
สารหอมระเหย พืชอะไรที่มี Myristicin สูง
- Fiona
- 10 views

พืชอะไรที่มี Myristicin สูง เป็นประเด็น ที่เริ่มถูกหยิบมาพูดถึงมากขึ้นในช่วงหลัง เพราะสารไมริสทิซิน เป็นสารหอมระเหยตามธรรมชาติ ที่พบในพืชหลายชนิด โดยเฉพาะเครื่องเทศ และสมุนไพรที่เราคุ้นเคย เราอาจไม่ทันสังเกต ว่าพืชเหล่านั้น มีองค์ประกอบบางอย่าง ที่ทำให้เกิดกลิ่น รส หรือเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- ไมริสทิซินคือ คืออะไร?
- พืชที่มีที่มีไมริสทิซินสูง
- ประโยชน์ของไมริสทิซิน
สารประกอบไมริสทิซินคือ คืออะไร?
ไมริสทิซินคือสารประกอบตามธรรมชาติ ที่พบได้ในเครื่องเทศ และสมุนไพรหลายชนิด โดยเฉพาะในลูกจันทน์เทศ parsley หรือผักชีลาว สารนี้เป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เครื่องเทศเหล่านี้ มีกลิ่นหอม และรสชาติเป็นเอกลักษณ์ จึงถูกใช้ในการปรุงอาหาร และทำเครื่องหอม มาตั้งแต่โบราณ พบในน้ำมันหอมระเหยหลายชนิด (20 ตุลาคม 2025) [1]
ประวัติไมริสทิซิน การค้นพบครั้งแรก
ไมริสทิซินถูกกล่าวถึง ในงานวิทยาศาสตร์ครั้งแรก ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยนักเคมีชาวเยอรมัน Friedrich Wilhelm Semmler ซึ่งศึกษาน้ำมันหอมระเหย จากลูกจันทน์เทศ และพบว่าสารนี้ เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญ ของกลิ่นเฉพาะตัว ของเครื่องเทศดังกล่าว ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20
นักเคมี Heinrich Thoms ได้ช่วยยืนยันโครงสร้างทางเคมี ของไมริสทิซินอย่างเป็นระบบ ทำให้วงการวิทยาศาสตร์ เริ่มเข้าใจว่ามันเป็นสารในกลุ่ม Phenylpropanoid ที่มีหมู่ Allyl เป็นองค์ประกอบ และเป็นกุญแจสำคัญ ของกลิ่นและรส ในเครื่องเทศบางชนิด ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1930–1940 เริ่มมีงานวิจัย
เกี่ยวกับการสังเคราะห์ไมริสทิซิน ในห้องปฏิบัติการ รวมถึงการศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพ และผลต่อระบบประสาทของมนุษย์ ซึ่งทำให้เกิดความสนใจ ทั้งในด้านโภชนาการ สมุนไพร และพิษวิทยา โดยเฉพาะเมื่อพบว่าไมริสทิซินในปริมาณสูง อาจกระทบต่อระบบประสาทได้ (11 กันยายน 2025) [2]
ศักยภาพและข้อจำกัดของไมริสทิซิน
งานทบทวนวรรณกรรมฉบับนี้ รวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับไมริสทิซินจากงานวิจัย 94 ชิ้น และคัดเลือกมาใช้วิเคราะห์จริง 68 ชิ้น เพื่อประเมินทั้งศักยภาพ เชิงประโยชน์ และความเสี่ยงของสารตัวนี้ ผลสรุปพบว่าไมริสทิซินมีฤทธิ์ทางชีวภาพหลากหลาย เช่นต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านการเจริญเติบโตของเซลล์บางชนิด
โดยงานวิจัยในห้องทดลอง ระบุว่าสามารถลดการสร้างสารอักเสบอย่าง PGE₂, TNF-α และ IL-1/6/8 รวมทั้งลดการทำงานของเอนไซม์ COX-2 ซึ่งเกี่ยวกับกระบวนการอักเสบ และในบางการทดลองยังพบผลกระตุ้นการตายของเซลล์ในเซลล์มะเร็ง ผ่านกลไกของ caspase-3 และการปล่อยไซโตโครม c
แต่หลักฐานที่มีส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับ in vitro และ in vivo ไม่ใช่การทดลองในมนุษย์โดยตรง ทำให้ยังไม่สามารถสรุปปริมาณที่ปลอดภัย หรือประสิทธิผลเชิงการรักษาได้แน่นอน อีกทั้งไมริสทิซินในปริมาณสูงอาจมีผลต่อระบบประสาท ซึ่งทำให้ประเด็นด้านความปลอดภัยต้องได้รับการศึกษาเพิ่มเติม (29 กันยายน 2021) [3]
พืชอะไรที่มีที่มีไมริสทิซินสูง?

- Mace หรือเยื่อหุ้มเมล็ดลูกจันทน์เทศ มีไมริสทิซินในระดับสูงที่สุด เพราะเป็นส่วนที่มีน้ำมันหอมระเหยเข้มข้น โดยมีประมาณ 1,000–2,000 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม เยื่อหุ้มเมล็ดลูกจันทน์เทศให้กลิ่นหอม หวาน เครื่องเทศชัด มักใช้ในเบเกอรี่ ซุป และเครื่องเทศบดสำเร็จรูป
- เมล็ดลูกจันทน์เทศ มีไมริสทิซินสูงรองลงมา เป็นแหล่งที่คนรู้จักมากที่สุด โดยมีประมาณ 200–1,200 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ให้กลิ่นหอม นิยมใส่ในแกง ซอสครีม เบเกอรี่ และใส่ในกาแฟบางสูตร
- Parsley ใบสด ใช้โรยแต่งจาน มีปริมาณน้อยกว่ากลุ่มเครื่องเทศแบบแห้งมาก แต่ยังพบอยู่ในน้ำมันหอมระเหยของใบมีไมริสทิซินประมาณ 5–30 mg. ต่อ 100 กรัมแต่ถ้าเป็นน้ำมันสกัดเข้มข้น จะมีปริมาณสูงกว่านี้มาก
- ใบและเมล็ดผักชีลาว ให้กลิ่นสดชื่นแบบสมุนไพร ใช้ในซุปปลา สลัด อาหารยุโรปเหนือ และอาหารไทย ใบสดมีไมริสทิซินปานกลาง ในขณะที่เมล็ดมีเข้มกว่า หากนำไปสกัด มีไมริสทิซินสูงประมาณ 40–150 milligram/100 g. ในใบสด
- เมล็ดและใบผักชี ใช้ทั้งในเครื่องแกง น้ำซุป ผัด และซอส เมล็ดจะมีปริมาณสูงกว่าใบ มีไมริสทิซินประมาณ 2–15 milligram/100 g.
ประโยชน์ของไมริสทิซินคืออะไร?
- ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสียหายของเซลล์ จากความเครียดออกซิเดชัน อาจช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ร่างกาย
- ต้านการอักเสบ มีข้อมูลวิจัย พบว่าสามารถลดสารกระตุ้นการอักเสบบางชนิดในร่างกายเช่น TNF-α และ IL-6
- อาจมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ สามารถยับยั้งการเจริญ ของแบคทีเรีย และเชื้อราบางชนิดได้ แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับทดลอง
- อาจช่วยต้านการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติ งานวิจัยในห้องปฏิบัติการ พบว่ามีผลกระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็งบางชนิด แต่ยังไม่ยืนยันในมนุษย์
ข้อเสียของไมริสทิซินคืออะไร?
- หากได้รับในปริมาณสูง อาจกระทบระบบประสาท ไมริสทิซินในระดับสูงอาจทำให้มึน งง สับสน คลื่นไส้ หรือหัวใจเต้นเร็ว
- เสี่ยงทำให้เกิดอาการประสาทหลอน เมื่อบริโภคเกินขนาด โดยเฉพาะถ้ากินลูกจันทน์เทศ ในปริมาณมากผิดปกติ
- ไม่เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์ หรือให้นม เนื่องจากมีรายงานว่าอาจรบกวนการพัฒนา ของระบบประสาทในตัวอ่อน หากได้รับในปริมาณสูง
- ผลการศึกษายังไม่เพียงพอ ในการใช้รักษาโรค สิ่งที่พบว่าส่งผลดีส่วนใหญ่ ยังจำกัดในงานวิจัย ไม่สามารถสรุปประสิทธิภาพในมนุษย์ได้
สรุปแล้ว พืชอะไรที่มีไมริสทิซินสูง
พืชที่มีไมริสทิซินสูง พบมากที่สุดในกลุ่มเครื่องเทศอย่าง เยื่อหุ้มเมล็ดลูกจันทน์เทศ ลูกจันทน์เทศ ซึ่งเป็นแหล่งหลักของกลิ่นหอมเฉพาะตัว รองลงมาจะพบในสมุนไพร ที่ใช้ในครัวประจำวัน เช่น Parsley ผักชี และผักชีลาว แม้ปริมาณจะน้อยกว่า แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในกลิ่นของอาหาร เมื่อใช้ในปริมาณปรุงอาหารปกติ ไมริสทิซินถือว่าปลอดภัย
ลูกจันทน์เทศใช้ในอาหารอะไร?
ลูกจันทน์เทศมักใช้แบบป่น ใส่ในแกงกะหรี่เล็กน้อย แกงมัสมั่น พะโล้ หรืออาหารที่ต้องการกลิ่นแบบเครื่องเทศ แต่จะไม่ใส่เยอะ เพราะกลิ่นจะเด่นเกินไป ส่วนต่างประเทศ จะนิยมใช้ในซุปครีม ซอสขาว ลาซานญ่า มันบด และอาหารยุโรปที่มีนมเนย เพื่อให้รสกลมกล่อมนุ่มขึ้น รวมถึงขนมอบ ช็อกโกแลตร้อน และเครื่องดื่มบางชนิด
ลูกจันทน์เทศใช้เท่าไหร่ถึงอันตราย?
ลูกจันทน์เทศถ้าใช้ในเครื่องเทศ ปรุงอาหารทั่วไป ไม่เกิน 1/4–1/2 ช้อนชา ต่อเมนู ถือว่าปลอดภัย แต่ถ้าบริโภคในปริมาณมากเกินไป ตั้งแต่ประมาณ 1–2 ช้อนชา หรือประมาณ 2–5 กรัมขึ้นไป จะเสี่ยงเกิดอาการพิษ ทำให้เกิดอาการ มึนงง ประสาทหลอน ใจเต้นเร็ว ปากแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน และอาจถึงขั้นชัก หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- Tags: สุขภาพ


