
สารธรรมชาติ พืชอะไรที่มี Nicotine สูง
- Fiona
- 10 views

พืชอะไรที่มี Nicotine สูง เป็นคำถามที่ทุกคนอาจนึกถึงแค่บุหรี่ หรือผลิตภัณฑ์ยาสูบเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงนิโคติน เป็นสารอัลคาลอยด์ ที่ธรรมชาติก็สร้างขึ้นเอง ในพืชบางชนิด สารนี้มีคุณสมบัติ ที่ส่งผลต่อระบบประสาท ของสิ่งมีชีวิต ทำให้มนุษย์ให้ความสนใจ ในแง่ของผลกระทบ และการใช้ประโยชน์ในบางประการ
- นิโคติน คืออะไร?
- ผลกระทบนิโคตินต่อสุขภาพ
- พืชอะไรบ้างที่มีนิโคตินสูง?
สารเคมีธรรมชาติ นิโคติน คืออะไร?
นิโคตินคือสารเคมีตามธรรมชาติในกลุ่ม Aalkaloid ที่พบมากในพืชตระกูลยาสูบ Nicotiana ซึ่งพืชสร้างขึ้น เพื่อป้องกันตัวเองจากแมลง และศัตรูพืช นิโคตินมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางของมนุษย์ ทำให้รู้สึกตื่นตัว มีสมาธิ และอารมณ์ดีชั่วคราว แต่ก็เป็นสาร ที่ทำให้เกิดการเสพติด ทั้งทางร่างกาย และจิตใจได้ง่าย
เมื่อร่างกายได้รับเป็นประจำ สมองจะปรับตัว และเกิดความต้องการสารนี้ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้นิโคตินเองจะไม่ใช่สารก่อมะเร็งโดยตรง แต่ผลิตภัณฑ์ที่มีนิโคติน เช่นบุหรี่ ยาสูบ หรือบุหรี่ไฟฟ้า มักมีสารพิษอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อปอด หัวใจ และหลอดเลือด จึงถือเป็นสารที่ต้องระมัดระวัง แม้จะพบได้ตามธรรมชาติก็ตาม
ประวัตินิโคติน การค้นพบครั้งแรก
นิโคตินถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1828 โดยนักเคมีชาวเยอรมัน Wilhelm Heinrich Posselt และ Karl Ludwig Reimann ซึ่งสามารถแยกสารออกจากใบยาสูบ และสังเกตว่ามีฤทธิ์เป็นพิษ ต่อระบบประสาท ของสิ่งมีชีวิต ถือเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้สารนี้ ได้รับความสนใจ ในวงการวิทยาศาสตร์ และการแพทย์
ต่อมาในปี 1843 Louis-Henri-Frédéric Melsens นักเคมีชาวเบลเยียม ได้ระบุสูตรเคมี ของนิโคตินว่า C₁₀H₁₄N₂ อย่างชัดเจน และในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน Adolf Pinner และ Richard Wolffenstein สามารถอธิบายโครงสร้างโมเลกุลของมันได้ครบถ้วน
จนกระทั่งปี 1904 Amé Pictet และผู้ร่วมงาน ได้สังเคราะห์นิโคตินขึ้นสำเร็จ ในห้องทดลองเป็นครั้งแรก ทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับสารนี้ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นพื้นฐานสำคัญ ของงานวิจัยด้านพิษวิทยา และประสาทวิทยา ในเวลาต่อมา (11 พฤศจิกายน 2025) [1]
งานวิจัย ผลกระทบนิโคตินต่อสุขภาพ
- เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และความดันโลหิต นิโคตินกระตุ้นระบบประสาท Sympathetic nervous system ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น และหลอดเลือดหดตัว ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นชั่วคราว และหากได้รับซ้ำบ่อยๆ จะเพิ่มภาระต่อระบบหัวใจ และหลอดเลือดในระยะยาว
- เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ และหลอดเลือด การได้รับนิโคตินต่อเนื่อง ทำให้หลอดเลือดตีบ แข็ง และมีแนวโน้ม เกิดลิ่มเลือดมากขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับความเสี่ยง ของโรคหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง
- ส่งผลต่อระบบประสาท และสมอง นิโคตินมีผลโดยตรงต่อสมอง โดยกระตุ้นให้สมองหลั่งสาร Dopamine ซึ่งสร้างความรู้สึกพึงพอใจ และผ่อนคลาย แต่เมื่อใช้ซ้ำบ่อย จะทำให้สมองปรับตัว และเกิดการพึ่งพิง เมื่อหยุดใช้ จะเกิดอาการถอน เช่นหงุดหงิด วิตกกังวล หรือไม่มีสมาธิ
- ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจโดยอ้อม แม้นิโคตินเองไม่ใช่สารก่อมะเร็ง แต่ผลิตภัณฑ์ที่มีนิโคติน เช่นบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า มักมีสารเคมีอันตรายอื่นเช่น Tar และ Carbon monoxide ที่ทำลายปอด เพิ่มความเสี่ยงโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และมะเร็งปอด
- กระทบต่อระบบย่อยอาหาร และการหลั่งฮอร์โมน นิโคตินกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง Adrenaline และกลูโคสในเลือดสูงขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลผันผวน และส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนัก บางคนอาจรู้สึกเบื่ออาหาร หรือระบบย่อยอาหาร ทำงานช้าลง
- ผลกระทบต่อหญิงตั้งครรภ์ และทารก การได้รับนิโคตินระหว่างตั้งครรภ์ อาจรบกวนการพัฒนาอวัยวะของทารก โดยเฉพาะสมองและปอด เพิ่มความเสี่ยง คลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดต่ำ
- ผลระยะยาวต่อสุขภาพช่องปาก และผิวหนัง นิโคตินลดการไหลเวียนเลือด ไปยังเนื้อเยื่อ ทำให้แผลในช่องปากหายช้า เหงือกอักเสบง่าย และผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น เร็วกว่าปกติ
ที่มา: Everything you need to know about nicotine (1 กรกฎาคม 2024) [2]
พืชอะไรบ้างที่มีนิโคตินสูง?

พืชที่มีนิโคตินสูง โดยปริมาณต่อ 100 กรัม มีดังนี้
- ยาสูบพันธุ์ Nicotiana rustica มีนิโคตินสูงที่สุดประมาณ 9,000 มิลลิกรัม หรือราว 9% ของน้ำหนักแห้ง เป็นพืชที่ใช้ทำยาสูบแบบพื้นเมือง กลิ่นแรง และออกฤทธิ์มากกว่ายาสูบทั่วไปหลายเท่า
- ยาสูบพันธุ์ Nicotiana tabacum มีนิโคตินประมาณ 30–70 มิลลิกรัม หรือราว 0.03–0.07% ของน้ำหนักใบแห้ง เป็นแหล่งนิโคตินหลัก ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ยาสูบ ในปัจจุบัน
- มะเขือยาว มีนิโคตินอยู่ราว 10 ไมโครกรัม จัดเป็นผักที่มีนิโคตินสูงสุด ในกลุ่มอาหารทั่วไป แต่ก็ยังถือว่าน้อยมาก จนไม่ส่งผลต่อร่างกาย
- มะเขือเทศ พบประมาณ 4 ไมโครกรัม โดยเฉพาะในผลดิบ ส่วนผลสุกจะลดลงอีก พืชชนิดนี้เป็นญาติใกล้ชิดของยาสูบ แต่ให้ปริมาณนิโคติน เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- Potato มันฝรั่งมีนิโคตินเฉลี่ย 0.001–0.002 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม หรือประมาณ 1–2 ไมโครกรัม ปริมาณน้อยมากจนแทบวัดไม่ได้
ปัจจัยเสี่ยงของการติดนิโคติน
- สภาพแวดล้อมในครอบครัว เด็กที่เติบโตในบ้าน ที่มีคนสูบบุหรี่ มักมีโอกาสเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีนิโคติน ตั้งแต่อายุน้อย เพราะเห็นพฤติกรรมนี้ เป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน การได้รับแบบอย่าง จากผู้ใหญ่ในบ้าน ทำให้มองว่านิโคติน ไม่ใช่สิ่งอันตราย และเมื่อเริ่มลองใช้ ก็มีแนวโน้มจะติดง่ายขึ้น
- อิทธิพลจากเพื่อนหรือสังคมรอบข้าง การอยู่ในกลุ่มเพื่อน ที่สูบบุหรี่หรือใช้บุหรี่ไฟฟ้า เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เริ่มใช้ตาม เพื่อให้เข้ากับกลุ่ม หรือไม่อยากรู้สึกแตกต่าง โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น ที่ต้องการการยอมรับทางสังคม เมื่อเริ่มใช้เพราะแรงกดดัน หรืออยากลอง มักนำไปสู่การใช้ซ้ำ
- การใช้เพื่อคลายเครียด หรือควบคุมอารมณ์ หลายคนหันมาใช้บุหรี่ หรือผลิตภัณฑ์นิโคติน เวลารู้สึกเครียด วิตกกังวล หรือเหนื่อยล้า เพราะสารนิโคติน กระตุ้นสมองให้หลั่งโดพามีน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายชั่วคราว แต่เมื่อใช้บ่อย สมองจะจดจำ ว่านิโคตินช่วยให้รู้สึกดี
- การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่าย เมื่อบุหรี่หรือผลิตภัณฑ์ ที่มีนิโคตินหาซื้อได้ง่าย มีราคาถูก หรือมีโฆษณาชวนใช้ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาส ในการเริ่มใช้ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ที่ขาดการรับรู้เรื่องความเสี่ยง การเข้าถึงง่าย จึงเป็นปัจจัยกระตุ้น ให้การเสพติดเกิดขึ้นเร็ว และยากต่อการเลิกในระยะยาว
ที่มา: Nicotine Addiction (20 มิถุนายน 2024) [3]
ประโยชน์ของนิโคตินคืออะไร?
- กระตุ้นสมาธิ และการตื่นตัว นิโคตินออกฤทธิ์กระตุ้น สารสื่อประสาท Edecetylcholine และDopamine
- ช่วยให้รู้สึกตื่นตัว มีสมาธิ และตอบสนองเร็วขึ้น ในระยะสั้น
- ช่วยเพิ่มอารมณ์ และลดความเครียดชั่วคราว มีผลกระตุ้นการหลั่งโดพามีน และเซโรโทนิน ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย หรืออารมณ์ดีขึ้น ชั่วขณะหนึ่ง
- อาจช่วยในการควบคุมน้ำหนัก นิโคตินมีผลลดความอยากอาหาร และเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน จึงพบว่าผู้สูบบุหรี่บางคน มีน้ำหนักลดลง แต่ไม่ใช่วิธีที่ปลอดภัยหรือแนะนำ
- อาจมีศักยภาพ ด้านการวิจัยทางประสาทวิทยา มีการศึกษาว่านิโคติน ในปริมาณต่ำ อาจมีผลต่อการปกป้องเซลล์ประสาท และอาจช่วยบรรเทาอาการในโรค Parkinson หรือAlzheimer ได้ในอนาคต แต่ยังต้องการหลักฐานเพิ่มเติม
พืชอะไรที่มี Nicotine สูง กล่าวโดยสรุป
โดยสรุปแล้ว พืชที่มีนิโคตินสูงที่สุดคือ ยาสูบพันธุ์ Nicotiana rustica และ Nicotiana tabacum ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของนิโคติน ในผลิตภัณฑ์บุหรี่ ขณะที่พืชอย่างมะเขือยาว มะเขือเทศ และมันฝรั่ง ก็มีนิโคตินอยู่บ้างในระดับเล็กน้อยเช่นกัน ซึ่งปริมาณนิโคติน ในพืชทั่วไป ที่เรารับประทานในชีวิตประจำวัน น้อยมากจนไม่เป็นอันตราย
ได้รับนิโคตินเท่าไหร่ถึงเป็นอันตราย?
ขนาดที่ถือว่าเป็นพิษเฉียบพลัน อยู่ที่ประมาณ 30–60 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่ หรือประมาณ 0.5–1 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หากได้รับในครั้งเดียว อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก ใจสั่น หายใจลำบาก และในกรณีรุนแรง อาจถึงขั้นชัก หรือหัวใจหยุดเต้นได้
ใครที่ควรระวังสารนิโคตินเป็นพิเศษ?
กลุ่มที่ควรระวังเป็นพิเศษได้แก่ เด็กและวัยรุ่น ซึ่งสมองยังพัฒนาไม่เต็มที่ หญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตรเพราะนิโคติน สามารถผ่านรก และน้ำนมไปสู่ทารกได้ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือโรคทางระบบประสาท เพราะสารนี้ กระตุ้นให้หัวใจทำงานหนักขึ้น และเพิ่มภาระต่อระบบไหลเวียนเลือด
- Tags: สุขภาพ


