชนิดไหนบ้าง

  • ฮิสทิดีน คืออะไร?
  • ประโยชน์ฮิสทิดีน
  • พืชที่มีฮิสทิดีนสูง

กรดอะมิโนจำเป็น ฮิสทิดีน คืออะไร?

ฮิสทิดีนคือกรดอะมิโนจำเป็น ที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหารเป็นหลัก และถูกใช้ในการสร้างโปรตีน รวมถึงเป็นสารตั้งต้นของฮิสตามีน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน การย่อยอาหาร และการทำงาน ของระบบประสาท ฮิสทิดีนมีบทบาทต่อการทำงานของไต และกระบวนการหลายอย่างในร่างกาย

ด้วยโครงสร้างที่มี Imidazole ring ฮิสทิดีนสามารถทำหน้าที่ ช่วยควบคุมสมดุลกรดด่าง และเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการทำงาน ของเอนไซม์หลายชนิด รวมถึงช่วยจับกับแร่ธาตุสังกะสี ทองแดง เพื่อให้เอนไซม์ ทำงานมีประสิทธิภาพ ทำให้กรดอะมิโนตัวนี้ มีความสำคัญทั้งต่อเนื้อเยื่อ และการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย (30 กรกฎาคม 2023) [1]

ประวัติ ฮิสทิดีน การค้นพบครั้งแรก

ฮิสทิดีนถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1896 โดย Albrecht Kossel และ Sven Gustaf Hedin ผู้แยกกรดอะมิโนชนิดนี้ ออกจากโปรตีนได้สำเร็จ พร้อมตั้งชื่อว่า Histidine ซึ่งมาจากภาษากรีกคำว่า histos แปลว่าเนื้อเยื่อ สะท้อนจุดที่พบสารนี้มากในธรรมชาติ การค้นพบในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 นับเป็นก้าวสำคัญ

เป็นการเปิดประตู สู่การทำความเข้าใจ บทบาทของกรดอะมิโน ในร่างกายมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1950 นักชีวเคมี เริ่มค้นพบเส้นทางการสังเคราะห์ฮิสทิดีน ในจุลินทรีย์และพืช ทำให้ทราบว่า สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ สามารถผลิตฮิสทิดีนได้เอง

ในขณะที่มนุษย์ ต้องได้รับฮิสทิดีนจากอาหารเท่านั้น การค้นพบต่อเนื่องในยุคนั้น ช่วยวางรากฐาน ให้เข้าใจความสำคัญ ของฮิสทิดีนต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และการทำงาน ของระบบชีวเคมีในร่างกาย อย่างเป็นระบบมากขึ้น (24 พฤศจิกายน 2025) [2]

ประโยชน์ฮิสทิดีนคืออะไร?

  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล และการเผาผลาญ มีงานวิจัยระบุว่า ฮิสทิดีนอาจช่วยลดระดับน้ำตาล ขณะอดอาหาร ลดรอบเอว และปรับสมดุล Metabolism ในผู้ที่มีภาวะอ้วน หรือกลุ่มอาการMetabolic ทำให้ระบบเผาผลาญ ทำงานดีขึ้น
  • ช่วยลดความเหนื่อยล้า และสนับสนุนการทำงานของสมอง การเสริมฮิสทิดีน อาจช่วยให้รู้สึกสดชื่น ลดอาการล้า และช่วยเรื่องความจำ หรือความแม่นยำในการคิด ในบางกลุ่ม ที่มีปัญหาเหนื่อยเรื้อรัง หรือนอนหลับไม่ดี
  • ช่วยดูแลผิวหนัง และเกราะป้องกันผิว ฮิสทิดีนมีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรง ของชั้นปกป้องผิว ลดอาการผิวแห้ง แดง หรืออักเสบ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือเป็นโรคผิวหนังภูมิแพ้ ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้น

ที่มา: How L-Histidine Functions in the Body (14 ตุลาคม 2025) [3]

พืชที่มีฮิสทิดีนสูง มีอะไรบ้าง?

พืชอะไรที่มี Histidine สูง

พืชที่มีฮิสทิดีนสูง ปริมาณต่อ 100 กรัม มีดังนี้

  • ถั่วเหลืองมีฮิสทิดีน 0.90–1.00 g. เป็นแหล่งโปรตีนจากพืชอันดับต้นๆ ทำให้มีฮิสทิดีนสูงตามธรรมชาติ นิยมใช้ทำเต้าหู้ เทมเป้ นมถั่วเหลือง และโปรตีนถั่วเหลือง
  • เมล็ดฟักทองมีฮิสทิดีน 0.60–0.70 g. มีโปรตีนแน่น ให้กรดอะมิโนจำเป็นหลายชนิด รวมถึงฮิสทิดีน เหมาะสำหรับโรยสลัด หรือกินเป็นของว่างสุขภาพ
  • งาขาว งาดำมีฮิสทิดีน 0.50–0.55 g. งาเป็นเมล็ดพืชที่มีน้ำมัน มีโปรตีนคุณภาพดี ให้กรดอะมิโนหลายชนิด รวมถึงฮิสทิดีนปริมาณพอสมควร ใช้คั่วโรยอาหาร หรือผสมขนมได้
  • ควินัวมีฮิสทิดีน 0.40–0.45 กรัม ขึ้นชื่อว่าเป็น Super Food เพราะให้โปรตีนครบถ้วน รวมทั้งฮิสทิดีน จึงเป็นตัวเลือกดี สำหรับคนกินมังสวิรัติ หรือคีโต สายคลีน
  • ถั่วลูกไก่มีฮิสทิดีน 0.35–0.38 กรัม เป็นถั่วที่ให้โปรตีนค่อนข้างสูง เหมาะทำแกง หรือใส่สลัด เพื่อเพิ่มฮิสทิดีน และกรดอะมิโนอื่นๆ
  • ถั่วแดงมีฮิสทิดีน 0.30–0.35 กรัม นอกจากมีไฟเบอร์สูง ยังมีกรดอะมิโนจำเป็นหลายตัว รวมถึงฮิสทิดีน ช่วยให้อิ่มนาน และดีต่อระบบขับถ่าย
  • ถั่วดำมีฮิสทิดีน 0.28–0.32 ก. ให้โปรตีนใกล้เคียงถั่วแดง พร้อมฮิสทิดีน และใยอาหารสูง นิยมใช้ทำเมนูขนม หรือใส่สลัด
  • ข้าวโอ๊ตมีฮิสทิดีน 0.22–0.26 ก. แม้จะไม่เท่าถั่ว แต่ข้าวโอ๊ตก็ให้ฮิสทิดีนในระดับดี เหมาะกินตอนเช้า ช่วยให้อิ่มนาน และได้กรดอะมิโนเพิ่มขึ้น
  • ข้าวกล้องมีฮิสทิดีน0.13–0.17 ก. เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่ยังคงมีโปรตีนธรรมชาติ และฮิสทิดีนมากกว่าข้าวขัดสี
  • Potato มีฮิสทิดีน 0.04–0.05 gram ให้ฮิสทิดีนไม่มาก แต่ก็เป็นแหล่งจากพืช ที่หากินได้ง่าย เหมือนพืชหัวอื่นๆ ที่มีโปรตีนเล็กน้อย
  • กล้วยมีฮิสทิดีน 0.02 gram มีโปรตีนไม่สูงนัก แต่ยังมีฮิสทิดีนเล็กน้อย เหมาะเป็นผลไม้ ที่ทานคู่กับอาหารโปรตีนสูงอื่นๆ

ฮิสทิดีนปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน

ปริมาณฮิสทิดีนที่ควรได้รับต่อวัน โดยทั่วไปอ้างอิงจากค่าประมาณการความต้องการ กรดอะมิโนจำเป็น อยู่ที่ประมาณ 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน เช่นน้ำหนัก 50–60 กิโลกรัม ร่างกายจะต้องการฮิสทิดีนอยู่ที่ประมาณ 500–600 มิลลิกรัมต่อวัน และถ้าน้ำหนักมากกว่านั้น ก็เพิ่มตามสัดส่วน

ข้อเสียของฮิสทิดีนคืออะไร?

  • อาจเพิ่มระดับฮิสตามีนในร่างกาย ฮิสทิดีนเป็นสารตั้งต้นของฮิสตามีน ดังนั้นบางคนอาจมีอาการคัน ผื่น หรือไม่สบายตัว หากร่างกายไวต่อฮิสตามีนเป็นพิเศษ
  • อาจส่งผลต่อการย่อยอาหาร ในบางคน การได้รับฮิสทิดีนมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการแน่นท้อง หรือไม่สบายกระเพาะ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร
  • อาจรบกวนสมดุลแร่ธาตุบางชนิด การได้รับฮิสทิดีนสูงมากเป็นเวลานาน อาจทำให้ร่างกายขับสังกะสีออกมากขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อระดับแร่ธาตุ ถ้าไม่ได้รับเพียงพอจากอาหาร
  • ผู้ที่มีโรคไต หรืออยู่ภายใต้การจำกัดโปรตีน ควรระวังการได้รับกรดอะมิโนเสริมทุกรูปแบบ รวมถึงฮิสทิดีน เพราะอาจเพิ่มภาระให้การทำงานของไต

สรุปแล้ว พืชอะไรที่มีฮิสทิดีนสูง

ฮิสทิดีนคือกรดอะมิโนจำเป็น ที่มีบทบาทสำคัญทั้งในการสร้างโปรตีน การทำงานของเอนไซม์หลายชนิด ซึ่งสามารถได้รับจากอาหารทั่วไปได้ไม่ยาก โดยเฉพาะพืชที่ให้ปริมาณสูง อย่างถั่วเหลือง เมล็ดฟักทอง งาดำ งาขาว ควินัว ถั่วลูกไก่ ถั่วแดง ถั่วดำ โอ๊ต และข้าวกล้อง รวมถึงพืชผักผลไม้อย่างมันฝรั่ง และกล้วย

ควรทานฮิสทิดีนคู่กับอะไร?

การทานฮิสทิดีนควบคู่กับอาหาร ที่มีโปรตีน และแร่ธาตุจำเป็นอย่างสังกะสี และทองแดง จะช่วยให้ร่างกายใช้ฮิสทิดีนได้เต็มประสิทธิภาพ เพราะฮิสทิดีนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเอนไซม์หลายชนิด ที่ต้องอาศัยแร่ธาตุเหล่านี้ในการทำงาน การรับประทานร่วมกับคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมกรดอะมิโนได้ดีขึ้น

ใครที่ควรทานฮิสทิดีนเป็นพิเศษ?

ผู้ที่ควรทานฮิสทิดีนเป็นพิเศษ ได้แก่เด็ก และวัยรุ่นที่อยู่ในช่วงเจริญเติบโต ผู้ที่กำลังฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยหรือผ่าตัด รวมถึงผู้ที่ออกกำลังกายหนัก และต้องการซ่อมแซมกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ผู้ที่รับประทานอาหารโปรตีนต่ำ เช่นผู้สูงอายุ หรือผู้ทานมังสวิรัติ ควรรับฮิสทิดีนให้เพียงพอจากอาหาร

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง