Parsley หรือ พาร์สลีย์ เป็นผักสมุนไพร ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ในครัวทั่วโลก ด้วยกลิ่นหอมสดชื่น และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ พาร์สลีย์ไม่เพียงแต่ใช้เป็นเครื่องปรุงรส หรือการตกแต่งจานอาหาร แต่ยังมีประโยชน์ทางโภชนาการ และสุขภาพมากมาย
พาร์สลีย์ เติบโตได้ดี ในสภาพอากาศที่อบอุ่นถึงเย็น ปลูกได้ทั้งในสวนครัว และหรือแปลงผักที่บ้าน ต้องใช้ดินที่มีการระบายน้ำดี และแสงแดดเพียงพอ แต่ไม่ควรโดนแสงแดดโดยตรงตลอดเวลา สามารถปลูกได้จากเมล็ด และควรหมั่นรดน้ำ เพื่อให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ
สำหรับข้อมูลใน United States of America รัฐที่ผลิตพาร์สลีย์มากที่สุด ได้แก่ California, New Jersey, Texas, Florida และ Hawaii โดยรัฐ California ผลิตพาร์สลีย์มากกว่า 40% ของประเทศ America [1]
พาร์สลีย์ (Petroselinum crispum) เป็นพืชในตระกูล Apiaceae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับ Carrot และ Celery เป็นผักสมุนไพร ที่มีใบเขียวสด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ใช้ทั้งในรูปแบบสด และอบแห้ง ในการปรุงอาหาร และเครื่องดื่ม
พาร์สลีย์ มีต้นกำเนิดในแถบ Mediterranean และมีการใช้มาเป็นพันปี ในวัฒนธรรมโบราณเช่น Greek และ Roman ในสมัยโบราณ พาร์สลีย์ถูกใช้ทั้งเป็นอาหาร และยา และยังมีความสำคัญในพิธีกรรมทางศาสนา และการแพทย์
พาร์สลีย์ อุดมไปด้วยวิตามิน รวมถึงแร่ธาตุเช่น Iron และ potassium มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และการย่อยอาหาร นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ และช่วยบำรุงผิวพรรณ ข้อมูลที่ 1 ระบุว่าพาร์สลีย์ปริมาณต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 36 kcal
ที่มา: FoodData [2]
ข้อมูลที่ 2 ระบุว่าพาร์สลีย์ปริมาณต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 36 kcal
ที่มา: 16 สรรพคุณและประโยชน์ [3]
พาร์สลีย์ สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในซูเปอร์มาร์เก็ต และตลาดสด โดยมีจำหน่ายทั้งในรูปแบบสด