
กรดอะมิโนสำคัญ พืชอะไรที่มี Methionine สูง
- Fiona
- 24 views

พืชอะไรที่มี Methionine สูง อาจไม่ใช่คำถามที่เราคิดถึงกันบ่อยนัก แต่มันกับอาหารจากพืช รอบตัวเรามากกว่าที่คิด เพราะเมไทโอนีนเป็นกรดอะมิโนจำเป็น ที่ร่างกายต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น เราจะช่วยให้ผู้อ่านค่อยๆ ทำความเข้าใจ ว่าเหตุใดกรดอะมิโนตัวนี้ จึงถูกพูดถึงบ่อยขึ้น และมันสำคัญต่อร่างกายอย่างไร
- เป็นเมไทโอนีนคืออะไร?
- ประโยชน์ของเมไทโอนีน
- พืชอะไรบ้างที่มีเมไทโอนีนสูง?
กรดอะมิโนจำเป็นเมไทโอนีนคืออะไร?
เมไทโอนีนคือกรดอะมิโนจำเป็น ที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น โดยเป็นกรดอะมิโน ที่มีซัลเฟอร์อยู่ในโครงสร้าง ทำให้มีบทบาทสำคัญ ต่อการสร้างโปรตีน การซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และกระบวนการทำงานหลายอย่างภายในเซลล์ เมไทโอนีนเป็นตัวตั้งต้น ให้ร่างกายใช้สร้างสารสำคัญอื่นๆด้วย
เช่น Cysteine, Glutathioneและ S-adenosyl-methionine ซึ่งล้วนมีส่วนช่วย เรื่องการทำงาน ของระบบภูมิคุ้มกัน การต้านอนุมูลอิสระ และการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ จึงนับว่าเป็นกรดอะมิโน ที่มีความสำคัญ ต่อสุขภาพโดยรวม ของร่างกายมนุษย์อย่างมาก (17 เมษายน 2024) [1]
ประวัติเมไทโอนีน การค้นพบครั้งแรก
เมไทโอนีนถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1921 โดย John Howard Mueller ซึ่งสามารถแยกกรดอะมิโนชนิดนี้ ออกจากโปรตีนได้สำเร็จ ถือเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ เริ่มเข้าใจบทบาท ของกรดอะมิโนที่มีซัลเฟอร์ อยู่ในโครงสร้าง โปรตีนหลายชนิดในธรรมชาติ ต่างมีเมไทโอนีน เป็นส่วนประกอบ
ทำให้การค้นพบครั้งนั้น กลายเป็นข้อมูลสำคัญ ต่อการศึกษาทางชีวเคมีในยุคนั้น ต่อมาในปี 1925 Satoru Odake ได้ตั้งชื่อกรดอะมิโนชนิดนี้ว่า Methionine โดยอ้างอิงตามโครงสร้างทางเคมีว่า 2-amino-4-(methylthio)butanoic acid ซึ่งช่วยให้การศึกษาทางวิทยาศาสตร์มีมาตรฐาน
ช่วยให้การเรียกชื่อ มีความสอดคล้องกันมากขึ้น การจัดระบบชื่อที่ชัดเจนนี้เอง ที่ทำให้เมไทโอนีน ถูกนำไปศึกษาต่อ ในด้านโภชนาการ การสังเคราะห์โปรตีน และบทบาทของกรดอะมิโนจำเป็น ในร่างกายมนุษย์ อย่างแพร่หลายมากขึ้น (8 ตุลาคม 2025) [2]
ประโยชน์ของเมไทโอนีนคืออะไร?
- ช่วยสร้างโปรตีน และซ่อมแซมร่างกาย เมไทโอนีนเป็นกรดอะมิโนจำเป็น ที่ร่างกายต้องใช้ ในการสร้างโปรตีนใหม่ รวมถึงช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ที่สึกหรอในแต่ละวัน
- เป็นแหล่งซัลเฟอร์ให้ร่างกาย ในโครงสร้างของเมไทโอนีน มีซัลเฟอร์ซึ่งจำเป็น ต่อการสร้างกรดอะมิโน และสารอื่นๆ เช่นซิสเทอีน และกลูตาไธโอน ที่ช่วยปกป้องเซลล์ จากความเสียหาย
- อาจช่วยสนับสนุนการทำงานของตับ เมไทโอนีนเป็นตัวตั้งต้น ในการสร้าง SAMe ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาท ช่วยป้องกันความเสียหายของตับ
- อาจมีส่วนช่วย ลดความเสี่ยง ความผิดปกติ ของท่อประสาทในทารก งานวิจัยบางส่วนชี้ว่า เมไทโอนีนอาจช่วยสนับสนุน กระบวนการพัฒนา ระบบประสาท ของทารกในครรภ์
- เกี่ยวข้องกับการแบ่งเซลล์ และการเจริญเติบโต เมไทโอนีนมีส่วนในการสังเคราะห์ DNA ทำให้เกี่ยวพันกับการเจริญเติบโตของเซลล์ และกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ของร่างกาย
ที่มา: Benefits and Drawbacks of L-Methionine (17 กันยายน 2025) [3]
พืชอะไรบ้างที่มีเมไทโอนีนสูง?

พืชที่มีเมไทโอนีนค่อนข้างสูง พร้อมปริมาณต่อ 100 กรัม มีดังนี้
- เมล็ดงามีเมไทโอนีนประมาณ 0.9–1.2 gram งาเป็นแหล่งโปรตีนจากพืช ที่มีเมไทโอนีนสูงมาก เหมาะกับคนที่ต้องการเพิ่มกรดอะมิโนจำเป็น โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่กินเนื้อสัตว์
- เมล็ดฟักทองมีเมไทโอนีนประมาณ 0.6–0.8 กรัม ให้โปรตีนสูง และมีเมไทโอนีนพอสมควร กินง่าย ใส่สลัดหรือกินเป็นของว่างก็ได้
- Soybean มีเมไทโอนีนประมาณ 0.5–0.6 กรัม เป็นแหล่งโปรตีนที่โดดเด่น ของคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ จะกินแบบเต้าหู้ นมถั่วเหลือง หรือถั่วต้ม ก็ช่วยเพิ่มเมไทโอนีนได้ดี
- ถั่วลิสงมีเมไทโอนีนประมาณ 0.3–0.4 ก. ให้ไขมันดี และโปรตีนสูง เมไทโอนีนอยู่ในระดับปานกลาง เหมาะสำหรับเสริมในมื้อว่าง หรือบดใส่อาหาร
- ควินัวมีเมไทโอนีนประมาณ 0.25–0.3 ก. เป็นธัญพืชที่ให้กรดอะมิโนครบถ้วน รวมถึงเมไทโอนีน จึงนิยมใช้แทนข้าว ในเมนูสุขภาพ
- ถั่วลูกไก่มีเมไทโอนีนประมาณ 0.15–0.2 ก. เป็นแหล่งโปรตีน และไฟเบอร์สูง ช่วยให้อิ่มนาน เหมาะสำหรับใช้ทำสลัด
- ข้าวโอ๊ตมีเมไทโอนีนประมาณ 0.12–0.16 g. ให้ทั้งไฟเบอร์ เบต้ากลูแคน และโปรตีนพอประมาณ มีเมไทโอนีนในระดับที่ดี ช่วยเสริมจากอาหารอื่นๆได้ดี
- ข้าวกล้องมีเมไทโอนีนประมาณ 0.1–0.12 g แม้ไม่สูงเท่าเมล็ดพืชหรือถั่ว แต่เป็นแหล่งที่พบได้ง่าย ในมื้ออาหารประจำวัน ช่วยเติมโปรตีนจากธัญพืชได้ดี
- อัลมอนด์มีเมไทโอนีนประมาณ 0.1 g. ให้ไขมันดี และโปรตีน พร้อมเมไทโอนีนเล็กน้อย เหมาะเป็นของว่าง หรือใส่ในสลัด เพื่อเสริมคุณค่าทางอาหาร
- ผักโขมมีเมไทโอนีนประมาณ 0.02–0.03 gram แม้ปริมาณเมไทโอนีน ไม่สูงเท่าธัญพืชหรือถั่ว แต่เป็นแหล่งกรดอะมิโนจากผัก ที่ช่วยเสริมมื้ออาหารได้ดี
ปริมาณเมไทโอนีนที่ควรได้รับต่อวัน
ปริมาณเมไทโอนีนที่ควรได้รับต่อวัน โดยทั่วไปจะถูกรวมอยู่ในกลุ่มกรดอะมิโนจำเป็น เมไทโอนีนและ ซีสเทอีน ซึ่งผู้ใหญ่ควรได้รับรวมประมาณ 13–19 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน สามารถรับจากอาหารตามธรรมชาติ เช่นพืชตระกูลถั่ว ธัญพืช เมล็ดพืช และโปรตีนจากสัตว์
ข้อเสียและข้อควรระวังของเมไทโอนีน
- อาจทำให้ระดับโฮโมซีสเตอีนสูงขึ้น การได้รับเมไทโอนีนมากเกินไป อาจเพิ่มระดับโฮโมซีสเตอีนในเลือด ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของโรคหัวใจ และหลอดเลือด จึงควรบริโภคในปริมาณพอเหมาะ
- อาจกระทบผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับ แม้เมไทโอนีนจะเกี่ยวข้อง กับสารที่ช่วยปกป้องตับ แต่การได้รับมากเกินไป ในผู้ที่มีโรคตับบางชนิด อาจทำให้ตับทำงานหนักขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสริม
- อาจรบกวนผู้ที่มีภาวะทางจิตเวช การเสริมเมไทโอนีนในปริมาณสูง อาจมีผลต่อสารสื่อประสาทบางชนิด ทำให้ผู้ป่วยบางกลุ่ม เช่นโรคไบโพลาร์ หรือภาวะซึมเศร้ารุนแรง อาจมีอาการแย่ลงได้
- อาจทำให้ร่างกายเป็นกรดมากขึ้น เมไทโอนีนเป็นกรดอะมิโน ที่เมื่อเผาผลาญ จะสร้างสารที่มีความเป็นกรดสูงขึ้น หากได้รับมากเกินไป ระยะยาวอาจกระทบสมดุล กรดด่างของร่างกาย
- การเสริมมากเกินจำเป็น ไม่ให้ประโยชน์เพิ่ม สำหรับคนทั่วไป ที่กินอาหารครบถ้วน การได้รับเมไทโอนีนเพิ่ม จากอาหารเสริม ไม่ได้ทำให้สุขภาพดีขึ้นเท่าไร แถมอาจเพิ่มความเสี่ยง ต่อผลข้างเคียงโดยไม่จำเป็น
สรุปแล้ว พืชอะไรที่มีเมไทโอนีนสูง
พืชที่มีเมไทโอนีนสูง อยู่ในอาหารที่เรากินกันเป็นประจำ ทั้งงา เมล็ดฟักทอง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ควินัว ถั่วลูกไก่ ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง อัลมอนด์ ไปจนถึงผักใบเขียวอย่าง ผักโขม การรู้แหล่งเมไทโอนีนจากพืช ช่วยให้เราจัดมื้ออาหารได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่อยากเสริมกรดอะมิโนจำเป็น สำหรับการสร้างโปรตีน และการซ่อมแซมร่างกาย
ควรทานเมไทโอนีนคู่กับอะไร?
เมไทโอนีนควรทานร่วมกับวิตามินบีรวม โดยเฉพาะ วิตามิน B6, B12 และ Folate เพราะสารเหล่านี้ ช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนเมไทโอนีน ไปเป็นสารสำคัญอย่าง SAMe ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยลดระดับโฮโมซีสเตอีน ไม่ให้สูงเกินไป นอกจากนี้การทานคู่กับอาหารโปรตีนที่ดี จะช่วยให้ร่างกาย นำไปใช้ซ่อมแซมเนื้อเยื่อได้ดีขึ้น
ใครที่ควรทานเมไทโอนีนเป็นพิเศษ
ผู้ที่รับประทานโปรตีนต่ำ หรือมังสวิรัติแบบเคร่งครัด ผู้ที่มีปัญหาตับบางชนิด ที่ต้องการเสริมกระบวนการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ผู้ที่อยู่ในภาวะต้องการซ่อมแซมเนื้อเยื่อมากขึ้น เช่นผู้ป่วยพักฟื้น หรือผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ที่มีระดับโฮโมซีสเตอีนสูง ซึ่งต้องพึ่งพาการทำงานร่วมกัน ระหว่างเมไทโอนีน กับวิตามินบีหลายชนิด
- Tags: สุขภาพ


