มะละกอ กินมากได้ไหม แนะนำวิธีกินที่ถูกต้อง

มะละกอ กินมากได้ไหม

มะละกอ กินมากได้ไหม เป็นผลไม้ที่หลายคนเชื่อว่า “กินเท่าไรก็ไม่อ้วน” เพราะมีไฟเบอร์สูง และพลังงานต่ำ แต่รู้หรือไม่ว่า หากบริโภคมากเกินไป อาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร และสมดุลสารอาหารในร่างกาย บทความนี้จะพาคุณสำรวจข้อเท็จจริงทางโภชนาการของมะละกอ พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณกินอย่างมั่นใจ ได้ประโยชน์เต็มที่ โดยไม่เสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว

  • ข้อมูลพื้นฐานของมะละกอ
  • ข้อมูลโภชนาการของมะละกอ
  • ประวัติความเป็นมา มะละกอ
  • สรรพคุณทางยาสมุนไพร
  • ข้อควรระวัง หากกินมะละกอ มากเกินไป

ข้อมูลพื้นฐานของมะละกอ

  • ชื่อ: มะละกอ
  • ชื่อสามัญ: Papaya
  • ชื่อวิทยาศาสตร์: Carica papaya
  • วงศ์: Caricaceae
  • ถิ่นกำเนิด: อเมริกากลางและตอนใต้ของเม็กซิโก ก่อนแพร่เข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
  • ลักษณะทางพฤกษศาสตร์: เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูงประมาณ 3–6 เมตร ลำต้นตรง เปลือกเรียบ สีน้ำตาลอ่อน ไม่มีแก่น แตกกิ่งน้อย ใบเดี่ยวขนาดใหญ่ รูปฝ่ามือ ขอบใบเว้าเป็นแฉก ก้านใบกลวงยาว ดอกแยกเพศ อยู่คนละต้น ดอกสีขาว มีกลิ่นหอม ผลรูปกระสวย ผิวเรียบ เปลือกบาง มีเมล็ดสีดำจำนวนมาก

ที่มา: มะละกอ (27 พฤศจิกายน 2024) [1]

ข้อมูลโภชนาการของมะละกอ (ต่อ 100 กรัม)

มะละกอดิบ: พลังงาน 36 kcal, น้ำตาล 8 g, ไฟเบอร์ สูง, วิตามินซี สูงกว่าแบบสุก, โฟเลต (B9) สูง, โพแทสเซียมสูง, เบต้าแคโรทีน / วิตามิน A ต่ำ

มะละกอสุก: พลังงาน 43 kcal, น้ำตาล 10.8 g, ไฟเบอร์ ปานกลาง, วิตามินซี 62 mg (75% DV), โฟเลต 38 µg (10% DV), โพแทสเซียม 182 mg, เบต้าแคโรทีน / วิตามิน A สูง (สีส้มจากเบต้าแคโรทีน)

จุดเด่นทางโภชนาการ

  • มีเอนไซม์ ปาเปน (Papain) สูงในผลดิบ ช่วยย่อยโปรตีนและลดการอักเสบ
  • วิตามินซีสูง เสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคลักปิดลักเปิด
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ไลโคปีน ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและมะเร็ง
  • ไฟเบอร์ช่วยระบบขับถ่าย มะละกอสุกถือเป็นยาระบายอ่อนๆ

ประวัติความเป็นมา มะละกอ

ประมาณ 35 ล้านปีก่อน พืชในวงศ์มะละกอ (Caricaceae) เริ่มแพร่จากแอฟริกาไปยังอเมริกากลาง โดย Carica papaya มีต้นกำเนิดในตอนใต้ของเม็กซิโกและอเมริกากลาง

ปี 1521–1611 สเปนและโปรตุเกสเริ่มนำมะละกอออกจากเมโสอเมริกาไปยังฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และอินเดีย เป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่กระจายสู่เอเชีย

สมัยกรุงศรีอยุธยา (ราวศตวรรษที่ 17) มีหลักฐานละอองเรณูของมะละกอในสระน้ำพระราชวังโบราณอยุธยา บ่งชี้ว่ามะละกอถูกนำเข้ามาปลูกในไทยตั้งแต่ยุคนั้น

ที่มา: มะละกอ แหล่งกำเนิด เส้นทางการกระจายพันธุ์ (4 มกราคม 2023) [2]

สรรพคุณทางยาสมุนไพรจากมะละกอ

  • ผลสุก: เป็นยาระบายอ่อน ๆ บำรุงธาตุและช่วยย่อยอาหาร
  • ผลดิบ: ขับลม ขับปัสสาวะ และใช้ฆ่าพยาธิจากยาง
  • ใบ: บำรุงหัวใจ แก้ไข้ แก้ปวดข้อ และใช้ประคบลดบวม
  • ราก: ขับปัสสาวะ รักษาอาการขัดเบา
  • เมล็ด: มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อและใช้พอกแผล
  • ยาง: ใช้หมักเนื้อสัตว์ ช่วยย่อยโปรตีน และรักษาแผลผิวหนังบางชนิด

กินมะละกอยังไง ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการแนะนำว่า การกินมะละกอให้ได้ประโยชน์สูงสุด ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เกิน 100–150 กรัมต่อครั้ง และไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อวัน ควรสลับกับผลไม้ชนิดอื่นเพื่อความหลากหลายทางสารอาหาร และหลีกเลี่ยงการกินผลดิบมากเกินไป เพราะอาจระคายเคืองกระเพาะอาหาร

หากมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร หรือแพ้เอนไซม์ปาเปน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคอย่างต่อเนื่อง การกินอย่างรู้เท่าทัน จะช่วยให้คุณได้รับคุณค่าทางโภชนาการเต็มที่ โดยไม่เสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว เช่นเดียวกันกับ มะม่วง มีโทษหรือไม่ ที่ควรทานแต่พอดี เพราะหากทานมากเกินไปอาจเกิดโทษต่อร่างกายได้

ข้อควรระวัง หากกินมะละกอ มากเกินไป

  • ท้องเสียหรือปวดท้อง มะละกอมีเอนไซม์ปาเปนและไฟเบอร์สูง หากกินมากเกินไปอาจระคายเคืองลำไส้และทำให้ถ่ายเหลวได้
  • โพแทสเซียมเกินในผู้ป่วยโรคไต มะละกอสุกมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งอาจสะสมในเลือดและทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะในผู้ที่มีไตบกพร่อง
  • ผลต่อการแข็งตัวของเลือด ผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด เช่น วาร์ฟาริน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินมะละกอ เพราะอาจเสริมฤทธิ์ยาและทำให้เลือดออกง่าย
  • สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงมะละกอดิบ เพราะอาจมีสารที่กระตุ้นการบีบตัวของมดลูก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก
  • อาการแพ้ในบางคน เช่น ผื่นคัน ลมพิษ หรือคลื่นไส้ หากมีอาการเหล่านี้ควรหยุดกินและปรึกษาแพทย์ทันที

ที่มา: ใครไม่ควรกินมะละกอ (9 มีนาคม 2025) [3]

สรุปแล้ว มะละกอ กินมากได้ไหม ?

มะละกอ กินมากได้ไหม

โดยสรุป มะละกอ กินมากได้ไหม มะละกอมีไฟเบอร์และเอนไซม์ช่วยย่อย แต่หากกินมากเกินไปอาจทำให้ท้องเสียหรือระคายเคืองลำไส้ ผู้ป่วยโรคไตและผู้ใช้ยาละลายลิ่มเลือดควรระวัง เพราะมะละกอมีโพแทสเซียมและสารที่อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงมะละกอดิบ และควรกินในปริมาณพอดีเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ

กินมะละกอเวลาไหนดีที่สุด?

ช่วงเช้า หรือหลังอาหารกลางวัน จะช่วยกระตุ้นการขับถ่าย และการย่อยอาหาร ควรหลีกเลี่ยงก่อนนอน เพราะอาจทำให้ระบบย่อย ทำงานหนักเกินไป

มะละกอดิบต่างจากมะละกอสุกอย่างไร?

มะละกอดิบ มีเอนไซม์ปาเปนสูง ช่วยย่อยโปรตีน ใช้ทำส้มตำ ส่วนมะละกอสุกมีน้ำตาลธรรมชาติและวิตามินซีสูง มะละกอสุก ช่วยเรื่องขับถ่าย ส่วนมะละกอดิบเหมาะกับเมนูอาหารคาว

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of OTP
OTP

แหล่งอ้างอิง