วอลนัท มีโอเมก้า3และ6 ประโยชน์สำคัญ ดีต่อสุขภาพ

วอลนัท มีโอเมก้า3และ6

วอลนัท มีโอเมก้า3และ6 วอลนัทเป็นถั่วที่มีเปลือกแข็ง และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง วอลนัทเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่จำเป็นต่อร่างกาย มาดูกันว่าประโยชน์ของวอลนัทมีอะไรบ้าง และทำไมเราควรทานเป็นส่วนหนึ่ง ของอาหารในชีวิตประจำวัน

วอลนัท มีโอเมก้า3และ6 และประโยชน์ของ Walnut

  • สุขภาพหัวใจ: วอลนัทช่วยลดคอเลสเตอรอล ที่ไม่ดี (LDL) และมีกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยลดการอักเสบในหลอดเลือด
  • บำรุงสมอง: มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์สมอง และช่วยเพิ่มความจำ
  • ควบคุมน้ำหนัก: วอลนัทมีไฟเบอร์และโปรตีนสูง ช่วยให้อิ่มนาน และควบคุมความหิว
  • ส่งเสริมการทำงาน ของระบบประสาท: มีสารอาหารที่สนับสนุนการทำงาน ของระบบประสาท และสมอง
  • สุขภาพผิว: อุดมด้วยวิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสและชุ่มชื้น
  • ลดการอักเสบ: วอลนัทมีสาร ที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
  • บำรุงกระดูก: มีแร่ธาตุสำคัญเช่น แคลเซียม และแมกนีเซียม ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก

ที่มา: วอลนัทมีประโยชน์อย่างไร [1]

 

วอลนัทมีโอเมก้า3และ6 และสารอาหารใน 100 กรัม

Walnut ปริมาณต่อ 100 กรัม มี แคลอรี 654 kcal และสารอาหารอื่นๆ ดังนี้

  • ไขมันทั้งหมด 65 g.
  • ไขมันอิ่มตัว 6 g.
  • โซเดียม 2 mg.
  • โพแทสเซียม 441 mg.
  • คาร์โบไฮเดรต 14 g.
  • เส้นใยอาหาร 7 g .
  • น้ำตาล 2.6 g.
  • โปรตีน 15 g.
  • วิตามินซี 1.3 mg.
  • แคลเซียม 98 mg.
  • เหล็ก 2.9 mg.
  • วิตามินบี6 0.5 mg.
  • แมกนีเซียม 158 mg.

ที่มา: Nuts, walnuts [2]

 

วอลนัทมีโอเมก้า3และ6 Omega คืออะไร ดีอย่างไร

Omega 3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน เช่น ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และหลอดเลือด ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ช่วยในการทำงานของสมอง โอเมก้า-3 ที่พบมากในวอลนัทคือ Alpha-linolenic acid ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้วอลนัท 1 ออนซ์ ประมาณ 28 กรัมมีโอเมก้า-3 ประมาณ 2.5 กรัม

Omega 6 ก็เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวอีกชนิดหนึ่ง ที่จำเป็นต่อร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยให้เซลล์ทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นกรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ จึงต้องได้รับจากการบริโภคอาหาร วอลนัทมีโอเมก้าเช่นเดียวกับ เฮเซลนัท มีโอเมก้า3และ6 และวอลนัท 1 ออนซ์ (28 กรัม) มีโอเมก้า-6 ประมาณ 10.8 กรัม [3]

วอลนัทมีโอเมก้า3และ6 และประโยชน์จากวอลนัท

  • การบริโภควอลนัท ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยง ของโรคหัวใจ
  • โอเมก้า-3 มีส่วนช่วยลดการเกิดลิ่มเลือด และลดการอักเสบของหลอดเลือด
  • โอเมก้า-3 เป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับการพัฒนาของสมอง และการทำงานของระบบประสาท
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองในด้านความจำ และการเรียนรู้
  • ไฟเบอร์และโปรตีนในวอลนัท ช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความอยากอาหารระหว่างวัน
  • ไขมันที่ดีในวอลนัท ช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญ พลังงานในร่างกาย
  • ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น และลดการอักเสบของผิวหนัง
  • วิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระในวอลนัท ช่วยป้องกันริ้วรอย และความเสียหายจากแสงแดด

วอลนัท มีโอเมก้า3 และ6 ข้อแนะนำการบริโภควอลนัท

วอลนัท มีโอเมก้า3และ6
  • สามารถเพิ่มวอลนัทในซีเรียล โยเกิร์ตหรือ Smoothies เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ
  • วอลนัทเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับขนมขบเคี้ยว ที่มีประโยชน์
  • สามารถใช้วอลนัท เป็นส่วนประกอบในสลัด ผัดผัก
  • ใช้ในการทำขนมอบเช่น คุกกี้ บราวนี่ เค้ก พาย เพิ่มวอลนัทลงในแป้ง เพื่อเพิ่มรสชาติ และประโยชน์ต่อสุขภาพ
  • นำวอลนัทบดมาใช้เป็นเนยถั่ว สำหรับทาขนมปัง หรือใช้เป็นส่วนผสมใน Smoothies

วอลนัท มีโอเมก้า3 และ6 ข้อควรระวังในการบริโภควอลนัท

  • การแพ้ถั่ว: วอลนัทอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ในบางคน เช่น ผื่นคัน หายใจลำบาก หรืออาการรุนแรงอื่นๆ ควรหลีกเลี่ยงหากมีประวัติแพ้ถั่ว
  • ปริมาณการบริโภค: วอลนัทมีพลังงาน และไขมันสูง ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม (ประมาณ 28 กรัมต่อวัน) เพื่อป้องกันน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
  • ปัญหาทางเดินอาหาร: การบริโภควอลนัทมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือท้องเสียได้ เนื่องจากมีไฟเบอร์สูง
  • การเก็บรักษา: ควรเก็บวอลนัทในที่แห้งและเย็น เพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นหืน จากการเกิด oxidation
  • สารปนเปื้อน: เลือกวอลนัทที่มีคุณภาพ และบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัย เพื่อหลีกเลี่ยงสารปนเปื้อน

สรุป วอลนัท มีโอเมก้า3และ6 และควรทานปริมาณให้เหมาะสม

วอลนัทเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การบริโภควอลนัท เป็นส่วนหนึ่งของอาหาร ในชีวิตประจำวัน สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจ บำรุงสมอง และรักษาความสมดุลของระบบต่างๆ ในร่างกายได้ อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง

174