
คำถามน่ารู้ พืชอะไรที่มี Phenylalanine สูง
- Fiona
- 11 views

พืชอะไรที่มี Phenylalanine สูง อาจฟังดูเป็นคำถามเชิงวิชาการ แต่แท้จริงแล้ว เป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยให้เราได้ศึกษามุมมองใหม่ เกี่ยวกับอาหารจากธรรมชาติรอบตัว ฟีนิลอะลานีนอาจไม่ใช่สารอาหาร ที่เราพูดถึงกันบ่อยนัก เราจะพาดูว่าฟีนิลอะลานีน เกี่ยวกับชีวิตประจำวันอย่างไร ก่อนจะนำเข้าสู่รายละเอียดที่ลึกขึ้น ในหัวข้อถัดไป
- ฟีนิลอะลานีน คืออะไร?
- ประโยชน์ของฟีนิลอะลานีน
- พืชอะไรที่มี Phenylalanine สูง
กรดอะมิโน ฟีนิลอะลานีน คืออะไร?
ฟีนิลอะลานีนคือกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ที่ร่างกายต้องใช้ในการสร้างโปรตีน และเป็นกรดอะมิโนจำเป็น ที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น โดยรูปแบบที่ร่างกายใช้มากที่สุดคือ L-phenylalanine ซึ่งเป็นตัวที่พบได้ตามธรรมชาติ ในอาหารอย่างถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดธัญพืช และโปรตีนจากพืช และสัตว์
เมื่อเข้าสู่ร่างกาย ฟีนิลอะลานีนจะถูกเปลี่ยน ไปเป็นสารสำคัญหลายชนิด รวมถึงสารสื่อประสาท ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ และการทำงานของระบบประสาท จึงถือว่ามีส่วนช่วยสนับสนุน การทำงานของสมอง และสมดุลของร่างกาย มีบทบาทสำคัญ ในระบบชีวเคมีร่างกายของเราอย่างมาก (25 พฤศจิกายน 2024) [1]
ประวัติ ของฟีนิลอะลานีน การค้นพบครั้งแรก
ประวัติของฟีนิลอะลานีน เริ่มต้นในปี 1879 เมื่อ Schulze และ Barbieri สามารถแยกสารชนิดนี้ ออกจากต้นLupinus สีเหลืองได้เป็นครั้งแรก ทำให้โลกวิทยาศาสตร์ เริ่มรู้จักกรดอะมิโนที่มี Benzene ring เป็นโครงสร้างเด่นชัด จากนั้นในปี 1882 Erlenmeyer และ Lipp ได้ก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยการสังเคราะห์ฟีนิลอะลานีน
จากสารตั้งต้นอย่าง phenylacetaldehyde ร่วมกับไฮโดรเจนไซยาไนด์ และแอมโมเนีย ซึ่งช่วยเปิดประตูให้การศึกษาเชิงลึก เกี่ยวกับคุณสมบัติ การทำงาน และปฏิกิริยาของฟีนิลอะลานีน พัฒนาอย่างเป็นระบบมากขึ้น และกลายเป็นพื้นฐานสำคัญ ในการทำความเข้าใจ กรดอะมิโนชนิดอื่นๆ ในยุคต่อมา (29 กันยายน 2025) [2]
ประโยชน์ของฟีนิลอะลานีนคืออะไร?
- ช่วยสร้างสารสื่อประสาทที่สำคัญ ฟีนิลอะลานีนเป็นวัตถุดิบตั้งต้น ที่ร่างกายใช้สร้าง Tyrosine และต่อยอดไปเป็น Dopamine Norepinephrine และ Epinephrine ซึ่งเกี่ยวข้องกับอารมณ์ การมีสมาธิ การตอบสนองต่อความเครียด และการทำงานของสมองโดยรวม
- อาจช่วยในผู้ที่มีภาวะด่างขาว งานวิจัยบางส่วน พบว่า ฟีนิลอะลานีน เมื่อใช้ร่วมกับการฉายแสง UV อาจช่วยให้ผิว สร้างเม็ดสีได้ดีขึ้น ในบางคนที่มีภาวะด่างขาว แม้ผลลัพธ์ จะไม่เหมือนกันทุกคน แต่ถือเป็นหนึ่งในแนวทาง ที่ถูกนำมาศึกษา
- เกี่ยวข้องกับการทำงานของอารมณ์ และสุขภาพจิต เนื่องจากฟีนิลอะลานีน มีส่วนเกี่ยวข้อง กับกระบวนการสร้างโดพามีน จึงมีการศึกษา ในผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้า อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนเพียงพอ ที่จะยืนยันว่าใช้รักษาได้จริง จึงควรใช้ด้วยความระมัดระวัง
ที่มา: Phenylalanine Benefits, Side Effects (27 พฤศจิกายน 2023) [3]
พืชที่มีฟีนิลอะลานีนสูงมีอะไรบ้าง?

พืชที่มีฟีนิลอะลานีนสูงปริมาณต่อ 100 กรัม มีดังนี้
- ถั่วเหลือง มีฟีนิลอะลานีนประมาณ 1,900–2,000 มก. ถั่วเหลืองเป็นแหล่งกรดอะมิโนชั้นยอด รวมถึงฟีนิลอะลานีน ที่สูงที่สุดในกลุ่มพืช มักพบในรูปถั่วเหลืองแห้ง เต้าหู้ หรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองต่างๆ
- เมล็ดฟักทอง มีฟีนิลอะลานีนประมาณ 1,200–1,300 มก. เมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยโปรตีน และกรดอะมิโนหลายชนิด รวมถึงฟีนิลอะลานีน ปริมาณสูงเมื่อเทียบกับถั่ว และเมล็ดพืชทั่วไป
- เมล็ดทานตะวัน มีฟีนิลอะลานีนประมาณ 1,000–1,200 มก. ให้โปรตีนพืชสูง และเป็นแหล่งกรดอะมิโนที่ดี เหมาะสำหรับผู้กินมังสวิรัติ หรือสาย plant-based
- ถั่วลิสง มีฟีนิลอะลานีน 900–1,000 mg. เป็นถั่วที่หาได้ง่าย ให้ฟีนิลอะลานีนสูงพอสมควร เหมาะกับการเพิ่มโปรตีน จากพืชในชีวิตประจำวัน
- ควินัว มีฟีนิลอะลานีน 600–700 mg. ธัญพืชโบราณที่เป็น complete protein คือมีกรดอะมิโนจำเป็นครบ รวมถึงฟีนิลอะลานีนในระดับที่พอดี
- ถั่วลูกไก่ มีฟีนิลอะลานีน 600–650 mg. เป็นแหล่งโปรตีนพืชยอดนิยม ในอาหารตะวันออกกลาง ให้กรดอะมิโนหลากหลาย รวมทั้งฟีนิลอะลานีน
- ข้าวโอ๊ตมีฟีนิลอะลานีน ประมาณ 500–550 มิลลิกรัม ธัญพืชที่มีโปรตีนสูงกว่าเมล็ดข้าวทั่วไป ทำให้มีฟีนิลอะลานีนมากขึ้นด้วย เหมาะกับเมนูสุขภาพ
- ถั่วดำ, ถั่วแดงมีฟีนิลอะลานีน ประมาณ 450–550 มิลลิกรัม ถั่วตระกูลนี้ให้โปรตีนพืชสูง และมีฟีนิลอะลานีน ในระดับดี เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มกรดอะมิโน ผ่านอาหารธรรมชาติ
- Brown rice ข้าวกล้องมีฟีนิลอะลานีน ประมาณ 300–350 milligram แม้ปริมาณจะน้อยกว่าถั่ว แต่ยังถือว่าเป็นหนึ่งในแหล่งฟีนิลอะลานีนจากธัญพืชที่ดี และกินง่ายในชีวิตประจำวัน
- กล้วยมีฟีนิลอะลานีนประมาณ 30–40 milligram ผลไม้ส่วนใหญ่มีฟีนิลอะลานีนไม่สูงมาก แต่กล้วยมีฟีนิลอะลานีน มากกว่าผลไม้ทั่วไปเล็กน้อย
ฟีนิลอะลานีนที่ควรได้รับต่อวัน
ปริมาณฟีนิลอะลานีน ที่ควรได้รับต่อวัน มักอ้างอิงจาก ปริมาณโปรตีน ที่แนะนำต่อวัน เนื่องจากฟีนิลอะลานีน เป็นส่วนหนึ่งของโปรตีน ตามธรรมชาติ โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่ จะได้รับเพียงพอ จากอาหารอยู่แล้ว ค่าแนะนำ ที่ใช้กันคือประมาณ 20–50 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน รวมฟีนิลอะลานีน และไทโรซีน
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีโรคเฉพาะเช่น PKU ต้องจำกัดปริมาณฟีนิลอะลานีน อย่างเข้มงวด ตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะร่างกาย ไม่สามารถย่อยสลายสารนี้ ได้ตามปกติ ส่วนคนทั่วไป ไม่จำเป็นต้องเสริมเพิ่มเติมเป็นพิเศษ เว้นแต่ต้องการเพิ่มโปรตีน หรือได้รับคำแนะนำ จากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
ข้อเสียของฟีนิลอะลานีนคืออะไร?
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรค Phenylketonuria ผู้ป่วย PKU ไม่สามารถย่อยฟีนิลอะลานีน ได้ตามปกติ ทำให้สารนี้คั่งในเลือด และเป็นอันตรายต่อสมองได้ จึงต้องจำกัดอาหาร ที่มีฟีนิลอะลานีนอย่างเข้มงวด
- อาจทำให้เกิดอาการทางระบบประสาท ในบางคน การได้รับฟีนิลอะลานีนปริมาณมากเกินไป โดยเฉพาะจากอาหารเสริม อาจทำให้เกิดอาการปวดหัว วิตกกังวล หรือกระสับกระส่าย ในบางราย เนื่องจากมีผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง
- อาจรบกวนการทำงานของยาบางชนิด ฟีนิลอะลานีนอาจมีปฏิกิริยากับยา เช่นยาต้านซึมเศร้าบางกลุ่ม หรือยาที่มีผลต่อระบบประสาท จึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ก่อนใช้ร่วมกัน
- ไม่ควรบริโภคมากเกินจำเป็น ในผู้มีปัญหาเกี่ยวกับความดัน หรือหัวใจ เนื่องจากฟีนิลอะลานีน เกี่ยวข้องกับการสร้างฮอร์โมน ที่มีผลต่อความดันเลือด ผู้ที่มีโรคหัวใจ หรือความดันสูง ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
สรุปแล้ว พืชอะไรที่มีฟีนิลอะลานีนสูง
ฟีนิลอะลานีนพบมากในพืช และอาหารจากธรรมชาติรอบตัว ทั้งถั่วเหลือง เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง ควินัว ถั่วลูกไก่ ข้าวโอ๊ต รวมถึงถั่วแดง ถั่วดำ ข้าวกล้อง และผลไม้อย่างกล้วย การรู้ว่าอาหารเหล่านี้ มีบทบาทกับร่างกายอย่างไร ช่วยให้เราเลือกอาหาร เพื่อให้นำไปประยุกต์ใช้ได้ง่าย ในชีวิตประจำวัน
ควรทานฟีนิลอะลานีนคู่กับอะไร?
การทานฟีนิลอะลานีน ควรทานร่วมกับโปรตีน และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึม และนำไปใช้สร้างไทโรซีน และสารสื่อประสาท ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทานคู่กับวิตามินบี6 บี9 และบี12 ก็ช่วยให้สมอง และระบบประสาททำงานได้เต็มที่ และการทานร่วมกับไขมันดี จะช่วยให้ร่างกาย ดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
ใครที่ควรทานฟีนิลอะลานีนเป็นพิเศษ?
คนส่วนใหญ่ได้รับฟีนิลอะลานีน เพียงพอจากอาหารอยู่แล้ว แต่ผู้ที่อาจต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ได้แก่ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ หรือวีแกน ซึ่งต้องพึ่งโปรตีนจากพืชเป็นหลัก ผู้ที่ออกกำลังกายหนัก หรือเล่นเวทเป็นประจำ และต้องการเสริมการซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และผู้ที่อยู่ในช่วงฟื้นฟูร่างกายหลังเจ็บป่วย ที่ต้องการโปรตีนเพิ่ม
- Tags: สุขภาพ


